บทที่ 2477 ปรับแก้ผังดาว 2
ตี้ฝูอีกุมมือน้อยๆ ของนางไว้
“พวกเรากลับก่อนเถอะ”
“ได้!”
กู้ซีจิ่วพาตี้ฝูอีเคลื่อนย้ายกลับไป
ทั้งสองยืนอยู่หน้าผังดวงดาวอีกครั้ง กู้ซีจิ่วเอ่ยขึ้นมา
“ทำลายผังดวงดาวนี้เถอะ! อย่าให้มันก่อกรรมได้อีก!”
เธองอนิ้วเตรียมร่ายอาคม ตี้ฝูอีจับมือเธอไว้
“ช้าก่อน!”
“หือ?”
“ค่ายกลนี้ค้ำยันเขตแดนด้านนอกไว้ด้วย ตอนนี้ด้านนอกมีพิรุณโลหิตโหมกระหน่ำอยู่ ถ้าทำลายทิ้ง เกรงว่าประชาชนในเมืองนี้ล้วนต้องถูกพิรุณโลหิตคร่าชีวิต”
กู้ซีจิ่วผงะไป หลั่งเหงื่อเย็นเฉียบทั่วร่าง
เธอลืมเรื่องนี้ไปเลย!
เธอนวดหว่างคิ้ว ระยะนี้ตนเป็นอะไรไป? มักจะสะเพร่าไปบ้างตลอด พินิจเรื่องราวไม่รอบคอบ…
เธอมองผังดวงดาวที่ยังคงมีสายลมยะเยือกพัดโชย ไม่ยินยอมอยู่บ้าง
“แล้วจะปล่อยให้มันก่อกรรมต่อไปหรือ?”
ตี้ฝูอีใคร่ครวญดูครู่หนึ่ง
“ข้าจะลองจัดเรียงใหม่ดู บางทีอาจจะค้ำยันเขตแดนไว้ได้ และไม่มีค้างคาวโลหิตกำเนิดขึ้นอีก…”
ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะทำเรื่องนี้เป็นด้วย!
ดวงตากู้ซีจิ่วทอประกาย
“มหาเทพเคยสอนสิ่งนี้ให้เจ้าหรือ?”
ตี้ฝูอีนิ่งไปแวบหนึ่ง
“ไม่ บรรลุได้เอง”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย
ตี้ฝูอีเริ่มเดินวนรอบผังดวงดาวนั้น นิ้วมือจรดร่าย คล้ายคำนวณอะไรอยู่
กู้ซีจิ่วเดินวนตามเขา ไม่พูดไม่จา และไม่รบกวนเขา เพียงต้องการดีดวิญญาณอาฆาตที่เข้าใกล้ให้กระเด็นออกไป
พออยู่ใกล้ๆ แล้วเธอถึงได้เห็นว่าแท่นรองที่อยู่ใต้ผลึกวิญญาณเหล่านั้นเชื่อมต่อกับพื้น ปักหลักอยู่ตรงนั้น เธอลองดันดูแล้ว ไม่ขยับเลย
เธอบอกเรื่องที่พบเจอแก่ตี้ฝูอี
“เป็นเช่นนี้แล้ว เกรงว่าจะเคลื่อนย้ายค่ายกลนี้ไม่ได้แล้วกระมัง?”
ตี้ฝูอีส่ายหน้านิดๆ
“ใช้การเคลื่อนย้ายมั่วซั่วไม่ได้หรอก แต่ถ้าเคลื่อนย้ายพวกมันไปตามลำดับน่าจะได้”
คล้ายว่าในที่สุดเขาก็ค้นพบวิธีที่ดีเลิศสำหรับทั้งสองด้านแล้ว พลันเหินกายขึ้น ร่อนลงบนแท่นสูงที่คล้ายดวงจันทร์แท่นนั้น จากนั้นก็เริ่มลงมือ
ราวกับเขากำลังเดินหมากอยู่ โบกแขนเสื้อขึ้นคราหนึ่งก็จะโยกย้ายผลึกวิญญาณก้อนหนึ่งให้เคลื่อนไปยังทิศทางหนึ่งด้วย แท่นที่เชื่อมอยู่ด้านล่างผลึกวิญญาณก้อนนั้นก็จะย้ายตามไปอย่างไร้สุ้มเสียงจริงๆ…
การเคลื่อนไหวของเขาดุจเมฆาเคลื่อนคล้อยสายธารไหลริน ระหว่างที่แขนเสื้อโบกสะบัด ผลึกวิญญาณเหล่านั้นก็เคลื่อนที่ไปไม่หยุดนิ่ง ส่องแสงวูบวาบ ทำให้คนมองแล้วตาลาย…
กู้ซีจิ่วยืนอยู่ไม่ไกล รู้สึกได้รางๆ ว่าฉากนี้ดูคุ้นตายิ่งนักเช่นกัน ราวกับเคยเห็นเขาจัดเรียงดวงดาวเช่นนี้ที่ไหนมาก่อน…
เป็นชาติก่อนหรือ?
หวงถูในชาติก่อนน่าจะเคยจัดเรียงผังดาวแบบนี้เช่นกัน จึงทิ้งภาพจำไว้ให้เธอ…
กู้ซีจิ่วก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลเหมือนกัน ไม่ว่าค่ายกลจะซับซ้อนยากเย็นแค่ไหนก็ไม่คณามือเธอเลย ตามปกติแล้วเธอมองรอบเดียวก็จดจำได้พอสมควรแล้ว
แต่สิ่งที่ตี้ฝูอีทำอยู่ในตอนนี้ เธอมองแล้วมึนงงอยู่บ้าง มองมากไปสักสองสามครั้งก็ค่อนข้างเวียนหัวตาลายแล้ว…
เธอถอยไปสองสามก้าว มองเขาที่อยู่บนแท่นสูง รู้สึกเลือนรางคล้ายว่าเขาค่อนข้างห่างชั้นจากตน
ราวกับเดิมทีเขาก็เป็นตัวตนที่สันโดษยิ่งนักอยู่แล้ว ไม่มีผู้ใดเทียบเทียมเขาได้ เมื่อตนเห็นเขาก็ต้องแหงนหน้ามอง เสมือนแหงนหน้ามองมาเนิ่นนานปีแล้ว…
ความรู้สึกนี้ไม่ดีเท่าไหร่ กู้ซีจิ่วส่ายหัว เธอคะเนเวลาดูเล็กน้อย ผ่านพ้นไปกว่าสองชั่วยามแล้ว ‘พิษโอสถ’ ของ ตี้ฝูอีน่าจะไม่ปะทุแล้วกระมัง?
เธอคิดยังไม่ทันจบดี ร่างของตี้ฝูอีที่อยู่บนแท่นสูงพลันซวนเซเล็กน้อย เกือบจะพลัดตกจากแท่นแล้ว!
เธอใจหายวาบ เคลื่อนย้ายเข้าไปทันที พยุงเขาไว้
ทันทีที่พยุงแขนเขาไว้ หัวใจเธอพลันจมดิ่งลงไปในทันใด!
‘พิษโอสถ’
ของเขาปะทุขึ้นมาอีกแล้ว!
แขนเขาร้อนลวก ร่างกายก็ร้อนระอุ ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำเลือนราง ขมับมีเหงื่อผุดพราย
————————————————————————————-
บทที่ 2478 ปรับแก้ผังดาว 3
‘เจ้านาย โอสถออกฤทธิ์แล้ว!’
หยกนภาร้องขึ้นมา จากนั้นก็เปล่งแสงวาบ ลอยไปคล้องที่ข้อมือตี้ฝูอี
ทันทีที่คล้องเข้าไปมันก็สั่นสะท้านปานถูกต้ม!
ส่งเสียงขึ้นในสมองกู้ซีจิ่วอย่างทุกข์ทรมานยิ่ง
‘เจ้านาย เกรงว่าข้าจะรับไว้ไม่ไหว…’
“ถ้ารับไม่ไหวก็แบ่งมาให้ข้า!”
กู้ซีจิ่วคำราม
ตี้ฝูอีก็คล้ายจะเจ็บปวดทรมานยิ่ง ร่างเขาสั่นเทาเล็กน้อย ทว่ายังคิดจะฝืนยืนหยัด กู้ซีจิ่วอยากให้เขานั่งลงทำสมาธิ ทว่าเขาส่ายหน้า
“ยังเหลือ…สองก้อนสุดท้าย…”
เขายกแขนเสื้อขึ้น แต่นิ้วมือราวกับมิใช่ของตน จรดร่ายอาคมไม่ได้ชั่วขณะ
“สำหรับเจ้าในตอนนี้การนั่งสมาธิสำคัญกว่า! ทำไม่เสร็จก็ไม่ต้องทำแล้ว!”
กู้ซีจิ่วเห็นหยาดเหงื่อไหลกลิ้งลงมาจากขมับเขาอย่างอกสั่นขวัญแขวน
“ไม่ได้…ถ้าปล่อยไว้เช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะทำลายผังดาราจันทราโลหิตไม่ได้เท่านั้น จะเกิดหายนะขึ้นด้วย จะต้อง…จะต้องย้าย…”
สีหน้าตี้ฝูอีเคร่งเครียด
การเคลื่อนย้ายสิ่งนี้สิ้นเปลืองพลังวิญญาณมากจริงๆ เดิมทีเขาก็เจียนจะหมดแรงอยู่แล้ว แต่โชคดีที่ฤทธิ์ยาปะทุออกมา พลังวิญญาณบนร่างระเบิดขึ้นมาดั่งคลื่นสมุทรถาโถม ทว่าไม่ขาดแคลนพลังวิญญาณแล้ว เพียงแต่พลังวิญญาณนี้ไม่อาจควบคุมได้ ทำให้เขาไม่สามารถร่ายอาคมได้…
น่าตายนัก ขาดไปเพียงสองขั้นสุดท้ายแล้ว!
“งั้นเจ้าบอกข้ามาว่าย้ายอย่างไร ข้าจะย้ายเอง!”
โลหิตกู้ซีจิ่วระอุขึ้นมาแล้ว
“การเคลื่อนย้ายสิ่งนี้ ต้องมี…ต้องมีพลังยุทธ์ต่ำสุดคือขั้นจินเซียนขึ้นไป มิเช่นนั้น…เจ้าจะถูกวิญญาณอาฆาตบนผลึกทำร้าย…”
ตี้ฝูอีไม่อยากให้นางเสี่ยงอันตราย
กู้ซีจิ่วสูดหายใจเข้าลึกๆ
“ข้าอยากลองดู”
เธอเห็นผลึกวิญญาณก้อนนั้นที่ตี้ฝูอีต้องการเคลื่อนย้ายแล้ว ตัดสินใจในทันใด จรดนิ้วทำมุทรา ไม่น่าเชื่อว่าจะเหมือนที่ตี้ฝูอีทำก่อนหน้านี้ทุกกระเบียดนิ้ว
“เจ้าบอกคาถากับข้า ให้ข้าลองดูหน่อย!”
บัดนี้ภายในร่างของตี้ฝูอีปั่นป่วนดุจคลื่นสมุทร และไม่อาจควบคุมผลึกวิญญาณเหล่านั้นได้แล้วจริงๆ เขามองท่ามุทราของกู้ซีจิ่วที่ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำเช่นนั้น อีกทั้งเห็นว่านางแน่วแน่ถึงเพียงนี้ ราวกับถ้าเขาไม่ยอมถ่ายทอดให้นาง นางก็จะกระโจนเข้าไปเคลื่อนไหวมั่วซั่วเอาเอง…
“ได้ ถ้าพบว่าผิดปกติ…รีบปล่อยมือทันที อย่าได้ฝืนเคลื่อนย้าย…”
เมื่อตี้ฝูอีกำชับเสร็จ ก็ถ่ายทอดคาถาให้เธอ บอกตำแหน่งที่สมควรเคลื่อนผลึกวิญญาณสองก้อนนั้นไปแก่เธอ
คาถานั้นไม่ยาว เพียงแต่ซับซ้อนเป็นพิเศษ เสมือนชาวฮั่นได้ยินภาษาสันสกฤต งึมๆ งำๆ กู้ซีจิ่วฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง
โชคดีที่ขอเพียงท่องคาถานี้ได้อย่างคล่องแคล่วก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้าใจ
กู้ซีจิ่วเฉลียวฉลาดเลิศล้ำ ตี้ฝูอีพูดรอบเดียว เธอก็จำได้แล้ว ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรอีกเริ่มเคลื่อนย้ายผลึกวิญญาณก้อนนั้น…
ยามที่ตี้ฝูอีควบคุมสิ่งเหล่านี้ ดูไม่หนักหนาอะไรเลย เคลื่อนไหวสง่างามตามใจนึก ราวกับเดินทอดน่องอยู่ท่ามกลางสายลมฤดูใบไม้ผลิ
แต่พอกู้ซีจิ่วเป็นผู้ควบคุมขึ้นมา ถึงได้พบว่าช่างยากเย็นเหนือธรรมดาโดยแท้!
ผลึกวิญญาณที่ดูเล็กจ้อยราวกับภูเขาลูกหนึ่ง เธอต้องใช้แรงทั้งหมดถึงจะทำให้มันเคลื่อนไปได้ทีละนิดๆ
ความรู้สึกนั้นเหมือนมดที่กำลังเขย่าช้าง กินแรงอย่างยิ่ง!
เหงื่อซึมออกมาจากหน้าผากเธออย่างรวดเร็วยิ่ง
วิญญาณอาฆาตที่อยู่บนผลึกวิญญาณไม่ยินยอมโดนย้ายยิ่งนัก ดิ้นรนอยู่ในนั้น เท้ามากมายหลายคู่ราวกับหมุดที่ถูกตรึงไว้บนพื้น ขัดขวางการเคลื่อนย้าย…
กู้ซีจิ่วหลั่งเหงื่อโซมกาย ถึงสามารถย้ายผลึกวิญญาณก้อนนั้นไปได้สองชุ่น ยังอยู่ห่างจากตำแหน่งที่ระบุไว้หลายจั้ง
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว ถ้าเป็นเช่นนี้ เกรงว่ากว่าเธอจะย้ายผลึกวิญญาณไปเข้าที่ได้ คงต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง
ที่สำคัญที่สุดคือ การเคลื่อนย้ายสิ่งนี้สิ้นเปลืองพลังวิญญาณมาก เธอเคลื่อนย้ายเป็นระยะทางแค่นี้ก็รู้สึกว่าสูญเสียพลังวิญญาณไปกว่าครึ่งแล้ว
จู่ๆ หยกนภาก็ลอยเข้ามาหา ร่อนลงบนข้อมือเธอ
“เจ้านาย ข้าจะจุกตายแล้ว ข้าจะถ่ายเทพลังวิญญาณให้ท่านนิดหน่อยนะ…”