บทที่ 2495 อวิ๋นเยียนหลีกินยาผิดหรือไง?!
ร่างพญาเผิงเอียงกะเทเร่เล็กน้อย แทบจะพลัดหล่นลงไปแล้ว
อวิ๋นเยียนหลีก็เซถอยหลังไปสองก้าวเช่นกัน ถึงยืนให้มั่นได้
พญาเผิงหุบปีก แปลงเป็นร่างมนุษย์ ซ้ำยังเป็นคนงามที่งดงามไร้ที่ติด้วย
อาภรณ์ของโฉมงามโบกพลิ้ว ยืนอยู่ตรงนั้นแย้มยิ้มดุจบุปผาเบ่งบาน
“คุณชายอวิ๋น นี่เจ้าหักใจจากผู้อื่นไม่ลงถึงเพียงนี้เชียวหรือ? มานะบากบั่นไล่ตามมา ราวกับภรรยาโง่งมที่ไล่ตามบุรุษก็มิปาน อยากให้คุณชายอย่างข้าครอบครองเจ้าหรือไง?”
โฉมงามพิลาสลักษณ์ดั่งงานศิลป์ชั้นเลิศชัดๆ แต่วาจาที่เอ่ยออกมาดูคล้ายบุรุษเสเพล ทำให้ใบหน้าหล่อเหลา ของอวิ๋นเยียนหลีเขียวคล้ำ
“ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะรู้ตัวนานแล้วว่าข้าสะกดรอยตาม!”
วิชาสืบรอยของอวิ๋นเยียนหลีเป็นหนึ่งในใต้หล้า เวลาที่ไล่ตามผู้คนไม่เคยมีใครรู้ตัวเลย หนนี้เกิดอะไรขึ้น?
คุนตัวนี้ทำได้อย่างไร?!
คุนเสวี่ยอี๋กะพริบตา
“บางทีอาจสื่อใจถึงกันได้กระมัง?”
เขายิ้มอีกแวบหนึ่งอย่างคล้ายจะทอดถอนใจ
“จะว่าไปคุณชายอวิ๋นคลั่งรักข้าเกินไปหรือเปล่า? ถึงได้กัดไม่ปล่อยขนาดนี้…”
อวิ๋นเยียนหลีคร้านจะต่อปากต่อคำกับเขา ยิ้มเย็นๆ แวบหนึ่ง
“ข้าคลั่งไคล้ในตัวเจ้าจริงๆ นั่นแหละ…เจ้าจงเพลิดเพลินกับความรักอันเร่าร้อนของข้าซะเถอะ!”
พลันโบกมือ กระบี่ยาวปรากฏขึ้นในมือ ตวัดฟันศีรษะใบหน้าของคุนเสวี่ยอี๋ ทุกกระบวนท่าล้วนมุ่งเอาชีวิตคน!
ภายใต้การโจมตีอันรุนแรงดุจพายุฝนโหมกระหน่ำเช่นนี้ คุนเสวี่ยอี๋ไม่กล้าแบ่งสมาธิไปปากเปราะก่อกวนเขาแล้ว ทำได้เพียงรับศึก…
ผ่านไปไม่กี่กระบวนท่าคุนเสวี่ยอี๋ก็ใจหายบ้างแล้ว เห็นได้ชัดว่าอวิ๋นเยียนหลีต้องการเอาชีวิตเขา ไม่ต้องการเหลือลมหายใจไว้แล้ว!
อันที่จริงแล้วตอนแรกคุนเสวี่ยอี๋ไม่รู้เลยว่าอวิ๋นเยียนหลีสะกดรอยตามมา ยังคงเป็นกู้ซีจิ่วที่จู่ๆ ก็ติดต่อมาหาเขา บอกว่าให้เขาระวังการสะกดรอยตามของอวิ๋นเยียนหลี เนื่องจากพฤติกรรมของอวิ๋นเยียนหลีไม่อาจอนุมานตามหลักสามัญสำนึกได้…
ดังนั้นเขาจึงระมัดระวังตัวขึ้น จงใจวนเวียนเป็นวงกลม จากนั้นระหว่างที่วนเวียนไปมาอยู่ในที่สุดก็ได้กลิ่นอาย ของอวิ๋นเยียนหลีแล้ว…
ตอนนั้นเขายังพูดอยู่เลยว่ามีโชคหนีรอด เคราะห์ที่กู้ซีจิ่วเอ่ยเตือนเขา มิเช่นนั้นเขาคงพาท่านเจ้าเมืองผู้เป็นดั่งเทพสังหารผู้นี้ไปด้วยแล้ว…
ดังนั้นเขาจึงอ้อมไปอ้อมมาอีกสี่ห้ารอบ จนกระทั่งอวิ๋นเยียนหลีมึนงงถึงได้เปิดโปงเขา…
เขานึกว่าอวิ๋นเยียนยังคิดจะจับกุมเขาทั้งเป็นอยู่ ดังนั้นจึงไร้ความเกรงกลัว แต่ตอนนี้เห็นทีเรื่องราวจะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว
อวิ๋นเยียนหลีกินยาผิดหรือไง?!
ระหว่างที่เขากำลังต่อสู้อยู่ได้เอ่ยถามเรื่องนี้ขึ้นมา อวิ๋นเยียนหลียิ้มนิดๆ ทว่าแววตากลับเยียบเย็น
“เจ้าเป็นคุนสินะ? อันที่จริงข้าตามหาเจ้ามานานมากแล้ว! ได้ยินว่าในร่างของคุนมีมุกคุนอยู่ หากนำมาหลอมแล้วกินเข้าไป จะล้างเส้นเอ็นชำระไขกระดูกได้ หลังจากชะล้างสิ่งสกปรกออกไปแล้ว ไม่ว่าจะฝึกฝนวรยุทธ์อันใดก็จะไม่ถูกธาตุไฟเข้าแทรกอีก…”
ถึงแม้อวิ๋นเยียนหลีจะใช้วิชามารเพิ่มพูนพลังวิญญาณให้บรรลุขั้นซ่างเสิน แต่สุดท้ายแม้จะบรรลุอย่างรวดเร็ว วิชาอันชั่วร้ายต้องใช้แรงพยาบาทมหาศาล ไอพยาบาทจากวิญญาณร้ายสะสมอยู่ในร่างกายเขามากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาเกือบจะถูกธาตุไฟเข้าแทรกเป็นระยะๆ และหลังจากบรรลุขั้นซ่างเสินแล้ว ก็ไม่มีความก้าวหน้าอีกเลยแม้แต่น้อย ถ้าต้องการจะก้าวหน้าก็ต้องผลัดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็นทั้งร่าง ทำให้เขาไม่กล้าผลีผลาม
พวกเสินจิ่วหลีสามีภรรยาล้วนบรรลุระดับซ่างเสินแล้ว แถมยังเป็นระดับซ่างเสินขั้นเก้าด้วย
แต่เขากลับเป็นซ่างเสินขั้นหนึ่ง ยังห่างชั้นกันไกลนักอย่าว่าแต่สู้กับเสินจิ่วหลีเลย ต่อให้เป็นหนิงเสวี่ยโม่เขาก็สู้ไม่ไหว…
แต่หากว่าเขาได้มุกคุนมาก็จะต่างกันออกไปแล้ว มุกคุนสามารถขจัดไอพยาบาทได้ เหลือไว้เพียงจิตพิสุทธิ์ไอวิญญาณบริสุทธิ์ให้เขาได้ใช้การ
เขาจะต้องชิงมุกคุนมาให้ได้!
เมื่อเป็นเช่นนี้ ความต้องการจะกำจัดตี้ฝูอีทิ้งทันของเขากลับไม่ได้แรงกล้าขนาดนั้นแล้ว…
เพื่อป้องกันไม่ให้ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ ดังนั้นครั้งนี้เขาต้องใช้พลังทั้งหมดออกมา สำแดงกระบวนท่าสังหารที่อหังการที่สุดใส่คุนเสวี่ยอี๋อย่างต่อเนื่อง! คิดจะสังหารให้เขาตกตายภายใต้คมดาบ ชิงเอามุกคุนมาอย่างราบรื่น…
————————————————————————————-
บทที่ 2496 เขา…ตอนนี้ปลอดภัยมาก
แม้ว่าคุนเสวี่ยอี๋จะเป็นสัตว์วิเศษ แต่วรยุทธ์ของเขาก็อยู่ในขั้นจินเซียน จะเป็นคู่ต่อสู้ของอวิ๋นเยียนที่คล้ายจะคลุ้มคลั่งไปแล้วได้อย่างไร?
เผชิญหน้ากันได้ไม่ถึงสามสิบกระบวนท่า เขาหวิดจะถูกอวิ๋นเยียนหลีสังหารอยู่หลายครั้ง พ่ายไม่เป็นท่า บนร่างมีรอยแผลใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีก
คุนเสวี่ยอี๋ไม่คิดจะสู้ต่อแล้ว หลังจากสำแดงกระบวนท่าสะท้านสะเทือนอย่างหนึ่ง ก็ร่ายอาคมหมายจะแปลงร่างเป็นอณูหนีหายไป…
แต่พอเขาร่ายคาถาออกมา ร่างกายกลับไม่ได้หดเล็กลงเช่นในอดีต เพียงหดเล็กลงกว่าครึ่ง ดูคล้ายเด็กชายคนหนึ่ง…
สีหน้าเขาพลันแปรเปลี่ยน อวิ๋นเยียนหลีหัวเราะหยันคราหนึ่ง
“ในเมื่อข้าหมายปองคุนมาเนิ่นนานแล้ว ย่อมเข้าใจลักษณะนิสัยของคุน ศึกษาค้นคว้าของวิเศษสำหรับรับมือกับคุนไว้นานแล้ว! คุนอวิ๋นจ่าน เจ้ายอมรับชะตาเถอะ! ทำตัวว่าง่ายส่งมอบมุกคุนให้ข้าโดยดีเสีย บางทีข้าอาจพิจารณาเหลือศพเจ้าไว้ในสภาพสมบูรณ์ก็ได้นะ…”
เขาพลันโบกแขนเสื้อ แหสีทองส่องประกายขนาดใหญ่ผืนหนึ่งครอบคลุมลงมาจากเหนือศีรษะคุนเสวี่ยอี๋อีกครั้ง!
แหในครั้งนี้มิได้ง่ายดายเพียงรัดพันคนไว้แล้ว แต่เป็นการสังหารคน
มีเข็มต้องสาปที่แหลมคมสานอยู่ทั่วแห! ขอเพียงคลุมคุนเสวี่ยอี๋ไว้ได้ เข็มต้องสาปเหล่านั้นจะทิ่มเข้าสู่ร่างกาย พิษคำสาปแทรกซึมเข้าสู่ร่าง ปลิดชีพเขาได้ทันที…
แหปากนั้นใหญ่โตยิ่ง ซ้ำยังเข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว คุนเสวี่ยอี๋หลบหลีกไม่ทันไปชั่วขณะ มองเห็นแหปากนั้นกำลังจะคลุมลงมา ในอากาศพลันมีเงาดำสายหนึ่งแวบเข้ามา เฉียดผ่านด้านข้างคุนเสวี่ยอี๋ไป…
เกิดเสียง
‘ฟุ่บ!’
ขึ้นเบาๆ คุนเสวี่ยอี๋หายไปแล้ว…
แหนั้นคลุมได้เพียงอากาศ จึงร่วงหล่นลงมาอีกครั้ง
อวิ๋นเยียนหลีตกตะลึง!
กู้ซีจิ่ว!
เงาดำสายนั้นคือกู้ซีจิ่ว!
ไม่นึกเลยว่านางจะปรากฏตัวออกมาได้ทันเวลาขนาดนี้…
เขาสูดหายใจเบาๆ กำมือจนเกิดเสียงดังกรอบแกรบ
ดีมาก นางอยู่ที่นี่ ตี้ฝูอีก็ต้องอยู่ไม่ไกลแน่ หนีอย่างไรก็ไม่พ้นแล้ว! ขอเพียงเขาหาพบสักคน ก็จะพบทั้งกลุ่ม…
เรือนกายเขาไหววูบ รีบตามหาคนจากกลิ่นอายต่อทันที…
….
เสียงลมอื้ออึง กู้ซีจิ่วลากคุนเสวี่ยอี๋เคลื่อนย้ายติดต่อกันหลายสิบลี้ ระหว่างทางไม่ปริปากเลย ตรงเข้าไปในหุบเขาแห่งหนึ่ง ป่าดงดิบผืนหนึ่ง ภายในป่ามีแม่น้ำสายใหญ่ไหลคดเคี้ยว สองฝั่งแม่น้ำมีดงศิลาเรียงราย ราวกับค่ายกลศิลาที่เกิดขึ้นมาตามธรรมชาติ…
กู้ซีจิ่วพาคุนเสวี่ยอี๋ไปโผล่ในค่ายกลศิลาโดยตรง เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ซอกแซกไปทั่ว คุนเสวี่ยอี๋มองเห็นศิลาก้อนแล้วก้อนเล่าแวบผ่านหน้าไป ค่อนข้างลายตาอยู่บ้าง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็หยุดลง ก้มมองเขาที่ตัวเล็กจ้อย
“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง?”
คุนเสวี่ยอี๋รีบชักมือตนออกมาจากการจับจูงของนาง ค้อมกายทำความเคารพนาง
“แม่นางกู้ ท่านสบายดี”
แล้วมองไปรอบๆ อีกครั้ง
“องค์ราชันอยู่ที่ใด?”
ตอนนี้ถึงแม้จะตัวเล็กลง แต่รูปโฉมยังคงเป็นผู้ใหญ่อยู่ ถึงแม้มองแล้วจะดูพิลึกอยู่บ้าง ทว่าทำให้คนรู้สึกเอ็นดูยิ่งนัก
กู้ซีจิ่วมองเขาแล้วมันเขี้ยวอยู่บ้าง…
เมื่อครู่เธอซ่อนตัวอยู่ในที่ลับตา ได้เห็นเขาเกี้ยวพาอวิ๋นเยียนหลี เกี้ยวพาอย่างชื่นมื่นนัก ทำเอาอวิ๋นเยียนหลีโมโหแทบตายแล้ว เหมือนพวกฮิปปี้เร่ร่อน ทำไมพออยู่ต่อหน้าเธอถึงทำตัวเคร่งขรึมเหมือนพ่อเฒ่าน้อยเล่า?
“เขา…ตอนนี้ปลอดภัยมาก”
กู้ซีจิ่วเอ่ยเพียงไม่กี่คำ เรื่องที่ตี้ฝูอีกลายเป็นรูปสลักหยกเป็นความลับสุดยอด ถ้าไม่ได้รับความเห็นจากตี้ฝูอี กู้ซีจิ่วก็ไม่อยากให้ผู้ใดทราบ
ตี้ฝูอีปลอดภัยมากจริงๆ ถูกเธอจัดวางไว้ในถ้ำที่ลึกลับยิ่งนักแห่งหนึ่ง อวิ๋นเยียนหลีไม่มีทางหาที่นั่นพบเด็ดขาด
เมื่อคืนหลังจากตี้ฝูอีกลายเป็นรูปสลักหยก กู้ซีจิ่วติดต่อไปหาองครักษ์จินและองครักษ์หวา ร่ายอาคมระเบิดจวนของอวิ๋นเยียนหลี เผยผังดาวที่ปรับแก้แล้วออกมา และเธอก็ใช้วิชาเร้นกายอุ้มรูปสลักหยกของตี้ฝูอีขึ้นสู่นภาสวมรอยเป็นเทพเจ้า หลังจากถ่ายทอดโองการสวรรค์ แล้วพาตี้ฝูอีเคลื่อนย้ายจากไปทันที
….