บทที่ 2423 เทพเซียนก็ช่วยเหลือไม่ได้ 2
เป็นกู้ซีจิ่วและตี้ฝูอี
ทั้งสองยังคงสวมเสื้อผ้าแบบเดิม หนึ่งเขียวหนึ่งม่วง
กู้ซีจิ่วดูงุนงงอยู่บ้าง นางจำได้ชัดเจนว่าเล่นพลิกผ้าห่มกับตี้ฝูอี จากนั้นก็เหนื่อยจนหลับไป หลับไปงีบหนึ่งตื่นขึ้นมาก็อยู่ในค่ายกลศิลาที่กำลังสั่นสะเทือนโยกคลอนแล้ว ยังไม่ทันรู้ตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้น รอบกายก็มีเกราะกำบังเพิ่มขึ้นมาแล้ว…
จากนั้นเสื้อผ้าชุดหนึ่งก็สวมลงบนร่างเธอด้วยตัวเอง เธอยังคงพิงร่างตี้ฝูอีด้วยสีหน้างุนงง ตี้ฝูอีก็สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
“เด็กน้อย พวกเราออกไปกันเถอะ เกิดความเปลี่ยนแปลงแล้ว!”
ด้วยเหตุนี้ พอกำบังนั้นสลายไป เธอกับเขาจึงปรากฏขึ้นต่อหน้าผู้คน…
กู้ซีจิ่วยังคงเฉลียวฉลาดยิ่งนัก เธอมองสภาพด้านนอกแวบเดียวก็ทราบพอสมควรแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
ใบหน้าเฉิดฉันแทบจะเขียวคล้ำแล้ว!
ค่ายกลศิลาของเธอถูกแผ่นดินไหวทำลายอย่างสมบูรณ์ ทุกคนล้วนบุกเข้ามาแล้ว
เธอยังจำได้ชัดเจนว่าก่อนเธอจะเข้าไปหาตี้ฝูอีในห้วงมายา เธอกับเขาเปลือยกายโอบกอดกันอยู่…คงมิใช่ว่าตอนที่ท่าทางที่เธอกับตี้ฝูอีเกี่ยวกระหวัดกันอยู่ถูกคนนอกเห็นไปแล้วกระมัง?!
แขนของตี้ฝูอีที่โอบเอวเธออยู่พลันรัดแน่นแวบหนึ่ง เอ่ยเพียงสามคำ
“วางใจเถอะ!”
เขาตื่นได้ทันเวลายิ่ง พอตื่นขึ้นมาพบท่าทางที่ตนเกี่ยวกระหวัดพัวพันกับนางอยู่ก็สะดุ้งโหยง
เพียงแต่เนื่องจากเรื่องราวเร่งร้อนเกินไป เขาไม่มีเวลาพอให้ครุ่นคิดพิจารณาแล้ว มองเห็นค่ายกลศิลารอบข้างพังทลาย มีเงาร่างเลือนรางกำลังพุ่งมาทางนี้…
ด้วยเหตุนี้จึงสร้างเขตแดนขึ้นมาทันที…
โชคดีนัก คนเหล่านี้มองไม่เห็นสภาพก่อนหน้านี้ของพวกเขา มิเช่นนั้นเขาคงต้องควักลูกตาของพวกเขาเสีย!
กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก เพียงแต่ในไม่ช้าเธอก็ตระหนกขึ้นมาแล้ว
ด้านนอกดุจขุนเขาถล่มคลื่นยักษ์ถาโถม ก้อนหินภายในถ้ำกลิ้งสับสนวุ่นวาย กำลังจะถล่มลงมาต่อหน้า…
เมื่อจู๋ตู๋ชิงเห็นเงาร่างของกู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอีโอบกอดกันอยู่ สีหน้าก็แปรเปลี่ยนนิดๆ เพียงแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสนใจเรื่องพวกนี้ ต้องรีบไปจากที่นี่โดยเร็ว
ตี้ฝูอีมองไปรอบๆ แวบหนึ่ง
“อวิ๋นชิงหลัวล่ะ?”
องครักษ์หวามีสีหน้าละอายใจ
“นาง…ตายแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมสังหารนางแล้ว…”
ตี้ฝูอีมองเขาแวบเดียวก็เข้าใจรูปการณ์ได้พอสมควรแล้ว เขาก็คล้ายจะนึกอะไรออกเช่นกัน
แผ่นดินไหวของที่นี่เกี่ยวข้องกับการตายของอวิ๋นชิงหลัว!
เมื่อครู่เขาโอบกอดกู้ซีจิ่วนอนพักผ่อนอยู่ในห้วงมายา จากนั้นก็ได้ยินความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติจากเขตแดนปิดตายนั้น เขตแดนรอบกายเขาก็เลือนหายไปดั่งหิมะละลาย ก่อนที่เขาจะพากู้ซีจิ่วออกมายังได้ยินเสียงหัวเราะอันบ้าคลั่ง ของอวิ๋นชิงหลัวด้วย
“ตี้ฝูอี ข้าจะลากพวกเจ้าลงหลุมไปด้วยกัน!”
เดิมทีเขายังฉงนอยู่บ้างว่าเหตุใดน้ำเสียงของอวิ๋นชิงหลัวจึงทะลุเขตแดนปิดตายได้ ตอนนี้เข้าใจแล้ว!
อวิ๋นชิงหลัวใช้วิชามารออกมาจากเขตแดน นางต้องใช้วิธีการอันใดหลงเหลือดวงจิตหนึ่งไว้ในร่างแน่ พอร่างเดิมตาย ดวงจิตนั้นก็จะไปรวมตัวกับดวงวิญญาณที่เหลือ ทำให้พลังยุทธ์นางเพิ่มขึ้นมหาศาล…
บึงพิษแห่งนี้เป็นฐานทัพใหญ่ของนาง ไม่แน่ว่าดวงวิญญาณอาจหลอมรวมเป็นหนึ่งกับบึงแห่งนี้แล้วก็ได้ พอนางสิ้นชีพ บึงนี้จึงสั่นสะเทือนเลือนลั่น!
หากว่าเป็นเช่นนี้แล้ว ต่อให้หนีออกจากถ้ำนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี…
ตอนนี้พวกเขาเข้าสู่ส่วนลึกสุดของบึงแล้ว ห่างจากชายฝั่งอย่างน้อยๆ ก็หลายร้อยลี้ ถ้าหนีออกไปด้วยวิธีธรรมดา ไม่ทันกาลแน่นอน…
ตี้ฝูอีดึงตัวจู๋ตู๋ชิงที่กำลังจะหนีออกจากถ้ำไว้
“เปิดประตูของเจ้าซะ!”
จู๋ตู๋ชิงไม่ยอม
“ไม่ได้ ถ้าเปิดประตูนั้น ข้าจะเสียพลังวิญญาณไปครึ่งหนึ่ง ไม่กี่วันก่อนข้าเปิดไปแล้วครั้งหนึ่ง ยังไม่ฟื้นตัวเลย…พวกเราหนีไปข้างบนก่อนเถอะ! ที่นี่อยู่ห่างจากโถงใหญ่ที่พวกเจ้าล่อจระเข้เข้ามาไม่ไกล…”
“ไม่มีประโยชน์! เกรงว่าด้านนอกจะแย่ยิ่งกว่าในนี้เสียอีก! จำเป็นต้องเปิดประตูเท่านั้น!”
น้ำเสียงตี้ฝูอีหนักแน่น
————————————————————————————-
บทที่ 2424 เทพเซียนก็ช่วยเหลือไม่ได้ 3
จู๋ตู๋ชิงกระทืบเท้า
“ถ้าใช้อีกครั้งข้าก็หมดสภาพแล้ว! เกรงว่าจะวิ่งไม่ไหวด้วยซ้ำ!”
ตี้ฝูอีซัดฝ่ามือใส่ศิลาก้อนหนึ่งที่ร่วงลงมา สุ้มเสียงสงบนิ่ง
“ไม่ต้องห่วง ถ้าเจ้าวิ่งไม่ไหวข้าจะสั่งให้คนแบกเจ้าหนี องครักษ์จิน…”
องครักษ์จินรีบมายืนข้างกายจู๋ตู๋ชิงทันที
“คุณชายไผ่ขจีโปรดวางใจ เมื่อถึงเวลาข้าน้อยจะแบกท่านเอง! จะไม่โยนท่านทิ้งเด็ดขาด…”
จู๋ตู๋ชิงพูดไม่ออกแล้ว
เขาหมดหนทาง ทำได้เพียงตอบตกลง
วาดมือร่ายคาถา ในที่สุดก็เปิดประตูไปไหนก็ได้แล้ว “เร็วเข้า! รีบเข้าไป! ข้าควบคุมได้ไม่นานแล้ว”
ด้วยเหตุนี้ ตี้ฝูอีจึงดึงกู้ซีจิ่วกระโดดเข้าไป สององครักษ์รีบกระโดดตามเข้าไป…
จู๋ตู๋ชิงคล้ายจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ตบหัวทีหนึ่ง
“ซวยแล้ว! ควรให้พวกเขาจับมือกันแล้วค่อยเข้าไป! ตอนนี้เกรงว่าจะวุ่นวายแล้ว!”
เมื่อเห็นว่าทั้งถ้ำกำลังจะถล่มลงมาแล้ว จู๋ตู๋ชิงก็ไม่กล้าโอ้เอ้อีก กระโดดเข้าไปเช่นกัน
….
กลางนภามีเมฆหนาแดงฉานปานเมฆาลุกไหม้กลิ้งตลบอยู่ แสงเพลิงกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าพุ่งวาบลงมาจากฟ้า ผ่าลงบนพสุธา สะเทือนพื้นดินให้สั่นไหว แตกแยก…
มีลาวาผุดออกมาจากรอยแยก กลืนกินทุกสิ่งที่ไหลผ่าน…
เหล่าสัตว์ร้ายในบึงพิษกำลังหนีเอาชีวิตรอด แตกตื่นโกลาหล…
บ้างก็หล่นลงไปในลาวา บ้างก็ถูกแสงเพลิงฟาดเข้าใส่ กลายเป็นเถ้าธุลีปลิวไปทันที…
สถานการณ์เช่นนี้ค่อนข้างคล้ายกับวันสิ้นโลก เหล่าสัตว์ร้ายที่เคยอหังการเมื่อเผชิญหน้ากับภัยธรรมชาติเช่นนี้ กลับดูเปราะบางและเล็กจ้อยอย่างเห็นได้ชัด…
ตอนที่กู้ซีจิ่วและตี้ฝูอีกระโดดออกมาจากประตูไปไหนก็ได้บานนั้น พบว่ายังคงอยู่ในบึงพิษ เพียงแต่ออกมาจากถ้ำใต้ดินแห่งนั้นแล้วเท่านั้น
“เจ้าคนพึ่งไม่ได้!”
กู้ซีจิ่วกุมขมับ มองไปรอบๆ แวบหนึ่ง
“ทำไมเขายังไม่มาอีกล่ะ?”
ที่นี่มีแค่เธอกับตี้ฝูอีสองคน ไม่เห็นคนอื่นเลยสักคน
ตี้ฝูอีดึงนางให้หลบหินที่ระดมพุ่งทะยานลงมาปานอุกกาบาต พลางอธิบายกับนางไปด้วย
“ประตูของเจ้าไผ่ต้นนี้ประหลาดนัก มิใช่ทุกคนที่เข้าสู่ประตูบานนี้จะได้ไปโผล่ในสถานที่เดียวกัน ครั้งแรกที่เขาล่วงเกินข้า ข้าไล่ล่าสังหารเขา เขาก็เปิดประตูหนีไป จากนั้นข้าก็ตามเข้าไป ผลคือไม่ใช่สถานที่เดียวกันเลย…ครั้งนี้เกรงว่าจะเป็นเช่นเดียวกัน ข้านึกว่าเจ้าคนผู้นี้จะควบคุมสิ่งนี้ได้แล้ว ตอนนี้เห็นแล้วว่าเขาทำไม่ได้…”
กู้ซีจิ่วหน้าทะมึนแล้ว
“เช่นนั้นพวกเราก็กระจัดกระจายกันไปคนละที่งั้นหรือ? เจ้าไผ่ต้นนี้พึ่งพาไม่ได้เลย!”
“เดิมทีเขาก็พึ่งพาไม่ได้อยู่แล้ว ศิษย์คนนี้ของเจ้าด่วนรับเกินไปหน่อย…รอหลังจากออกไปได้แล้วก็ขับเขาออกจากสังกัดเสียเถอะ! ถ้ารับอีกข้าจะช่วยเจ้าดูเอง เจ้าต้องพอใจแน่”
ตี้ฝูอีถือโอกาสยื่นขอเสนอ เขาเห็นเจ้าไผ่ต้นนั้นขัดตามานานมากแล้ว คิดหาทางเตะส่งเขาเขาออกไป ไม่อยากให้เขามาตามติดอยู่ข้างกู้ซีจิ่วอีก
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกแล้ว
ไอพิษด้านนอกยังคงหนาแน่นยิ่งนัก ชุดนี้ที่ตี้ฝูอีนำมาให้กู้ซีจิ่วเปลี่ยนมีประสิทธิภาพป้องกันพิษได้ยอดเยี่ยมนัก ประกอบกับตี้ฝูอีได้สร้างเขตแดนคุ้มกันไว้รอบกายคนทั้งสอง ดังนั้นทั้งสองคนจึงเหินทะยานอยู่ที่นี่ได้โดยไม่ถูกพิษ…
เนื่องจากไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน ทั้งสองจึงแยกแยะทิศทางไม่ได้ชั่วขณะ ได้เพียงเลือกมาสักทิศทางหนึ่งแล้วมุ่งไป…
ระหว่างทางย่อมพบสัตว์ร้ายสารพัดชนิดเช่นกัน แต่ทุกสรรพสิ่งล้วนกำลังหนีเอาชีวิตรอด ไม่มีผู้ใดสนใจมาทำร้ายผู้ใด จึงสงบสุขปลอดภัยอย่างที่พบเห็นได้ยาก…
ระหว่างที่หลบหนีตี้ฝูอีและกู้ซีจิ่วต่างก็หยิบยันต์ถ่ายทอดเสียงออกมาติดต่อหาสององครักษ์และจู๋ตู๋ชิง ล้วนแต่ไม่สามารถติดต่อได้
บึงพิษในยามนี้มีคุณสมบัติการตัดสัญญาณยันต์ถ่ายทอดเสียงด้วย