บทที่ 2530 เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ 3
กู้ซีจิ่วยิ้มน้อยๆ
“คงมิใช่ว่าบิดาของเจ้าก็คือเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ผู้นี้กระมัง?”
หนูน้อยชะงักไปแวบหนึ่ง คลี่ยิ้มดุจบุปผาบาน
“ถ้าท่านแม่บอกว่าใช่ก็คงใช่กระมัง? ถึงอย่างไรท่านแม่ก็รู้ดีที่สุดว่าท่านพ่อของข้าคือใคร ใช่แล้ว ข้าจะอธิบายวิถีดารานี้ให้ท่านฟังนะ กระดานหมากนี้เป็นตัวแทนของโลกใบหนึ่ง ตัวหมากพวกนี้ก็คือมนุษย์ที่มีอิทธิพลต่อโลกใบนี้ ทุกย่างก้าวของตัวหมากเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อองค์รวมทั้งหมด…”
หนูน้อยพูดจาฉะฉาน กู้ซีจิ่วฟังอยู่เงียบๆ พลางมองรูปแบบการเดินหมากของสองคนนั้นไปด้วย…
“ท่านแม่ ให้ข้าอธิบายไหมว่าตัวหมากของพวกเขาแต่ละคนคือตัวไหนบ้าง?”
หนูน้อยเกรงว่ากู้ซีจิ่วจะดูแล้วงง จึงคิดจะสอนให้นางรู้จักตัวหมาก
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า
“ไม่ต้องหรอก ข้าจำตัวหมากแต่ละตัวของพวกเขาได้แล้ว”
ตี้เฮ่าตกตะลึง!
“ท่านแม่เคยเห็นการเดินหมากของพวกเขามาก่อนหรือ?”
“ไม่เคย นี่เป็นครั้งแรก”
“ท่านแม่ฉลาดเกินไปแล้วจริงๆ! ไม่ด้อยไปกว่าเฮ่าเอ๋อร์เลย”
กู้ซีจิ่วลูบหัวเขาอีกครั้ง
“แน่นอนสิ มิเช่นนั้นจะเป็นท่านแม่ของเจ้าได้อย่างไร?”
“เช่นนั้นท่านแม่มองลักษณะการเดินหมากของพวกเขาแต่ละคนออกใช่ไหม?”
กู้ซีจิ่วใคร่ครวญดูเล็กน้อย เริ่มวิเคราะห์
“เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์เดินหมากอย่างโหดเหี้ยมไร้ใจ วิถีการเดินหมากหมื่นเปลี่ยนพันแปลง มีแยกมีรวม บุกตะลุยไปอย่างห้าวหาญ ตัดสินเป็นตายอย่างเด็ดเดี่ยว หมากไหนควรทิ้งก็ทิ้ง ควรโยนก็โยน ไม่ลังเลเลยสักนิด วางตำแหน่งแม่นยำ ความสามารถในการมองภาพรวมแข็งแกร่งนัก ส่วนการเดินหมากของชายชุดดำก็เฉียบไวยิ่งนักเช่นกัน การลงหมากมีแนวทางเป็นขั้นเป็นตอน ค่อยๆ กัดเซาะไป เพียงแต่การลงหมากของเขาบางครั้งก็มีความลังเล ตัดใจสละหมากบางตัวที่สมควรทิ้งไม่ได้ แต่บางครั้งก็เหี้ยมหาญเกินไป สละตัวหมากที่เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่ายังมีประโยชน์อยู่เพียงแต่ติดอยู่ในวงล้อมเท่านั้นทิ้งไป วิธีการค่อนข้างอำมหิต…ถ้าพูดกันตามตรง กลหมากของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ไร้ซึ่งความรู้สึกส่วนตัว เย็นชาเหมือนเครื่องจักร ส่วนชายชุดดำผู้นี้ก็มีที่รักมักที่ชัง บกพร่องอยู่…หากไม่เหนือไปจากที่คิดล่ะก็ หมากตานี้ชายชุดดำต้องแพ้แน่!”
นางตัดสินใจได้ตรงจุดเหลือเกิน!
ตี้เฮ่าชมเชยนางเงียบๆ อยู่ในใจ จากนั้นก็แบ่งเมล็ดแตงกลิ่นนมให้นางห่อหนึ่ง ทั้งสองคนทำตัวเป็นผู้ชมด้วยกัน
กู้ซีจิ่วเดาถูกแล้ว หมากตานี้บุรุษชุดดำแพ้ เขาลุกขึ้นแล้วถอนหายใจ
“ดูเหมือนข้าจะเอาชนะเจ้าในด้านการเดินหมากไม่ได้เลย…”
เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์เอ่ยอย่างเฉื่อยชา
“นั่นเป็นเพราะจิตใจเจ้าว้าวุ่นเกินไป พะวงกับผลได้ผลเสียมากเกินไป ย่อมต้องพ่ายแพ้ เมื่อไหร่ที่เจ้าสามารถทำใจให้เยือกเย็นเช่นข้าได้บางทีเจ้าอาจจะเอาชนะข้าได้สักตา”
บุรุษชุดดำเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ
“สหายตี้มีฐานะเป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ เป็นผู้บัญญัติกฎเกณฑ์แห่งลิขิตสวรรค์ ย่อมต้องโหดเหี้ยมไร้ใจเป็นธรรมดา แต่เจ้าจะไม่มีอารมณ์ของมนุษย์ไปตลอดกาลได้จริงๆ น่ะหรือ? จะไม่มีความรู้สึกส่วนตัวเลยหรือ?”
คันเบ็ดในมือของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ตกปลาตัวหนึ่งขึ้นมาได้ ปลาตัวนั้นมีกายสีเงินอมแดง ดีดดิ้นสะบัดตัว ท่าทางงดงามนัก ทันทีที่พ้นจากทะเลดวงดาวก็กลายร่างเป็นมนุษย์ เป็นดรุณีน้อยที่งดงามทรงเสน่ห์
ดรุณีนางนั้นสวมชุดสีเงินคล้องแพรโปร่งสีแดง ดวงตาคู่นั้นเสมือนมีธารดารารินไหลอยู่ อ้อนแอ้นดุจกิ่งหลิว ทุกอากัปกริยาแฝงความเย้ายวนไว้ ทำให้คนหักใจทำร้ายไม่ลง
กู้ซีจิ่วรู้สึกอยู่เสมอว่าดรุณีนางนี้ดูคุ้นตาอยู่บ้าง ทว่านึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ดรุณีนางนั้นถูกเบ็ดเกี่ยวขึ้นมาบนเรือ ดูค่อนข้างตระหนกผวา พุ่งลงคุกเข่าทำความเคารพเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์
“ขอท่านเจ้าทรงเมตตาด้วย ไม่ง่ายเลยกว่าผู้น้อยจะบำเพ็ญได้…”
เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์มองนางด้วยรอยยิ้ม
“กว่าเจ้าจะบำเพ็ญได้ไม่ง่ายเลยจริงๆ เพื่อจะสำเร็จเป็นเทพถึงกับทำลายอาณาจักรหนึ่งจนล่มจม ทำให้หลายร้อยล้านชีวิตต้องดับสูญ…”
ดรุณีนางนั้นร่ำไห้
“ไม่…ไม่เกี่ยวกับผู้น้อยเลย เป็นจักรพรรดิของอาณาจักรนั้นที่ยืนกรานจะทำเช่นนี้เพื่อผู้น้อย…”
————————————————————————————-
บทที่ 2531 เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ 4
รูปโฉมของนางทัดเทียมกับซูต๋าจี่ หนึ่งร้อยยิ้มทำให้หัวใจคนสั่นไหวได้ทั้งสิ้น การร่ำไห้นี้ยิ่งกว่าดอกสาลี่ต้องพิรุณเสียอีก มองแล้วน่าสงสารเวทนา
เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ยิ้มบางๆ ไม่เอ่ยวาจา
ดรุณีนางนั้นคงนึกว่าทำให้เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ผู้นี้หวั่นไหวได้แล้ว จึงเยื้องย่างเข้าไปหา
“ผู้น้อยเคารพชื่นชมท่านเจ้าอย่างยิ่ง ชีวิตนี้มีใจไว้ปฏิพัทธ์เพียงท่านเจ้าเท่านั้น”
“เจ้ามีใจปฏิพัทธ์ต่อเปิ่นจุน? แล้วจะทำอันใดเล่า?”
“ท่านเจ้าต้องการให้ผู้น้อยทำสิ่งใดผู้น้อยก็จะทำสิ่งนั้น…”
น้ำเสียงของสตรีนางนั้นอ่อนหวานสั่นพร่านิดๆ แฝงเสน่ห์เย้ายวนที่ไม่อาจบรรยายได้เอาไว้ วาจาที่กล่าวออกมาคล้ายมีตะขอเกี่ยวลงบนใจคน
แววตานางหยาดเยิ้ม ออเซาะฉอเลาะ กู้ซีจิ่วเป็นผู้หญิง ตอนที่มองนางไม่น่าเชื่อว่าจะเคลิบเคลิ้มไปด้วยเช่นกัน ลืมไปชั่วขณะว่าอยู่ที่ไหน
ยอดสตรีงาม!
กู้ซีจิ่วใจสั่นนิดๆ อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ผู้นั้น
เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ผู้นั้นยังคงยิ้มน้อยๆ ยื่นมือไปหาสตรีนางนั้น
“เข้ามาสิ”
ดวงตาสตรีนางนั้นพลันทอประกาย เยื้องย่างเข้าไปหา ส่งมือน้อยๆ ของตนเข้าไปในมือเขา…
เมื่อเห็นว่ามือน้อยๆ ของนางกำลังจะเข้าสู่ฝ่ามืออีกฝ่าย อีกฝ่ายพลันตวัดฝ่ามือ แสงสีขาวส่องวาบ ครอบคลุมร่างของสตรีนางนั้น…
หญิงสาวหายไปในทันใด ตรงจุดเดิมปรากฏปลาตัวนั้นขึ้นอีกครั้ง ปลาตัวนั้นดีดดิ้นอยู่บนท้องเรืออย่างไม่ยินยอม เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์โบกมือคราหนึ่ง ปลาตัวนั้นลอยเข้าสู่มือของบุรุษชุดดำคนนั้น
ในเวลาเพียงชั่วพริบตานี้ ปลาตัวนั้นถูกขอดเกล็ดออกไป จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ตุ๋นนำแกงปลาข้นเถอะ ปลาตัวนี้เป็นยาบำรุงชั้นดี รสชาติเลิศล้ำ”
บุรุษชุดดำนิ่งงัน
เขามองปลาที่ตายแล้วตัวนั้นถอนหายใจเบาๆ
“เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ไร้ใจไร้รัก ไม่รู้จักรักหยกถนอมบุปผาเลย ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะกล้าวางแผน…นี่หาที่ตายใส่ตัวหรือไง?”
“ฟั่นเชียนซื่อ เจ้าจะมาจู้จี้เปิ่นจุนอีกแล้วหรือ?”
“มิกล้า เพียงกล่าวไปตามความจริงเท่านั้น โฉมงามที่หยาดเยิ้มอรชรถึงเพียงนี้ท่านก็ยังจัดการได้ลงคอ…”
“ฟั่นเชียนซื่อ เจ้าเป็นเทพผู้สร้างโลก คิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้จะไม่เป็นผลดีต่อการบำเพ็ญของเจ้า…”
มุมปากของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์หยักขึ้นนิดๆ อีกครา
“ในเมื่อเจ้ามีใจรักหยกถนอมบุปผา ก็ตุ๋นมันให้อร่อยเลิศรสเสียเถอะ ให้มันได้ตายอย่างสมเกียรติ เอาล่ะ เจ้าจัดการมันเถอะ เปิ่นจุนจะไปเดินเล่นที่ฟากนั้นเสียหน่อย”
นาวาจากไปแล้ว
บุรุษชุดดำผู้นั้นยืนอยู่ที่เดิมมองส่งเขาจากไป อาภรณ์สีดำบนร่างเขาแผ่วพลิ้ว ราวกับจะกลายเป็นหมอกทมิฬที่โอบล้อมอยู่รอบกายเขา
ผ่านไปพักหนึ่ง เขาเอ่ยเสียงแผ่ว
“ไม่ว่าสิ่งใดก็สั่นคลอนเจ้าไม่ได้งั้นรึ? ตี้ฝูอี ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะไร้อารมณ์ไร้ปรารถนาเช่นนี้ไปได้ตลอด”
“ข้าเป็นผู้สร้างโลกใบนี้ขึ้นมาชัดๆ แล้วเหตุใดเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์กลับเป็นเจ้ากัน?”
มีความคั่งแค้นเจืออยู่ในน้ำเสียงแผ่วหวิวที่ล่องลอยอยู่…
กู้ซีจิ่วนั่งอยู่ตรงนั้น กินเมล็ดแตง รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังชมละครเรื่องหนึ่งอยู่
เธอมักจะถอดจิตท่องเที่ยวไปอยู่บ่อยครั้ง ฝันถึงสถานการณ์ต่างๆ และที่น่ายินดีคือคนในฝันล้วนมองไม่เห็นเธอเลย ปล่อยให้เธอรับชมไป
เมื่อก่อนเธอจะชมละครคนเดียวเสมอ ตอนนี้ข้างกายกลับมีสหายตัวน้อยเพิ่มขึ้นมาคนหนึ่ง…
ซ้ำสหายตัวน้อยคนนี้ยังแบ่งเมล็ดแตงให้เธอด้วย แถมยังพูดคุยวิจารณ์ตัวละครกับเธออีก…
เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ เทพผู้สร้างโลก…
เมื่อก่อนเธอนึกว่าสองคนนี้เป็นคนๆ เดียวกันมาโดยตลอด ที่แท้ก็มีสองคน แถมยังเป็นเพื่อนกันอีก…
เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ก็แซ่ตี้…
คงมิได้ชื่อตี้ฝูอีด้วยกระมัง?!
ไม่น่าเชื่อว่าฟั่นเชียนซื่อจะเป็นเทพผู้สร้างโลก มีบทบาททัดเทียมกับหนี่ว์วา เป็นประเภทที่สร้างมนุษย์ขึ้นมาได้…
เธอเพิ่งคิดมาถึงตรงนี้ เสี่ยวตี้เฮ่าที่อยู่ข้างกายก็ผลักเธอคราหนึ่ง
“ท่านแม่ กลับไปเถอะ ข้า…ข้ารับไม่ไหวแล้ว…”
กู้ซีจิ่วร่วงหล่นลงไปทันที เบื้องหน้ามืดมิด ทิวทัศน์ทั้งหมดหายไปแล้ว
เธอรีบลืมตาขึ้นมา แสงทองเจิดจ้าแยงตาคน เธอยังคงอยู่ในตำหนักทองหลังนั้น ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อกี้คือฝันไป…
….