บทที่ 2421 ตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่น 4
เขามองคนที่อยู่ในอ้อมแขน ถอนหายใจเบาๆ
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางอยู่ข้างกายตนแล้ว เขาจะต้องมุมานะให้มากขึ้น!
แน่นอน ต้องกระตุ้นการบ่มเพาะของนางด้วย ให้กลายเป็นเสี่ยวเซียนในเร็ววัน เช่นนี้ถึงจะหวนสู่ดินแดนเบื้องบนพร้อมเขาได้…
จะว่าไป ตอนนางอยู่ที่ดินแดนเบื้องบนวรยุทธ์สูงส่งปานนั้น บรรลุขั้นซ่างเสินแล้ว พลังยุทธ์ของนางน่าจะพอๆ กับท่านพ่อท่านแม่ของเขา
เท่าที่ฟังจากนางมา ตอนนางอยู่ในโลกเบื้องล่างก็บรรลุระดับนี้แล้ว อายุยังไม่ถึงห้าสิบก็บำเพ็ญถึงขั้นซ่างเสินแล้ว นี่ช่างเป็นตัวตนที่ท้าทายสวรรค์โดยแท้!
ด้วยไอวิญญาณอันเบาบางของโลกเบื้องล่างแล้วยิ่งเป็นไปไม่ได้กว่าเดิม
การปรากฏสถานการณ์เช่นนี้มีอยู่เพียงสองกรณีเท่านั้น หนึ่ง ก่อนตายเทพศักดิ์สิทธิ์หวงถูได้ถ่ายทอดพลังยุทธ์ให้นาง เพียงแต่นางลืมเลือนเรื่องนี้ไปพร้อมกับการดับสูญของเทพศักดิ์สิทธิ์หวงถู
สอง เดิมทีนางก็เป็นตัวตนที่ท้าทายสวรรค์อย่างยิ่งอยู่แล้ว
ในสองกรณีนี้ข้อแรกดูเข้าเค้ากว่า แต่ก็ไม่อาจตัดข้อสองทิ้งไปเลยได้…
ครั้งนี้นางได้รับทัณฑ์สวรรค์ถูกเนรเทศมาที่แดนอสุราแห่งนี้ ดังนั้นวรยุท์ถึงตกต่ำลงมากขนาดนี้
บางทีถ้ายุติเรื่องวุ่นวายที่นี่ได้ วรยุทธ์นางอาจจะกลับคืนมา…
นับว่าเป็นการทำคุณไถ่โทษกระมัง?
ตี้ฝูอีก้มลงไปจุมพิตหน้านางทีหนึ่ง รัดนางไว้ในอ้อมแขน
“ซีจิ่ว ถึงแม้ข้าจะเป็นหวงถูกลับชาติมาเกิด แต่ข้าก็หวังว่าเจ้าจะรักตัวตนของข้าในชาตินี้…”
นี่คือสาเหตุหลักที่หลังจากเขารู้ว่าตนคือหวงถูกลับชาติมาเกิดแล้วก็ไม่ได้ชี้แจงกับกู้ซีจิ่วเลย
เขาหวังให้นางรักเพียงตัวเขาในปัจจุบัน ไม่ใช่เพราะความรักในชาติก่อนถึงได้รัก…
ตี้ฝูอีคำนวณเวลาดูเล็กน้อย เวลายังเช้าอยู่ และนางก็เหนื่อยเกินไป ต้องพักผ่อนให้มากหน่อย
ช่างเถอะ ให้นางนอนต่ออีกสองชั่วยามก็แล้วกัน!
หลังจากผ่านไปสองชั่วยาม เขาจะพานางออกไป พอกลับเข้าร่างแล้ว เขากับนางยังมีเรื่องราวมากมายให้ต้องไปจัดการอยู่…
….
หวาเฉียนจวิ้นแทงอวิ๋นชิงหลัวตายแล้ว!
เขากับองครักษ์จินออกมารออยู่ด้านนอก เฝ้าดูอวิ๋นชิงหลัวพลางรอคอยให้กู้ซีจิ่วกลับออกมาพร้อมกับตี้ฝูอี
เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป จิตใจของพวกเขาก็กระสับกระส่ายขึ้นเรื่อยๆ…
พวกเขาร้อนรน จู๋ตู๋ชิงก็ร้อนรน
จู๋ตู๋ชิงร้อนรนกว่าพวกเขานัก!
คิดจะบุกเข้าไปดูหลายครั้ง แต่เขาหาทางเข้าอื่นไม่ได้ ประกอบกับสององครักษ์จินหวาคอยห้ามปรามอยู่ตลอด ท้ายที่สุดแล้วแม้แต่วงนอกเขาก็ยังบุกเข้าไปไม่ได้
สององครักษ์เกรงว่าเขาจะวู่วามจนเสียงาน ดังนั้นต่อมาจึงให้องครักษ์จินคอยประกบข้างกายจู๋ตู๋ชิง
ส่วนหวาเฉียนจวิ้นเฝ้าอวิ๋นชิงหลัวเพียงลำพัง
เดินทีอวิ๋นชิงหลัวเสมือนนั่งสมาธิหลับใหลอยู่ตลอด เขาจึงเฝ้าดูอย่างเบาใจยิ่งนัก
แต่ต่อมาอวิ๋นชิงหลัวที่นั่งสมาธิอยู่คล้ายจะลืมตาขึ้นมาแล้ว หัวใจหวาเฉียนจวิ้นพลันใจเต้น ขณะที่กำลังจะถามว่านางเล่นเล่ห์ปองร้ายองค์ราชันใช่หรือไม่ แต่พอสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นของนาง สมองเขาก็เกิดเสียงดังตูม ตัวคนค่อนข้างมึนงงอยู่บ้าง
“ฆ่าข้าสิ!”
“ฆ่าข้าซะ!”
“หวาเฉียนจวิ้น เจ้าฆ่าข้าเถอะ ข้าทรมานมากเลย…เจ้ารักข้าไม่ใช่หรือ? เจ้าทนเห็นข้าทุกข์ทรมานแบบนี้ได้หรือ?”
“เจ้าไม่อยากล้างแค้นให้น้องชายกับหลานสาวของเจ้าแล้วหรือ? ฆ่าข้าชำระแค้นเสียสิ จะได้เติมเต็มความปรารถนาของข้าด้วย…”
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าอวิ๋นชิงหลัวไม่ได้อ้าปากพูดเลย แต่เสียงของอวิ๋นชิงหลัวดุจเสียงล้างสมองที่แว่วขึ้นข้างหู หวาเฉียนจวิ้น เสียงนี้เต็มไปด้วยความเย้ายวนเชิญชวนอย่างไร้ใดเทียม…
แรกเริ่มหวาเฉียนจวิ้นไม่สนใจนาง พยายามต่อต้านเสียงเย้ายวนนี้…
แต่ไม่สามารถต้านทางน้ำเสียงที่ราวกับจะล้างสมองของนางได้ ข่มขู่ หลอกล่อ เว้าวอน ร่ำไห้…
ทุกวิธีการล้วนถูกใช้ออกมาแล้ว
จิตใจหวาเฉียนจวิ้นระส่ำระส่าย ในที่สุดก็ถูกเสียงนั้นควบคุม ชักกระบี่ออกมาแล้วแทงทะลุหัวใจอวิ๋นชิงหลัวที่นั่งอยู่ตรงนั้น! จากนั้นก็บิดคว้าน บดขยี้หัวใจของนาง!
อวิ๋นชิงหลัวร้อง
“อ๊า!”
คราหนึ่ง ร่างอ่อนยวบทรุดลงไปแล้ว
….
————————————————————————————-
บทที่ 2422 เทพเซียนก็ช่วยเหลือไม่ได้
เสียงเคลื่อนไหวทางด้านนี้ทำให้องครักษ์จินตกใจ เขาวิ่งกลับมา ทันทีที่เห็นก็สะดุ้งโหยง
“เหล่าหวา เจ้าทำอะไรน่ะ?!”
หวาเฉียนจวิ้นคล้ายจะได้สติกลับมาแล้ว สะดุ้งเฮือกหลั่งเย็นเย็นๆ ชุ่มศีรษะ
“ข้า…”
เขาไม่ได้อยากฆ่านางชัดๆ ทำไม…
เมื่อครู่นี้ตัวเขาราวกับถูกควบคุมไว้…
เขามองอวิ๋นชิงหลัว สิ้นชีพอย่างสมบูรณ์แล้ว เทพเซียนก็ช่วยเหลือไม่ได้…
จู๋ตู๋ชิงได้ยินความเคลื่อนไหว จึงวิ่งเข้ามาดูแวบหนึ่ง เอ่ยหยาม
“สตรีนางนี้ตายแล้วก็แล้วไปเถิด ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”
หวาเฉียนจวิ้นหดหู่
“แต่องค์ราชันตรัสว่าให้เก็บชีวิตนางไว้ก่อน”
จู๋ตู๋ชิงไม่สนใจ
“เหตุผลที่องค์ราชันของพวกเจ้าไว้ชีวิตนางก็เพียงเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ในวันวาน ตอนนี้ตายแล้วก็แล้วไปเถิด ยังทำอะไรได้อีก? จะว่าไปทำไม่จู่ๆ เจ้าถึงอยากฆ่านางล่ะ? แถมยังควานบดขยี้หัวใจด้วย…”
หวาเฉียนจวิ้นเอ่ยอย่างขมขื่น
“เรื่องนี้…เสียงนางคล้ายจะล้างสมองหลอกล่อให้ข้าสังหารนางอยู่ตลอด…”
จู๋ตู๋ชิงตกตะลึง
เขาขมวดคิ้ว วนรอบศพของอวิ๋นชิงหลัวรอบหนึ่ง มองต้นสายปลายเหตุไม่ออกเลยเช่นกัน เพียงแต่ในใจรู้สึกอยู่รางๆ ว่ามีบางอย่างผิดปกติ…
จู่ๆ องครักษ์จินก็คล้ายจะได้เสียงอะไร
“เอ๊ะ สัตว์ร้ายที่อยู่ด้านนอกเหล่านั้นค่อนข้างแตกตื่นหรือเปล่านะ?”
จู๋ตู๋ชิงเงี่ยหูฟังครู่หนึ่ง สีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย
“สถานการณ์ผิดปกติ!”
ที่นี่อยู่ลึกลงไปใต้ดิน หากสัตว์ร้ายในบึงพิษด้านบนเคลื่อนไหวตามปกติเล็กๆ น้อยๆ ด้านในจะไม่ได้ยิน
ทว่าตอนนี้เสียงที่ได้ยินจากด้านบนกลับคล้ายหม้อน้ำเดือด ราวกับสัตว์ร้ายจำนวนนับไม่ถ้วย ถูกสิ่งใดทำให้แตกตื่นเข้า กำลังคลุ้มคลั่ง…
เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ราวกับหมื่นอาชาห้อทะยาน สั่นสะเทือนไปทั่วปฐพี…
ผนังถ้ำเหนือศีรษะมีเศษหินเศษดินร่วงกราวลงมา…
“แย่แล้ว! ถ้ำนี้กำลังจะถล่ม!”
หวาเฉียนจวิ้นกระเด้งตัวขึ้นมา
เพิ่งจะเอ่ยประโยคนี้ออกมา ทั่วพื้นดินก็โยกคลอนขึ้นมา!
ราวกับเกิดแผ่นดินไหวระดับแปดขึ้น ทั้งสามคนที่อยู่ในพื้นที่ล้วนส่ายโคลงเคลง! แทบจะล้มกลิ้งออกไปแล้ว!
ศิลาใหญ่ที่อยู่เหนือหัวกลิ้งหล่นลงมาเสียงดังตึงตัง สาดเทลงมาปานลูกเห็บ…
ภายในถ้ำใหญ่ที่อยู่ลึกลงไปใต้ดินพอเกิดแผ่นดินไหวขึ้นมา ก็กลายเป็นหายนะฉากหนึ่งทันที!
พวกเขาต้องรีบหนีออกไปทันที มิเช่นนั้นเกรงว่าคงต้องถูกกลบฝังไว้ใต้ดินลึก…
“องค์ราชันกับแม่นางกู้ยังอยู่ในค่ายกล!”
องครักษ์จินตะโกนขึ้นมา พุ่งทะยานไปทางด้านในค่ายกล หวาเฉียนจวิ้นย่อมตามไปด้วย
ไม่มีใครสนใจศพของอวิ๋นชิงหลัวอีก และในช่วงเวลานี้เอง พื้นดินใต้ร่างอวิ๋นชิงหลัวพลันเปิดอ้าเป็นโพรงใหญ่โดยไร้สุ้มเสียง สูบกลืนซากร่างของนางลงไปอย่างเงียบเชียบ…
เนื่องจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ ทำให้ศิลาทั้งหมดที่อยู่บนพื้นถูกสะเทือนจนเคลื่อนออกจากตำแหน่ง…
ทำลายค่ายกลศิลาที่กู้ซีจิ่วก่อขึ้นมาเสียรูปไป…
เพียงแต่เนื่องจากมีหินร่วงหล่นลงมามากเกินไป ทั้งเล็กทั้งใหญ่ เบียดเสียดแออัด มีฝุ่นคละคลุ้งไปทั่ว ถ้าไม่วิ่งเข้าไปถึงด้านในสุดก็จะมองไม่เห็นสภาพแวดล้อมด้านใน…
จู๋ตู๋ชิงก็ทะยานเข้าไปด้านในเช่นกัน เขาเป็นห่วงกู้ซีจิ่ว คิดจะไปชิงตัวนางออกมา…
ความเร็วของเขาว่องไวยิ่งนัก พริบตาเดียวก็เข้าไปถึงตาค่ายแล้ว มองเห็นเงาร่างคนสองคนโอบกอดกันอยู่รางๆ ท่ามกลางฝุ่นควัน…
ละอองฝุ่นหนาแน่นเกินไป มองรูปลักษณ์ไม่ออกเลย จู๋ตู๋ชิงร้องตะโกน
“อาจารย์ซีจิ่ว!”
ขณะที่เขากำลังจะพุ่งเข้าไป จู่ๆ คนทั้งสองที่โอบกอดกันอยู่ก็ขยับเขยื้อนแล้ว เขายังมองไม่เห็นรูปลักษ์ของสองคนนั้นอย่างชัดเจนก็มีแสงสีรุ้งส่องวาบขึ้นมาเบื้องหน้าแล้ว…
กำบังสีขาวน้ำนมอันหนึ่งโผล่ขึ้นมาในทันใด ครอบคนทั้งสองเอาไว้ คนที่อยู่ด้านนอกจึงมองไม่เห็นอะไรเลย
จู๋ตู๋ชิงนิ่งงัน
อะไรกัน?
องครักษ์จินและหวาเฉียนจวิ้นกลับปีติยินดี
“องค์ราชัน!”
….
กำบังสีน้ำนมนี้คงอยู่ไม่นานนัก เพียงหนึ่งถึงสองนาที จากนั้นก็สลายไป เผยให้เห็นเงาร่างของคนทั้งสองที่อยู่ด้านใน