บทที่ 2538 กู้ภัย 3
แต่วิธีสกัดจุดของอวิ๋นเยียนหลีค่อนข้างพิเศษยิ่ง ถ้าไม่มีพลังยุทธ์ระดับจินเซียนขึ้นไปอย่าหมายจะแก้ได้
ดังนั้นถึงแม้พลังวิญญาณของกู้ซีจิ่วจะฟื้นฟูกลับมาส่วนหนึ่งแล้ว ก็แก้เองไม่ได้อยู่ดี
โชคดีที่คุนเสวี่ยอี๋มีระดับพลังสูงพอ พอเขาจี้จุดให้กู้ซีจิ่ว ก็คลายจุดให้เธออย่างรวดเร็วได้…
คุนเสวี่ยอี๋พยายามร่ายอาคมชำระล้างร่างกายอย่างสุดชีวิต เขารู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองส่งกลิ่นเหมือนปลาเค็มย่างแล้ว รับไม่ได้จริงๆ!
เขามองมนุษย์ครึ่งสัตว์สี่ตนที่อยู่บนพื้น เห็นได้ชัดว่าสี่ตนนี้ถูกพิษแล้ว ยังสลบไสลอยู่
“แม่นางกู้ เมื่อกี้เจ้าทายาพิษที่ทำให้พวกเขาสลบได้ลงบนตัวข้ากระมัง?”
ตอนที่กู้ซีจิ่วลูบหลังเขา เขาก็รู้สึกว่าตนมีกลิ่นหอมจางๆ เช่นกัน
“อืม ถ้ายานั้นโดนความร้อนจะแพร่กระจายได้เร็วขึ้น อย่างไรเสียเจ้าก็ไม่มีทางต้องพิษอยู่แล้ว จึงทาลงบนหนังเจ้าเสียเลย”
ด้วยเหตุนี้ คุนเสวี่ยอี๋จึงร่ายอาคมชำระล้างเพิ่มอีกรอบหนึ่ง…
ที่นี่รั้งอยู่นานไม่ได้ ทว่าคุนเสวี่ยอี๋เป็นคนที่ไม่ยอมเสียเปรียบ
เขาจับมนุษย์สัตว์สี่ตนนั้นมัดไว้เหมือนบ๊ะจ่างอย่างรวดเร็ว สกัดจุดใบ้ จากนั้นก็ร้อยไว้เป็นพวง แขวนไว้เหนือกองไฟ ยามที่มนุษย์สัตว์สี่ตนนั้นถูกย่างจนหน้าตาบิดเบี้ยวเหยเกอยู่มิสู้ตาย เขาปรบมือแปะๆ แขนเสื้อกระพือ
“รสชาติอันน่าอภิรมย์นี้ข้าจะลิ้มรสเพียงผู้เดียวได้อย่างไร? อย่างไรก็ต้องเชิญให้พวกเจ้าได้ลิ้มรสด้วยถึงจะถูก”
พลางสาดน้ำแกงหมากมาศทั้งหม้อลงบนร่างสี่ตนนั้น…
สี่ตนนั้นไม่ได้มีผิวหนังคงกระพันตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้แบบคุนเสวี่ยอี๋ ในไม่ช้าก็ถูกย่างจนเหมือนหมูหัน ไม่เคลื่อนไหวแล้ว
ยามที่เขากำลังง่วนกับสิ่งเหล่านี้อยู่ กู้ซีจิ่วก็ได้หารือกับเขาอยู่หลายประโยค ทราบว่าเขาก็ไม่รู้ที่อยู่ของรูปสลักหยกกับคนที่เหลือเช่นกัน ดังนั้นเธอทำได้เพียงออกตามหาอีกครั้ง…
นี่เป็นคุกที่ลึกลับอย่างยิ่งแห่งหนึ่ง ด้านในเลี้ยวลดคดเคี้ยว ซ้ำยังเชื่อมเป็นค่ายกลด้วย
หากคนที่ไม่รู้ศาสตร์ค่ายกลถูกคุมขังไว้ ต่อให้ประตูคุกเปิดอ้าไว้ ก็หนีออกไปไม่ได้อยู่ดี
เพียงแต่กู้ซีจิ่วเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกล สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องจิ๊บจ้อยเท่านั้น
ทั้งสองคนตามหาองครักษ์จินกับองครักษ์หวาที่ถูกคุมขังอยู่ในส่วนลึกของคุกพบอย่างรวดเร็ว
สองคนนี้ก็ถูกทรมานเช่นกัน แทบจะนอนเป็นอัมพาตอยู่บนกองฟางแล้ว เสื้อผ้าฉีกขาด บาดแผลเต็มตัว นอนฟุบอยู่บนพื้นเหมือนขอทานที่สิ้นลมไปแล้ว
ทันทีที่พวกเขาเห็นกู้ซีจิ่วที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน น้ำตาก็แทบจะไหลพรากแล้ว!
“แม่นางกู้!”
แม่นางกู้ผู้นี้ช่างมีความสามารถเลิศล้ำเหลือเกิน!
ถึงขนาดนี้นางก็ยังหนีออกมาได้ แล้วยังมาช่วยพวกเขาอีก…
พวกเขาบาดเจ็บสาหัสยิ่ง ถึงแม้จะมีโอสถวิญญาณอันเลิศล้ำของกู้ซีจิ่วคอยช่วยเหลือ ก็ฟื้นฟูกลับมาภายในระยะเวลาชั่วครู่ไม่ได้
กู้ซีจิ่วทำให้พัศดีสองนายสลบไป แล้วจับพวกเขาแปลงโฉม ปลอมเป็นสององครักษ์ สกัดจุดใบ้จุดอัมพาตแล้วโยนทิ้งไว้บนกองฟาง ถ้ามองเผินๆ จากนอกประตูคุก คนจะมองพิรุธไม่ออกเลย…
ภายในคุกมีการคุ้มกันอย่างหนาแน่น ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยพัศดีที่เดินลาดตระเวนกลับไปกลับมา
ถ้าเดินทางตามปกติย่อมถูกพบเห็นได้ง่ายดายยิ่ง ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงใช้วิชาเคลื่อนย้ายเสียเลย พาสามคนนี้ออกจากเมืองไปพร้อมกัน…
ตอนนี้วรยุทธ์ของเธออยู่ในขั้นเสี่ยวเซียนแล้ว ใช้วิชาเคลื่อนย้ายครั้งหนึ่งสามารถเคลื่อนย้ายได้ห้าสิบกิโลเมตร ดังนั้นต่อให้เธอไม่ทราบทิศทาง แต่ถ้าต้องการออกจากเมืองก็ง่ายดายนัก เคลื่อนย้ายสักหนก็พอแล้ว
เพียงแต่พอมาถึงนอกเมืองแล้ว พวกเขาถึงได้พบว่าเมืองนี้ก็คือเมืองลั่วฮวา…
เมืองแรกในแดนอสุราแห่งนี้ที่กู้ซีจิ่วมาเยือนก็คือที่นี่
เวลานี้ย่อมไม่ใช่เวลามาซาบซึ้งตื้นตัน องครักษ์จินใช้วิชาลับของเผ่ามารติดต่อหากองกำลังของเผ่ามารทันที…
วันนั้นขณะที่เขากำลังอยู่ระหว่างเร่งหลบหนีเคยพบกับสายลับจากอาณาจักรมารแล้ว พวกสายลับย่อมต้องส่งข่าวกลับไปยังอาณาจักรมาร
อาณาจักรมารมีองครักษ์หลวงทั้งหมดแปดคน หนนี้ติดตามออกมาสามคน ยังเหลืออยู่อีกห้าคน
————————————————————————————-
บทที่ 2539 กู้ภัย 4
ห้าคนนี้เดิมทีประจำการอยู่ที่อาณาจักรมาร พอได้รับข่าวก็เร่งพากำลังทหารชั้นยอดกลุ่มหนึ่งติดตามมา ทราบเรื่องที่องค์ราชันของพวกเขาถูกจับกุมผ่านทางเครือข่ายข่าวสารพิเศษของอาณาจักรมาร
ตอนนี้กำลังซ่อนตัวอยู่ในเมืองและนอกเมืองหาทางสืบข่าวคราวสารพัดวิถีทาง…
ดังนั้นองครักษ์จินจึงติดต่อพวกเขาได้ง่ายดายยิ่ง องครักษ์จินบอกถึงตำแหน่งที่ตนอยู่อย่างสั้นๆ ฝ่ายนั้นก็รีบตามมาสมทบฝั่งนี้ทันที
กู้ซีจิ่วห่วงพะวงกับการตามหารูปสลักหยกตี้ฝูอี รอคอยกองหนุนของอาณาจักมารไม่ไหว ตัดสินใจจะกลับไปตามอีกครั้งทันที ถูกคุนเสวี่ยอี๋ขวางไว้
“แม่นางกู้ ให้ข้าไปกับเจ้าด้วยเถอะ!”
กู้ซีจิ่วไม่อยากพาเขาไปด้วย ตนเคลื่อนไหวคนเดียวจะสะดวกกว่า
คุนเสวี่ยอี๋สูดหายใจเฮือกหนึ่ง
“แม่นางกู้ ที่ข้ากลับไปมิใช่จะไปช่วยท่านตามหารูปสลักหยกของนายท่าน แต่จะไปสวมรอยเป็นเจ้า”
“หา?”
“แม่นางกู้ อวิ๋นเยียนหลีที่น่าตายผู้นั้นน่าจะให้ความสำคัญกับเจ้าเป็นที่สุด ภายในห้องที่เขากักขังเจ้าไว้จะต้องติดตั้งอุปกรณ์สอดแนมอันใดเอาไว้แน่ หากไม่มีคนไปสวมรอยแทน เขาคงจะสังเกตเห็นอย่างรวดเร็วว่าเจ้าหายไปแล้ว พอถึงเวลาจะต้องตรวจสอบเป็นการใหญ่แน่ ไม่เป็นผลดีต่อการตามหารูปสลักหยกของเจ้า มิสู้ให้ข้าไปสวมรอยเป็นเจ้าอยู่ที่นั่นชั่วคราว ถ่วงอวิ๋นเยียนหลีไว้ รอจนเจ้าช่วยรูปสลักหยกของนายท่านออกมาได้แล้ว ค่อยมาช่วยข้าออกไปก็ยังไม่สาย”
ที่เขาพูดมาก็มีเหตุผลจริงๆ อีกทั้งคุนเสวี่ยอี๋ก็มีความสามารถในการแปลงกายสวมรอยได้อย่างสมบูรณ์แบบ ให้เขาสวมรอยเป็นตน อวิ๋นเยียนหลีไม่น่าจะมองออกชั่วคราว
ด้วยเหตุนี้ กู้ซีจิ่วจึงตอบตกลง พาคุนเสวี่ยอี๋เคลื่อนย้ายกลับไปที่ตำหนักทองหลังนั้น…
การไปกลับเที่ยวนี้ของเธอถึงแม้จะจัดการเรื่องราวไปไม่น้อย แต่เสียเวลาไปน้อยยิ่งนัก ไม่ถึงครึ่งชั่วยามด้วยซ้ำ
ข้าวของทุกอย่างในตำหนักทองมองเผินๆ แล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย คุนเสวี่ยอี๋แปลงร่างเป็นกู้ซีจิ่วทันทีนอนเอนระทดระทวยอยู่บนเตียง ดูสุขุมเย็นชา ให้บรรยากาศเหมือนกู้ซีจิ่วทุกประการ กู้ซีจิ่วมองเขาแล้วเหมือนส่องกระจกก็มิปาน…
ในที่สุดเธอก็วางใจแล้ว กำชับคุนเสวี่ยอี๋อีกสองสามประโยค ถึงได้หันหลังจากไป
ภายในตำหนักทองหลังนี้มีข้าวของจำพวกกล้องวงจรปิดอยู่จริงๆ ถูกเธอหาพบแล้วทำลายทิ้งไปนานแล้ว ตอนนี้ ‘กล้องวงจรปิด’ ที่ทำลายทิ้งไปแล้วยังคงอยู่ตรงนั้น ชัดเจนยิ่งนัก เจ้าของมันยังไม่ทราบถึงสถานการณ์ภายในห้องนี้…
อวิ๋นเยียนหลียังไม่มีเวลามาตรวจสอบสถานการณ์ภายในตำหนักทองจริงๆ หลังจากเขาออกจากคุกไป ก็ไปยังสถานที่ลับอีกแห่งหนึ่ง
ที่นั้นคุมขังบุคคลสำคัญอีกคนหนึ่งเอาไว้…คุณชายไผ่ขจี
อวิ๋นเยียนหลีอยากครอบครองอาณาจักรมาร สิ่งที่ต้องการที่สุดก็คือชุดกันเพลิง ดังนั้นเขายังต้องหาทางดึงตัวคุณชายไผ่ขจีมาเข้าพวกให้ได้
คุณชายไผ่ขจีผู้นี้หัวดื้อยิ่งนัก ทั้งยังภักดีต่อกู้ซีจิ่ว คิดจะชักจูงเขา ต้องใช้วีธีการพิเศษ
อวิ๋นเยียนหลีเลือกใช้วิธีทั้งตีทั้งปลอบ
อย่างแรกคือตี…
หลังจับตัวมา ได้เอาเขาไปขังไว้ในคุกวารี ให้ตัวเขาแช่อยู่ในน้ำ แม้แต่โอกาสในการโผล่หัวขึ้นมาหายใจก็ไม่มอบให้เขาเลย คุณชายไผ่ขจีไม่จมน้ำตาย แต่ก็ได้รับความทรมาน…
แม้ว่าเขาจะเป็นไผ่ต้นหนึ่ง เหมือนปล้องไผ่ที่แช่น้ำเท่านั้น แต่การจมอยู่ใต้น้ำก็ลดทอนความฮึกเหิมของเขาลง
คุณชายไผ่ขจีอยู่ในสถานที่แห่งนี้หนึ่งวันย่อมยาวนานเหมือนหนึ่งปี อยากจะออกไปตลอดเวลา เช่นนี้ก็ค่อนข้างง่ายต่อการตอบรับเงื่อนไขของอวิ๋นเยียนหลี
อวิ๋นเยียนหลีรู้สึกว่าคุณชายไผ่ขจีถูกแช่มาสี่วันแล้ว พอประมาณแล้ว สมควรจะให้กลยุทธ์ ‘ปลอบ’ แล้ว
ดังนั้นเขาจึงไปที่คุกวารี เขามองคุณชายไผ่ขจีที่แช่อยู่ก้นคุก แช่น้ำจนหน้าเขียวไปหมดแล้ว
ด้วยเหตุนี้ อวิ๋นเยียนหลีจึงเปิดใช้งานกลไก ให้เขาทะยานขึ้นมาจากใต้น้ำ
เมื่อเห็นคุณชายไผ่ขจีเปียกโชกเหมือนลูกนกตกน้ำ สีหน้าอวิ๋นเยียนหลีอบอุ่นปานฤดูใบไม้ผลิ เริ่มพูดบทที่เรียบเรียงเอาไว้แต่เนิ่นๆ แล้วออกมา…
เขามีวาทศิลป์นัก กล่าววิเคราะห์สถานการณ์ในปัจจุบันกับจู๋ตู๋ชิงอย่างเคร่งขรึมจริงจัง เกลี้ยกล่อมเขาว่าเป็นผู้กล้าต้องรู้จักสถานการณ์ บอกว่าราชันมารไม่อาจก่อมรสุมคลื่นลมอันใดได้อีกแล้ว บอกว่าเขาจะรวมอาณาจักรมารให้เป็นหนึ่ง แน่นอน เขาจงใจพูดถึงงานแต่งของตนกับกู้ซีจิ่วในวันมะรืนนี้เป็นพิเศษ บอกชัดเจนว่าตนคือว่าที่อาจารย์ชายของคุณชายไผ่ขจี เขาเข้าพวกตนก็ไม่นับว่าเป็นการทรยศ…
อวิ๋นเยียนหลีเทศนาธรรม รู้สึกว่าตนแทบจะทำให้ตัวเองหวั่นไหวได้แล้ว
ผลคือคุณชายไผ่ขจีผู้นั้นกลับทำตัวเป็นสวีซู่เข้าค่ายเฉาเชา…ไม่ปริปากเลยสักคำ
อวิ๋นเยียนหลีพูดพล่ามไปมากมายขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่ได้รับการตอบกลับจากเขาเลย จึงเกรี้ยวโกรธนัก
ปกติแล้วคุณชายไผ่ขจีผู้นี้ก็เป็นคนปากคมเช่นกัน เหตุใดคราวนี้จึงเคร่งขรึมปานนี้เล่า? แม้แต่วาจาผายลมอันใดก็ไม่เอ่ยออกมาเลย!
หรือจะถูกแช่น้ำจนเป็นใบ้ไปแล้ว?
อวิ๋นเยียนหลีคิดจะจับชีพจรของคุณชายไผ่ขจี ผลคือพบว่าข้อมือของอีกฝ่ายแข็งทื่อเย็นเฉียบ ไม่คล้ายมือคน…
เขาใจหายวาบ คล้ายจะนึกอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ซัดแขนเสื้อ ลำแสงสายหนึ่งพุ่งวาบใส่ร่างคุณชายไผ่ขจี
คุณชายไผ่ขจีที่อยู่ตรงหน้าพลันกลายเป็นลำไผ่ที่ยาวระพื้น…
ลำไผ่นั้นถูกแกะเป็นรูปร่างคน เสื้อคลุมของคุณชายไผ่ขจีโบกไหวอยู่บนลำไผ่ มองเผินๆ แล้วดูคล้ายหุ่นกระบอก บนผิวไผ่เจาะเป็นรูปปากอ้ากว้าง คล้ายกำลังหัวเราะหยันอันใดอยู่
อวิ๋นเยียนหลีหน้าเปลี่ยนสีอย่างสิ้นเชิงแล้ว!
นี่คือหุ่นเชิด!
จู๋ตู๋ชิงหนีไปแล้ว!
หนีไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?!
สีหน้าอวิ๋นเยียนหลีเขียวคล้ำ เรียกทหารสองนายที่เฝ้าอยู่มา ทหารผู้นั้นมีสีหน้างงงัน ไม่รู้เลยว่าคุณชายไผ่ขจีที่อยู่ก้นคุกวารีถูกสลับตัวแล้ว!
อวิ๋นเยียนหลีโมโหนัก ซัดฝ่ามือใส่นายทหารที่ประมาทเลินเล่อทั้งสองจนตาย กระเด็กตกลงไปในคุกวารี
เขากลับไปที่ตำหนักทองดุจพายุลูกหนึ่ง เขาต้องการไปดูว่ากู้ซีจิ่วยังอยู่หรือไม่!