บทที่ 2483 ช่างเป็นการหาห่วงมาผูกคอโดยแท้…รังเกียจว่าอายุยืนเกินไปหรือ
ชาติก่อนเขาเป็นใครกันแน่?
ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกัน ตี้ฝูอีที่อยู่ด้านนั้นก็เริ่มจัดเรียงผังดาวใหม่แล้ว…
หนิงเสวี่ยโม่เบิกตากว้าง มองบุตรชายที่อยู่บนแท่นสูง
“เขา…ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะปรับแก้ผังดาวนี้ได้!”
ดวงตาเสินจิ่วหลีทอแววสนอกสนใจแวบหนึ่ง เอ่ยประโยคเดียวว่า
“ไม่แปลกหรอก นี่คือทักษะดั้งเดิมของเขา…”
เขานึกว่าบุตรชายจะเริ่มจากการฟื้นฟูความทรงจำในฐานะเทพศักดิ์สิทธิ์ของโลกเบื้องล่างอย่างช้าๆ ก่อน กลับคาดไม่ถึงว่าเขาจะฟื้นฟูทักษะยุทธ์ของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ได้ก่อน…
เรื่องราวกลับน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
ดูเหมือนเห็ดมรรคาม่วงที่กู้ซีจิ่วให้เขากินลงไปน่าจะมีอภิญญายิ่งนัก…
เสินจิ่วหลีเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกล ย่อมมองขั้นตอนการเดินหมากของตี้ฝูอีออก อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจด้วยความทึ่ง
มิเสียทีที่เป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อค่ายกลโดยกำเนิด…
หนิงเสวี่ยโม่ก็ภูมิใจในตัวบุตรชายเช่นกัน!
“ไม่นึกเลยว่าเขาจะจัดการผังดวงดาวที่ซับซ้อนถึงเพียงนี้ได้!”
ผังดวงดาวที่เขาเคยจัดวางในอดีตยังซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากกว่านี้อีก!
ผังดาวนี้อย่างมากก็เป็นเพียงผลึกวิญญาณไม่กี่หมื่นก้อนเท่านั้น ผังดาวที่เขาเคยจัดเรียงในอดีตมีเป็นหมื่นแสนล้านดวง ซับซ้อนกว่านี้เป็นร้อยล้านเท่าก็ยังไม่คณามือ…
ค่ายกลนี้สำหรับเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์แล้ว มากสุดก็นับว่าเป็นของเล่นเล็กๆ น้อยๆ ไม่เพียงพอให้เขาแหย่นิ้วด้วยซ้ำ
แน่นอน ตอนนี้เขายังไม่ตื่นขึ้นมา มิเช่นนั้นแล้วอีกสิบอวิ๋นเยียนหลีก็มิใช่คู่ต่อสู้ของเขา…
เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ผู้นี้มิได้ใจกว้างสักเท่าไหร่ และมิใช่คนใจดีมีเมตตา ตรงกันข้ามกลับเป็นคนเลือดเย็นอย่างยิ่ง
อวิ๋นเยียนหลีกล้าวางแผนเล่นงานเขา ช่างเป็นการหาห่วงมาผูกคอโดยแท้…รังเกียจว่าอายุยืนเกินไปหรือ!
เสินจิ่วหลีจุดเทียนไว้อาลัยอวิ๋นเยียนหลีอยู่ในใจอย่างเงียบงัน
เสินจิ่วหลีรู้สึกว่าตนมีจิตกุศลยิ่งนัก หากว่าอวิ๋นเยียนหลีเพียงล่วงเกินตัวเขาผู้เป็นมหาเทพ ผู้ใหญ่อย่างเขาก็ใจกว้างพอ มากมายก็แค่ซัดเขาให้ตาย ส่งเขาไปเกิดใหม่
แต่ครั้งนี้อวิ๋นเยียนหลีกลับปักจิตปักใจคิดร้ายต่อตี้ฝูอี…
คาดว่าจุดจบของอวิ๋นเยียนหลีคงน่าสังเวชอย่างยิ่ง แม้แต่ดวงวิญญาณก็คงไม่หลงเหลือ
ขณะที่เขาใคร่ครวญอยู่ จู่ๆ หนิงเสวี่ยโม่ก็ดึงแขนเสื้อเขาอย่างแรง
“มหาเทพ ท่านดูสิว่าเนี่ยนโม่เป็นอะไรไปแล้ว?!”
เสินจิ่วหลีมองเข้าไปในคันฉ่องวารีแวบหนึ่ง มองเห็นฤทธิ์โอสถในร่างตี้ฝูอีปะทุขึ้นมา…
มองเห็นกู้ซีจิ่วจัดการศิลาวิญญาณที่เหลืออยู่แทนตี้ฝูอี มองเห็นหยกนภาที่เทียวไปเทียวมาระหว่างคนทั้งสองดุจผึ้งงานตัวน้อย…
กู้ซีจิ่วกำลังยุ่งอยู่กับการจัดเรียงผัง ไม่เห็นความเคลื่อนไหวของตี้ฝูอีที่อยู่ด้านหลัง ทว่าพวกเสินจิ่วหลีสามีภรรยามองเห็นทุกอย่าง
แรกเริ่มตี้ฝูอีนั่งสมาธิอยู่ ชีพจรบนร่างสะท้อนขึ้นลงดุจคลื่นสมุทรผันผวน ทำให้เสินจิ่วหลีมองแล้วอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมา หวั่นเกรงว่าบุตรชายคนนี้จะระเบิดตูมตามขึ้นมา
หนิงเสวี่ยโม่เป็นกังวลยิ่งกว่าเขาเสียอีก
“มหาเทพ ท่านบอกว่าเคยมอบโอสถที่สามารถปกป้องชีพได้ให้เขาใช่ไหม? บอกว่าให้เขาเอาไว้ใช้ในยามคับขันที่สุด ทำไมเขายังไม่ใช้อีกล่ะ?”
เสินจิ่วหลีมองกู้ซีจิ่วที่กำลังยุ่งง่วนอยู่ด้านหน้า
“โอสถนั้น…เด็กคนนี้มอบให้คนอื่นไปแล้ว”
“โอรสรักษาชีวิตเขาก็ยังมอบให้…”
กล่าวมาถึงตรงนี้ หนิงเสวี่ยโม่ก็ชะงักไป นางรู้ดีว่าบุตรชายมอบโอสถให้ผู้ใดไป ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่อยู่
“ถึงแม้เด็กคนนี้จะไม่มีความทรงจำในชาติก่อน แต่เขากลับห่วงใยภรรยาอย่างไม่เสื่อมคลาย…”
พวกเขาสามีภรรยามองอยู่ตรงนี้ กระวนกระวายทว่าไม่อาจช่วยเหลือได้ เบิกตามองตี้ฝูอีกลายเป็นหยกไปทีละชุ่นๆ…
คล้ายว่าตี้ฝูอีอยากจะสั่งการอันใดกับกู้ซีจิ่ว แต่เขาพูดไม่ออกแล้ว
และเขาก็กลายเป็นรูปสลักหยกชิ้นหนึ่งไปในระยะเวลาเพียงชั่วครู่
หนิงเสวี่ยโม่ทึ่มทื่อไปแล้ว หัวใจแทบจะเด้งขึ้นมาถึงคอหอยแล้ว
“มหาเทพ นี่เนี่ยนโม่…”
สายตาเสินจิ่วหลีร่อนลงบนรูปสลักหยกชิ้นนั้น ความประหลาดใจพาดผ่านนัยน์ตาแวบหนึ่ง ย่อมไม่ได้คาดการณ์เรื่องนี้ไว้เช่นกัน
————————————————————————————-
บทที่ 2484 พิสูจน์ตัวตน
เขาสังเกตอยู่อีกครู่หนึ่ง ใจเต้นแรงขึ้นมาในทันใด!
เด็กคนนี้คงมิใช่ว่า…มิใช่ว่าจะตื่นรู้ขึ้นมาก่อนกำหนดกระมัง?!
อย่างไรก็ตามหนิงเสวี่ยโม่หวั่นวิตกแล้ว ร้อนใจจนตาแดงไปหมด กระตุกแขนเสื้อเสินจิ่วหลี
“มหาเทพ นี่เขาเป็นอะไรไป?”
“เสวี่ยโม่เจ้ารู้เรื่องที่ผีเสื้อโผล่ออกมาจากดักแด้หรือไม่?”
“รู้สิ! ผีเสื้อเป็นหนอนผีเสื้อมาก่อน ก่อนมันกลายเป็นผีเสื้อจะสร้างดักแด้ขึ้นมา จากนั้นก็จะเจาะดักแด้ออกมาแล้วกลายเป็นผีเสื้อ ท่านถามเรื่องนี้ในเวลาเช่นนี้…เอ๊ะ หรือท่านจะบอกว่า รูปสลักหยกนี้ก็เปรียบเสมือนดักแด้ของเขา?”
เสินจิ่วหลีพยักหน้า
“จะว่าแบบนั้นก็ได้”
เมื่อตี้ฝูอีทะลวงดักแด้ออกมา ยามที่หวนคืนฐานะขึ้นมาจริงๆ จะกลายเป็นผู้ใดกัน? ความทรงจำของคนไหนจะฟื้นคืนมาก่อน?
จู่ๆ เสินจิ่วหลีก็ค่อนข้างตั้งตารออยู่บ้าง
หนิงเสวี่ยโม่สบายใจขึ้นเล็กน้อยแล้ว
“เช่นนั้นเขาจะออกมาจากรังไหมเมื่อไหร่?”
เสินจิ่วหลีส่ายหน้า เขาก็เพิ่งเคยเห็นสิ่งนี้เป็นครั้งแรก ย่อมบอกไม่ได้
เพียงแต่เวลาที่ผีเสื้อจะฟักออกมาจากดักแด้ ก็ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะทะลวงดักแด้ออกมาได้ ถ้าตี้ฝูอีต้องการออกมาเกรงว่าคงใช้เวลาหลายวันเช่นกันกระมัง?
“จู่ๆ เนี่ยนโม่ก็กลายเป็นรูปสลักหยกจะทำให้แม่หนูกู้ตกใจหรือเปล่า?”
หนิงเสวี่ยโม่กังวลในปัญญาข้อนี้ยิ่งนัก
“ถึงอย่างไรนางก็ไม่ได้เห็นช่วงที่เนี่ยนโม่กลายเป็นรูปสลักหยก อาจจะนึกว่าเนี่ยนโม่ถูกพาตัวไปก็ได้ นางจะทุบรูปสลักหยกดูหรือเปล่า?”
เสินจิ่วหลีเงียบไป
กู้ซีจิ่วตกใจมากจริงๆ หน้าเปลี่ยนสีไปหมดแล้ว
ถึงแม้เด็กสาวผู้นี้จะพยายามสงบสติอารมณ์อย่างเต็มที่ แต่มือที่สั่นระริกก็เปิดโปงความวิตกกังวลในใจนางออกมา
เห็นนางห่วงใยบุตรชายถึงเพียงนี้ หนิงเสวี่ยโม่ยังคงปรีดายิ่งนัก
เมื่อเห็นนางร้อนรนก็รู้สึกปวดใจ ปรารถนาจะกระโดดเข้าไปบอกความจริงแก่นาง…
กู้ซีจิ่วไม่ได้ทุบรูปสลักหยก หลังจากใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ก็มีท่าทีห้าวหาญยิ่งนัก นางก้าวเข้าไปแล้วเริ่มถอดเสื้อผ้าตี้ฝูอีออก…
หนิงเสวี่ยโม่ตกตะลึง!
เกิดเสียงดัง
‘ซ่า’
คันฉ่องวารีหายไปแล้ว เสินจิ่วหลีปลดอาคมแล้ว
ดูต่อไม่ได้แล้ว!
ถ้าดูต่อไปเขาจะกลายเป็นเฒ่าลามก!
ปฏิกิริยาตอบสนองของหนิงเสวี่ยโม่ยังไม่กลับมา
“อะไรกัน? ทำไมไม่เห็นแล้วล่ะ? นางถอดเสื้อผ้าเขาทำไม?”
“พิสูจน์ตัวตน”
เสินจิ่วหลีตอบออกมาเพียงสี่คำ
หนิงเสวี่ยโม่นิ่งงัน นางไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองไปครู่หนึ่ง
“นี่พวกเขา…เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วใช่ไหม?”
“เสวี่ยโม่ เนี่ยนโม่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เดิมทีพวกเขาก็เป็นสามีภรรยากันอยู่แล้วด้วย…”
สื่ออ้อมๆ ว่าเป็นแล้ว
หนิงเสวี่ยโม่เงียบงันไปอีกครู่หนึ่ง
“มิน่าล่ะข้าถึงเห็นว่าแม่หนูกู้ผิดปกติอยู่บ้าง..นางตั้งครรภ์แล้วใช่ไหม?” เมื่อครู่ความสนใจทั้งหมดของนางแทบจะอยู่บนร่างบุตรชายทั้งสิ้น มองกู้ซีจิ่วเพียงไม่กี่แวบเท่านั้น และไม่ได้ใส่ใจเลย เพียงรู้สึกว่าผิดปกติอยู่บ้างรางๆ ตอนนี้ในที่สุดก็นึกออกแล้วว่าผิดปกติตรงไหน!
เสินจิ่วหลีกระแอมคราหนึ่ง
“เรื่องนี้…ข้าไม่ได้สังเกตเลย”
เขาเป็นมหาเทพผู้สูงศักดิ์ จะไปจับสังเกตว่าสะใภ้ท้องหรือไม่ได้อย่างไร?
เพียงแต่ตอนนี้พอนึกถึงลักษณะท่าทางของกู้ซีจิ่วแล้ว คล้ายว่าจะตั้งครรภ์แล้วจริงๆ
เขากลัดกลุ้มขึ้นมาแล้ว ดูเหมือนเขากำลังจะได้เป็นท่านปู่ของผู้อื่นแล้ว…
หนิงเสวี่ยโม่ฉุดเขาให้ลุกขึ้นมา
“มหาเทพ พวกเราไปดูหน่อยเถอะ! พวกเขาทั้งสองคนหนึ่งกลายเป็นรูปสลักหยก คนหนึ่งมีครรภ์ ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเช่นนั้น ซีจิ่วคงจะต้องทำอะไรไม่ถูกยิ่งนัก พวกเราไปช่วยพวกเขากันเถอะ!”
เสินจิ่วหลีถอนหายใจ ถึงแม้จะหักใจไม่ลง แต่ก็ยังคงบอกความจริงแก่นาง
“เสวี่ยโม่ พวกเราจับผลัดจับผลูทะลุมายังโลกนี้ คิดจะกลับไปเกรงว่าคงยากเย็นยิ่งนัก จะไปแดนอสุรายิ่งยากเข้าไปใหญ่ ถ้าไม่ใช้เวลาสักครึ่งปี พวกเราไม่มีทางตามไปได้…”
หนิงเสวี่ยโม่ตะลึงงัน…
….
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็เปลื้องอาภรณ์รูปแสลักหยกจนล่อนจ้อนแล้ว ด้วยเหตุนี้เธอจึงได้เห็นรอยปานที่โคนต้นขาของมัน
แน่นอนว่าไม่อาจหลบเลี่ยงได้ ได้เห็นส่วนที่ไม่สมควรด้วยเช่นกัน ขนาดเท่าในความทรงจำของเธอ…
….