บทที่ 2497 ร่างคุนใหญ่มโหฬาร หม้อใบเดียวตุ๋นไม่พอ
สถานการณ์เมื่อคืนนี้วุ่นวายยิ่งนัก พวกเจ้าวังน้อยไม่มีเวลามาตามหาพวกเขาเลย ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงออกจากเมืองได้ง่ายดายยิ่ง
องครักษ์หวาเตรียมรถม้าเร็วไว้ก่อนแล้ว ตลอดทางได้ปกปิดร่องรอยเหินทะยานสู่ทิศทางของอาณาจักรมารอย่างรวดเร็ว
เมืองเล่อกั่วอยู่ห่างจากอาณาจักรมารนับหมื่นลี้ และอวิ๋นเยียนหลีจะต้องส่งลูกน้องมาตั้งด่านตรวจอย่างเข้มงวดตลอดทางเป็นแน่ เพื่อหลบหลีกซ่อนเร้นจากสายตาคน กู้ซีจิ่วต้องสิ้นเปลืองความคิดจิตใจไปไม่น้อยเลย
เพื่อควบคุมเมืองใหญ่แต่ละแห่ง อวิ๋นเยียนหลีจึงส่งลูกน้องมากมายให้ตระเวนไปมาระหว่างเมืองต่างๆ คอยตรวจตราและรายงานข่าวสาร
รถม้าที่กู้ซีจิ่วให้องครักษ์ไปนำมา ก็เป็นรถม้าของลูกน้องคนหนึ่งในสังกัดของเจ้าวังน้อย
แน่นอน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น กู้ซีจิ่วจึงฆ่าปิดปากคนผู้นั้น แปลงโฉมองครักษ์หวาให้มีรูปร่างหน้าตาแบบคนผู้นั้น องครักษ์จินปลอมเป็นสารถี กู้ซีจิ่วแปลงโฉมเป็นเด็กรับใช้ของคนผู้นั้น ส่วนตี้ฝูอี ตอนนี้เขาเป็นเพียงรูปสลักหยกชิ้นหนึ่ง ขนขึ้นรถเสียก็พอ…
ระหว่างทางย่อมพบกับสายสืบคนอื่นๆ ด้วย แต่เนื่องจากคนกลุ่มนี้ปลอมตัวได้แนบเนียนไร้พิรุธ คนเหล่านั้นจึงตรวจสอบไม่พบอะไร
บนร่างองครักษ์หวามีป้ายอนุญาตเดินทางอยู่ ซ้ำยังรู้สัญญาณลับสำหรับสื่อสารกันภายในของพวกเขาด้วย ดังนั้นเดินทางอยู่ครึ่งวันครึ่งคืน ก็ไม่ได้เผยพิรุธใดๆ ออกมาเลย
แน่นอน สององครักษ์ไม่ทราบเลยว่ารูปสลักหยกในรถก็คือตี้ฝูอีตัวจริง กู้ซีจิ่วเพียงบอกว่าเป็นคำสั่งจากราชันมาร จะต้องขนรูปสลักหยกชิ้นนี้กลับไปยังอาณาจักรมารโดยไม่บุบสลาย ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม!
สองคนนี้ย่อมเชื่อฟัง ไม่ถามให้มากความ
ระหว่างหลบหนีเพื่อหลีกเลี่ยงข้อครหา องครักษ์หวาจึงไม่อยู่ในรถม้าสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะไปอยู่นอกห้องโดยสาร พูดคุยกับองครักษ์จินที่ปลอมเป็นสารถี นอกจากจะพบกับสายตรวจ เขาถึงจะเข้าไปอยู่ในรถม้า
ดังนั้นในช่วงเวลาส่วนใหญ่ ภายในรถจึงมีเพียงกู้ซีจิ่วและรูปสลักหยกของ ‘ตี้ฝูอี’
จะเป็นวิชาคาถาอันใดกู้ซีจิ่วล้วนเคยใช้กับรูปสลักหยกของตี้ฝูอีไปหมดแล้ว ล้วนไม่สามารถทำให้เขาคืนร่างเดิมได้
เธอเกรงว่าจะยิ่งทำให้เขาแย่ลง จึงไม่กล้ารบกวนเขามากนัก เพียงคอยจับชีพจรวัดอัตราการเต้นของหัวใจเขาเป็นระยะๆ เท่านั้น
แน่นอน หลังจากจับดูทุกครั้งล้วนต้องผิดหวังทั้งสิ้น…
รูปสลักไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอันใดเลย
ในทุกๆ เมืองมีสายลับของอาณาจักรมารอยู่จริงๆ คอยส่งข่าวมาให้เป็นระยะๆ
รายงานให้แก่องครักษ์จิน จากนั้นองครักษ์จินก็จะรายงานต่อกู้ซีจิ่วอีกที
ดังนั้นต่อให้กู้ซีจิ่วอยู่บนรถม้า ก็สามารถรับรู้ข่าวสารสถานการณ์จริงส่วนหนึ่งภายในเมืองเล่อกั่วได้
เธอได้ยินว่าอวิ๋นเยียนหลีกลับเมืองแล้ว…
จากนั้นก็สั่งการให้องครักษ์หวาเปลี่ยนเส้นทาง ไปยังหุบเขาลูกหนึ่ง
กว่าหนึ่งปีมานี้ที่เธอท่องไปทั่วแผ่นดินมิใช่การเดินทางอย่างเสียเปล่า แจ่มแจ้งในสภาพภูมิประเทศของแผ่นดินแล้ว เธอรู้ว่าในสันเขาของหุบเขาแห่งนี้มีถ้ำที่ลึกลับยิ่งนักอยู่แห่งหนึ่ง เธอนำรูปสลักหยกไปไว้ในถ้ำแห่งนั้น ให้องครักษ์จินและองครักษ์หวาคอยคุ้มกัน รอฟังข่าวจากเธอ
ยามที่กำลังยุ่งง่วนอยู่ เธอได้รับข่าวจากคุนเสวี่ยอี๋…
ด้วยเหตุนี้เธอจึงออกจากหุบเขาลูกนั้นทันที เคลื่อนย้ายไปยังสถานที่อื่น ติดหุ่นกระดาษลงบนร่างสัตว์ร้ายอื่นๆ ให้พวกมันวิ่งสะเปะสะปะต่อไป
จากนั้นเธอก็เบนเส้นทางมุ่งสู่หุบเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล หุบเขาแห่งนี้ไม่สิ่งอื่นใดมากนัก เพียงแต่มีหินมากมาย แถมยังเป็นโขดหินใหญ่ทั้งสิ้น ราวกับค่ายกลศิลาขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง…
หลังจากกู้ซีจิ่วปรับเปลี่ยนพวกมันอยู่พักหนึ่ง ก็ทำให้มันกลายเป็นค่ายกลศิลาไปจริงๆ แล้ว
จากนั้นเธอก็ติดต่อหาคุนเสวี่ยอี๋ ทำให้เขาล่ออวิ๋นเยียนหลีมาทางนี้
….
กู้ซีจิ่วคำนวณเอาไว้มากมายหลายสิ่ง อย่างเดียวที่ไม่ได้คำนวณไว้คือคุนเสวี่ยอี๋จะหดเล็กลงเช่นนี้!
ดังนั้นหลังจากพาเขามายังค่ายกลศิลาแล้ว เธอก็ตะลึงงันไปเล็กน้อย
————————————————————————————-
บทที่ 2498 เป็นคนที่เขาไม่อาจหาเรื่องได้
เอ่ยถามเขา
“กลับร่างเดิมได้หรือเปล่า?”
เธอไม่มีภูมิต้านทานต่อเด็กเล็กๆ ถึงแม้รูปโฉมของคุนเสวี่ยอี๋จะเป็นวัยผู้ใหญ่ แต่ร่างกายกลับเป็นร่างของเด็กน้อยวัยเจ็ดแปดขวบ รูปโฉมของเขาเป็นความงดงามประเภทที่ไม่แบ่งชายหญิง ดังนั้นหลังจากกลายเป็นเด็กแล้ว จึงน่าเอ็นดูอย่างยิ่ง ทำให้คนอยากกอด อยากหอม
คุนเสวี่ยอี๋บาดเจ็บสาหัสยิ่ง เขาสามารถฝืนคงร่างมนุษย์ไว้ได้ก็ไม่เลวยิ่งนักแล้ว
เมื่อได้ยินประโยคนี้จากกู้ซีจิ่ว เขาชะงักไปแวบหนึ่ง ในที่สุดก็ตอบว่า
“ได้”
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงกลับร่างเดิม
มัจฉาที่เปี่ยมด้วยไอมงคลตัวหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้ากู้ซีจิ่ว
มัจฉาตัวนี้เป็นสีแดงทองไปทั้งร่าง รูปร่างคล้ายวาฬ เพียงแต่ศีรษะคล้ายโลมา รูปโฉมงดงามอย่างยิ่ง ครีบบนร่างเป็นสีแดงสด โบกสะบัดเบาๆ นัยน์ตาโตซ้ำยังมีเปลือกตาสองชั้นด้วย ขนตาสีม่วงดกหนายาวงอนกระพือส่ายดุจพัด
มันใช้ครีบค้ำพื้นไว้ พยายามเงยหน้ามองกู้ซีจิ่ว
“แบบนี้หรือ?”
รูปร่างหน้าตาของมันน่าเอ็นดูมากเลยมิใช่หรือ?!
เจตนาของกู้ซีจิ่วคือต้องการให้เขากลับคืนร่างผู้ใหญ่ เอ่ยผิดไปชั่วขณะถึงทำให้มันเผยร่างเดิมออกมา
เธอพยายามสะกดความปรารถนาที่ต้องการจะลูบศีรษะปลาเอาไว้
“เจ้า…นี่คือร่างเดิมของเจ้าหรือ?”
มัจฉาตัวนั้นกะพริบตา ภาคภูมิยิ่งนัก
“รูปโฉมเป็นเช่นนี้ เพียงแต่ข้าหดร่างให้เล็กลงแล้ว มิเช่นนั้นเขาทั้งลูกนี้ก็บรรจุข้าไว้ไม่ได้…”
นี่มันหดร่างเล็กลงหลายพันเท่าแล้ว!
วลีหนึ่งผุดขึ้นมาในสมองกู้ซีจิ่วอย่างไม่อาจควบคุมได้ ‘ณ ทะเลลึกแดนเหนือ มีพญามัจฉานามคุน คุนใหญ่โตมโหฬาร กินพื้นที่ไม่รู้กี่พันลี้ ’
ซ้ำยังนึกถึงประโยคโปกฮาท่อนหนึ่งของชาวเน็ตขึ้นมาด้วย
‘ร่างคุนใหญ่มโหฬาร หม้อใบเดียวตุ๋นไม่พอ ครีบใหญ่ยักษ์ จำเป็นต้องใช้สองเตา ครีบหนึ่งตุ๋นน้ำแดง ครีบหนึ่งผัดเผ็ด…’
ที่แท้ร่างเดิมของคุนก็เป็นเช่นนี้ น่ามองถึงเพียงนี้!
งดงามกว่าปลาตัวไหนๆ ที่เคยได้พบมาทั้งสิ้น!
ถึงแม้ตัวที่อยู่เบื้องหน้านี้จะหดเล็กลงหลายพันเท่าแล้ว แต่หม้อใบเดียวยังคงตุ๋นไม่พอจริงๆ…
กู้ซีจิ่วชอบกินปลา เคยย่างปลาที่รูปร่างงดงามมามากมายแล้ว ตัวที่อยู่เบื้องหน้านี้…
ไม่อาจย่างได้จริงๆ
น่าจะเป็นเพราะสายตาที่เธอมองมันคล้ายจอมตะกละมองอาหารเกินไป ดังนั้นคุนเสวี่ยอี๋จึงถอยหลังไปเล็กน้อยอย่างระแวดระวัง มันรู้จักกู้ซีจิ่วไม่มากเท่าไหร่ ทราบเพียงว่านางคือสตรีที่ตี้ฝูอีใส่ใจที่สุด…
เป็นคนที่เขาไม่อาจหาเรื่องได้
และสตรีนางนี้ก็เฉลียวฉลาดยิ่ง แผนการที่คิดออกมายากนักที่ไม่ทำให้มันรู้สึกเลื่อมใส…
“มิใช่เจ้าบอกว่า อวิ๋นเยี่ยนหลีคิดจะจับเป็นเจ้าหรอกหรือ? เหตุใดครั้งนี้จึงลงมือสังหารเล่า?”
กู้ซีจิ่วฉงน
มัจฉาตัวนั้นยังคงคว่ำตัวอยู่ตรงนั้น ครีบบนร่างโบกไปมาโดยไม่รู้ตัว คล้ายกำลังโบกพัดอยู่
“จู่ๆ ไอ้สารเลวผู้นี้ก็ไม่หลงใหลความงามของข้าอีกแล้ว หมายปองมุกในกายข้า”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน
แต่ไหนแต่ไรมาผู้อื่นก็ไม่เคยหลงเสน่ห์ของเจ้าเลยมิใช่หรือ?
คุนเสวี่ยอี๋กระแอมเบาๆ เผลอทำตัวกะล่อนไปเสียแล้ว…
มันบิดตัวเล็กน้อย หัวเราะหยันอีกครั้ง
“ดูเหมือนเขาจะหมายปองมุกแห่งคุนมานานแล้ว ศึกษาค้นคว้านิสัยและลักษณะพิเศษของพวกเราเหล่าคุนมาแล้ว”
มิเช่นนั้นเขาคงมิใช้คาถาอาคมที่เอาไว้รับมือกับเขาโดยเฉพาะ ทำให้เขาไม่อาจแปลงร่างให้เล็กเท่าอณูได้…
กู้ซีจิ่วพยักหน้า และเห็นด้วยกับเรื่องนี้ เพียงแต่เธอก็สนใจใคร่รู้เหมือนกัน
“พวกเจ้า? บนโลกนี้…มีคุนมากนักหรือ?”
คุนเสวี่ยอี๋กล่าวอย่างคลุมเครือ
“ในดินแดนที่แร้นแค้นเช่นแดนอสุราแห่งนี้ย่อมไม่มีสัตว์วิเศษอย่างพวกเราอยู่…ข้ามาจากโลกอื่น ทัศนาจรมาถึงที่นี่ด้วยบังเอิญ…”
ดวงตากู้ซีจิ่วทอแสงเล็กน้อย
“ทัศนาจร? กล่าวเช่นนี้คือเจ้าสามารถไปจากแดนอสุราได้ตามใจปรารถนาหรือ? ออกไปอย่างไร? มีประตูหรือไม่?”
หากว่ามีวิธีดีๆ เช่นนั้นเธอก็จะพาตี้ฝูอีออกไปจากแดนอสุราแห่งนี้ก่อนเสียเลย