บทที่ 2425 ความรู้สึกนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ
ในเมื่อติดต่อกันไม่ได้ ทั้งสองจึงหมดหนทางชั่วขณะ ทำได้เพียงหนีออกจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ไม่แน่ว่าสามคนนั้นอาจอยู่ข้างนอกแล้วก็ได้…
กู้ซีจิ่วเหินทะยานติดตามตี้ฝูอี ไม่ว่าจะพบอะไรเขาก็ไม่ปล่อยมือเธอ จับไว้แน่นตลอด
นี่ทำให้กู้ซีจิ่วอุ่นใจอย่างยิ่ง
เธอนึกถึงเรื่องสุดท้ายในดินแดนเบื้องบนขึ้นมา ตอนนั้นก็เกิดแผ่นดินไหวพังถล่ม เหล่าเซียนต่างหนีเอาชีวิตรอด
ตอนนั้นเธอหลบหนีด้วยตัวคนเดียว สุดท้ายก็พลัดหล่นลงไปในวังวน ถูกลบความทรงจำทำลายพลังยุทธ์โยนมาไว้ที่นี่…
ตอนนี้เกิดแผ่นดินไหวพังถล่มเหมือนกันทว่ามีเขาอยู่ข้างกายตลอด เผชิญภัยพิบัติไปด้วยกัน ร่วมหัวจมท้าย…
ความรู้สึกนี้ยอดเยี่ยมนัก!
เธอมองหินเพลิงแดงฉานที่ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าปานห่าฝน นี่คือฝนอุกกาบาตกระมัง?!
ดูงดงามยิ่งนัก ทว่าเป็นอาวุธสังหารที่จะทำลายล้างโลก!
ในอากาศคล้ายมีเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของสตรีอยู่ เสียงนั้นทั้งวิกลจริตทั้งคลุ้มคลั่ง แว่วเสียดแทงอยู่ริมหูดุจสายลมกรรโชกที่พัดกรีดเฉือน…
ดังลั่นจนทำให้คนปวดแก้วหู กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว
“อวิ๋นชิงหลัวยังอยู่หรือ? เข้าสู่วิถีมารแล้วรึ?”
เสียงที่เธอได้ยินนี้คล้ายเสียงของอวิ๋นชิงหลัว
“ไม่ นางตายแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะยังมีชีวิตอยู่ หากข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ นางน่าจะจะใช้วิชามารอันใดนำชีวิตของนางผูกเข้ากับบึงแห่งนี้ เมื่อนางตายบึงก็จะล่มสลาย…เสียงนี้มาจากไอพยาบาทของนางที่มารวมตัวกัน ไม่ใช่ตัวจริง อย่าได้กลัวเลย”
“วางใจเถอะ ต่อให้นางยังมีชีวิตอยู่ข้าก็ไม่เคยกลัวเหมือนกัน”
กู้ซีจิ่วเชิดหน้ายิ้มแวบหนึ่ง
“ถ้ามิใช่เพราะเรื่องของเจ้า ข้าไม่เคยคิดจะเก็บนางมาไว้ในสายตาหรอก”
ตี้ฝูอีบีบมือน้อยๆ ของเธอคราหนึ่ง
“เด็กน้อย ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าเจ้าเป็นแม่นางผู้แกร่งกล้าคนหนึ่ง ไม่มีอะไรทำให้เจ้าเสียหลักได้”
ในสถานการณ์พิเศษเช่นนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าคนผู้นี้จะเริ่มทำตัวชวนเลี่ยนได้อีก…
กู้ซีจิ่วจึงพาเขาใช้วิชาเคลื่อนย้ายเสียเลย
“ถ้าอยากทำตัวชวนเลี่ยนก็ออกไปก่อนแล้วค่อยเลี่ยน ตอนนี้เป็นเด็กดีแล้วตามข้ามาซะ!”
วิชาเคลื่อนย้ายของกู้ซีจิ่วกล้าแกร่งยิ่งนัก แต่ละครั้งสามารถเคลื่อนย้ายได้ประมาณสามสิบลี้ น่าจะหนีออกไปได้
กลับคาดไม่ถึงเลยว่าเธอเคลื่อนย้ายไปแล้วกว่ายี่สิบครั้ง รอบข้างก็ยังคงเป็นบึงหลากสีที่กำลังระเบิดปะทุสั่นสะเทือนอยู่ ฝนอุกกาบาตร่วงหล่นลงมาดุจบ้าคลั่ง เสียงโหยหวนนั้นดุจปีศาจร้ายที่ไล่หลังมาเป็นเงาตามตัว…
เจอผีบังตาเข้าให้แล้ว!
พูดอีกอย่างคือ ระดับสูงกว่าผีบังตาเสียอีก
ด้วยความสามารถของกู้ซีจิ่วและตี้ฝูอี ผีบังตาไม่มีทางกักขังพวกเข้าไว้ได้ เพียงครู่เดียวก็ทำลายได้แล้ว
แต่ตอนนี้พวกเขาใช้วิชาทำลายค่ายกลทั้งหมดดูแล้ว ยังคงหาทางออกนั้นไม่พบเลย…
และเนื่องจากแผ่นดินไหวและการปะทุของฝนอุกกาบาต พื้นดินที่สามารถหย่อนเท้าเหยียบย่างได้ของบึงแห่งนี้จึงมีน้อยนิดยิ่ง รอบข้างล้วนเป็นลาวาที่ไหลนองไปทั่ว
สัตว์ร้ายเหล่านั้นก็เหมือนกับพวกเขา หนีออกไปไม่ได้เช่นกัน
พวกมันไม่มีวรยุทธ์แบบพวกกู้ซีจิ่วทั้งสอง กรีดร้องโหยหวนทยอยพลัดหล่นลงสู่ลาวา เงาร่างหายวับไปทันที…
วันสิ้นโลก!
เป็นฉากของวันสิ้นโลก!
อากาศร้อนรุ่มราวกับกำลังจะลุกไหม้ขึ้นมา กู้ซีจิ่วเริ่มกลั้นหายใจแล้ว เนื่องจากพอสูดหายใจคราหนึ่งล้วนเหมือนสูดเอาควันและไฟเข้าไป ลำคอแสบร้อนอย่างยิ่ง
แววตาตี้ฝูอีจมดิ่งเล็กน้อย อวิ๋นชิงหลัวไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!
เห็นทีว่าที่นางบอกจะให้ทุกคนลงหลุมไปกับนางด้วยจะมิใช่คำเท็จแล้ว…
ผู้บงการเบื้องหลังที่สอนวิชามารให้นางช่างเก่งกาจเหลือเกิน!
“เสี่ยวชาง เจ้ารู้จักวิชามารนี้หรือไม่? มีวิธีแก้ไขหรือเปล่า?”
กู้ซีจิ่วถามหยกนภาที่อยู่บนข้อมือ
หยกนภาไร้ปฏิกิริยาตอบสนองราวกับตายไปแล้วก็มิปาน
————————————————————————————-
บทที่ 2426 ความรู้สึกนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ 2
ไอ้บัดซบนี่ พอถึงคราวคับขันทีไรมันจะกลายเป็นกำไลผุๆ ไปทุกที!
กู้ซีจิ่วจนปัญญาแล้ว
ตี้ฝูอีมองหยกนภาแวบหนึ่ง พลันยื่นแขนเสื้อไปแตะตัวหยกทีหนึ่ง
หยกนภาเปล่งแสงกะพริบขึ้นมาในทันใด เกิดเสียงแว่วขึ้นในสมองกู้ซีจิ่ว
‘ข้าจะขาดใจตายแล้ว!’
กู้ซีจิ่วถึงนึกขึ้นได้ว่าก่อนเธอจะเข้าสู่ห้วงมายาได้ปิดผนึกประสาทสัมผัสทั้งห้าของหยกนภาไว้ มิน่าเล่ามันถึงไม่มีความเคลื่อนไหวเลย…
ถึงอย่างไรหยกนภาก็เพิ่งตื่นขึ้นมา ยังงงงันปานน้ำเข้าสมอง พ่นคำถามออกมาต่อเนื่องกัน
‘นี่คือที่ไหน?’
‘เกิดฝนอุกกาบาตหรือ?’
‘ที่นี่เป็นห้วงมายาหรือเป็นโลกจริงกัน?’
‘วันสิ้นโลกมาถึงแล้วหรือ?’
‘เจ้านาย ค่อยยังชั่ว ช่วยเขาออกมาได้แล้ว! ดูจากท่าทางแล้วเขาสบายดียิ่งนักนี่!’
ในประโยคสุดท้ายแฝงความตื่นเต้นยินดีไว้ เห็นได้ชัดว่ามันยังไม่เข้าใจสถานการณ์
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย
เธอสงสัยอย่างยิ่งว่าเจ้าสิ่งนี้มันรู้อยู่แล้วว่าหลังจากเธอเข้าไปในห้วงมายาแล้วจะต้องทำอะไร…
ไม่นึกเลยว่าไอ้เจ้านี่จะมีศักยภาพในการเป็นพ่อเล้าขนาดนี้!
ตอนนี้ย่อมไม่ใช่เวลามาซักไซ้ไล่เรียงเรื่องนี้ กู้ซีจิ่วกำลังจะเล่าสถานการณ์ในปัจจุบันให้หยกนภาฟังสักหน่อย แต่ยังไม่ทันได้อธิบาย เสียงของตี้ฝูอีก็แว่วเข้ามาแล้ว
เขาเล่าเรื่องของอวิ๋นชิงหลัวอย่างรวดเร็วรอบหนึ่ง เขาเล่าอย่างรวบรัดทว่าตรงจุดยิ่ง เล่าเพียงไม่กี่ประโยคก็กระจ่างแล้ว
สุดท้ายก็ถามมัน
“นางน่าจะติดตั้งอาคมอันใดไว้ในบึงแห่งนี้ เจ้ามีวิธีแก้ไขหรือไม่?”
หยกนภาไม่พูดอะไร ส่องแสงกะพริบอยู่ตรงนั้นไม่หยุด คล้ายว่าด้านในกำลังพยายามสืบค้นข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างสุดชีวิตอยู่
ผ่านไปครู่หนึ่ง มันก็เอ่ยขึ้นอย่างอ่อนแรง
‘อาคมนี้คล้ายว่าจะเป็นการผสมผสานกันระหว่างอาคมโบราณกับอาคมของโลกอนาคต อาคมนี้ติดตั้งได้ซับซ้อนอย่างยิ่ง เงื่อนไขที่ต้องการก็ทารุณนัก’
หยกนภาพอเริ่มพูดก็หยุดเอาไว้ไม่อยู่แล้ว คิดจะเล่าถึงที่มาที่ไปของอาคมนี้ ถูกกู้ซีจิ่วเอ่ยขัดทันที
“ตอนนี้ข้าสนใจเพียงว่าจะออกจากที่นี่ได้อย่างไร แค่อยากรู้ว่าจะทำลายมันได้ยังไง”
หยกนภาแทบอยากกระทืบเท้าแล้ว
‘ข้าจะอธิบายที่มาก่อน ถึงจะวิเคราะห์หาวิธีได้…’
ตี้ฝูอีโอบกู้ซีจิ่วไว้
“ไม่เป็นไร ให้มันพูดเถอะ บางทีพวกเราอาจจะวิเคราะห์หาเบาะแสของผู้บงการจากอาคมนี้ได้”
ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงเงียบลง ปล่อยให้หยกนภาพูดต่อไป
ตามที่หยกนภาเล่ามา วรยุทธ์ของผู้ที่สอนอาคมแก่อวิ๋นชิงหลัวอย่างน้อยๆ ก็ใกล้จะถึงขั้นซ่างเสินแล้ว หรืออาจจะเป็นเหนือกว่าซ่างเสินขึ้นไป
เขาใช้วิชามารเก็บเสี้ยววิญญาณของอวิ๋นชิงหลัวมาหลอมรวม กลายเป็นตัวตนใหม่ และในยามที่เขาถ่ายทอดวิชามารส่วนนี้ให้อวิ๋นชิงหลัว ก็ได้ถ่ายเทพลังยุท์ส่วนหนึ่งของเขาให้อวิ๋นชิงหลัวด้วย
และเป็นเพราะแรงหนุนจากพลังยุทธ์ในส่วนนี้ อวิ๋นชิงหลัวถึงสามารถผูกวิญญาณเข้ากับบึงแห่งนี้ได้ หนึ่งโรจน์ผองรุ่งหนึ่งร่วงปวงล่ม[1]
เมื่ออวิ๋นชิงหลัวตกอยู่ในความสิ้นหวังจึงเป็นใช้ค่ายอาคมนี้
ถึงนางต้องย่อยยับแหลกลาญ ไม่มีตัวตนอีกต่อไป ทุกชีวิตในบึงแห่งนี้ก็จะถูกกักขังไว้ด้วยไอพยาบาทของนาง หนีออกไปไม่ได้เลย
หลังจากหยกนภาวิเคราะห์จบ หัวใจกู้ซีจิ่วจมดิ่งลงไป
ถ้าอิงจากการวิเคราะห์นี้ เกรงว่าพวกจู๋ตู๋ชิงก็หนีออกไปไม่ได้เช่นกัน!
เธอกับตี้ฝูอีอยู่ด้วยกัน ตี้ฝูอีกางเขตแดนป้องกันอุกกาบาตและลาวาเอาไว้ตลอด แต่เกรงว่าองครักษ์มารทั้งสองคงไม่มีความสามารถขนาดนี้ น่าจะร้ายมากกว่าดีเสียแล้ว
ส่วนคุณชายไผ่ขจี เจ้าคนผู้นี้มีความสามารถพิสดารพันลึกและของวิเศษ แต่ก็ไม่ทราบว่าเขาจะทานรับการรมควันปานเตาอบของเหตุการณ์โลกาวินาศนี้ได้หรือไม่…
การผสมผสานระหว่างอาคมโบราณกับอาคมของโลกอนาคต เจ้าของศาสตร์วิชานี้เป็นใครกันแน่? หรือจะเป็นผู้ทะลุมิติเหมือนกัน?
ตามที่หยกนภาเล่ามา โลกอนาคตนี้ล้ำหน้ากว่ายุคนั้นของของกู้ซีจิ่ว
หากบอกว่ายุคนั้นของกู้ซีจิ่วคือปีสองพันสิบแปด เช่นนั้นยุคอนาคตนี้อย่างน้อยก็ต้องเป็นปีสามพันสิบแปด เป็นอนาคตอันไกลโพ้น…
————————————————————————————-
[1] หนึ่งโรจน์ผองรุ่งหนึ่งร่วงปวงล่ม เปรียบเปรยถึง ถ้าคนผู้หนึ่งรุ่งโรจน์ทุกคนก็จะรุ่งเรืองไปด้วย เมื่อคนผู้หนึ่งล่มจมทุกคนก็จะพินาศไปด้วย