บทที่ 2540 เขาขจียังคง ไยต้องเกรงว่าจะไร้ฟืน!
ประตูตำหนักทองแทบถูกทุบให้เปิดออกแล้ว! อวิ๋นเยียนหลีพุ่งพรวดเข้าไป แต่พอเห็นว่าคนในห้องยังอยู่ดีก็ชะงักฝีเท้าลง!
กู้ซีจิ่วที่อยู่ในห้องเอนหลังพิงเสาเตียงงีบหลับอยู่ ดวงตาปิดพริ้มหลับสนิทอยู่ ขนตาที่โค้งงอนเล็กน้อยแผ่คลุมใต้ตา เกิดเงาเลือนราง แฝงความเปราะบางอย่างยิ่งเอาไว้
นางยังอยู่!
นางเป็นตัวจริงหรือว่าตัวปลอมกัน? คงมิใช่เป็นต้นไผ่จำแลงอีกกระมัง?!
อวิ๋นเยียนก้าวเข้าไป ขณะที่กำลังจะมองให้ละเอียด กู้ซีจิ่วกลับลืมตาขึ้นมา ทันทีที่มองเห็นเขา ก็คล้ายว่าจะตกใจ
“เจ้า…”
น้ำเสียงเจือความสะลึมสะลือเหมือนคนเพิ่งตื่นเอาไว้
เป็นเสียงของนาง!
กริยาท่าทางก็เหมือน…
อวิ๋นเยียนหลีลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนนางจะยังไม่ถูกเปลี่ยนตัว
ก็ถูกแล้ว ตำหนักทองหลังนี้เป็นสถานที่พิเศษ ก่อสร้างขึ้นตามที่เสียงปริศนาในความฝันถ่ายทอดให้เขา ตำหนักนี้เป็นศาสตร์ผังดารา หากไม่มีคนถ่ายทอดวิธีแก้ทำลายให้ ต่อให้เป็นซ่างเสินถูกขังไว้ในนี้ก็หนีออกไปไม่ได้…
ส่วนกู้ซีจิ่วเต็มที่ก็เป็นเพียงเสี่ยวเซียนคนหนึ่ง ซ้ำยังถูกผนึกพลังวิญญาณสมรรถภาพของเสี่ยวเซียนไว้ด้วย ย่อมไม่สามารถหนีออกไปได้
เขากวาดตามองรอบห้องแวบหนึ่ง พลันจับจ้องไปที่แก้วผลึกชิ้นหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในมุมที่ไม่สะดุดตา ความจริงแล้วนั่นคืออุปกรณ์ที่คล้ายกับกล้องวงจรปิด ตอนนี้บนนั้นปรากฏรอยแตกร้าวแล้ว…
สิ่งนี้พังแล้ว!
เขามองไปที่กู้ซีจิ่ว กู้ซีจิ่วเอ่ยอย่างเฉยเมย
“ข้าไม่ชอบถูกใครแอบมองตอนพักผ่อน”
ที่แท้ก็ถูกนางหาพบแล้ว…
การติดตั้งอุปกรณ์สอดแนมไว้ในห้องนอนของแม่นางบ้านอื่นน่าเกลียดมากจริงๆ ยิ่งเป็นองค์ชายอย่างเขาด้วย
พบเข้าแล้วถูกทำลายก็เป็นเรื่องปกติยิ่งนัก
อวิ๋นเยียนหลีหน้าม้าน ฝืนหยิบยกข้ออ้างว่า ‘ติดสิ่งนี้ไว้เพื่อดูแลความปลอดภัยของนาง’ แล้วรีบจากไปเลย
‘กู้ซีจิ่ว’ นั่งเท้าคางลอยชายอยู่บนเตียง หัวเราะหยันคราหนึ่ง หมิ่นแคลนอีกฝ่าย
ขณะเดียวกันก็ชมเชยตัวเองอยู่ในใจ!
โชคดีที่เขาฉลาดปราดเปรื่อง เข้ามาสวมรอยได้ทันเวลา มิเช่นนั้นเกรงว่าถูกจับได้ในทันทีแล้ว
หรือว่าที่เร็วขนาดนี้เพราะกู้ซีจิ่วเผยพิรุธแล้ว? ไม่ถูกสิ หากว่ากู้ซีจิ่วถูกจับได้แล้ว อวิ๋นเยียนหลีคงไม่แล่นมาหาที่นี่หรอก…
หรือว่าข่าวที่ตัวเขาคุนเสวี่ยอี๋หลบหนีไปได้จะแพร่ออกไปอย่างรวดเร็วแล้ว?
สององครักษ์จินหวาล้วนมีตัวแทนอยู่ที่นั่นแล้ว คงจับไม่ได้ไปสักระยะ มีเพียงตัวเขาคุนเสวี่ยอี๋ ที่ไม่อาจตามหาคุนแบบเขามาสวมรอยรับสมอ้างได้…
….
เนื่องจากการหลบหนีของจู๋ตู๋ชิง อวิ๋นเยียนหลีจึงเร่งส่งคนไปตรวจสอบ ในไม่ช้าก็พบว่าคุนเสวี่ยอี๋กับสององครักษ์ก็หลบหนีไปแล้ว!
เขารีบส่งคนออกไปค้นหาจนทั่ว ในชั่วขณะหนึ่ง ทั้งเมืองลั่วฮวาโกลาหลวุ่นวาย ทหารเดินขวักไขว่ไปทั่ว…
เดิมทีกู้ซีจิ่วกำลังค้นหาที่อยู่ของรูปสลักหยกตี้ฝูอีภายในจวนพำนักของเจ้าเมือง ผลคือพบว่าด้านนอกเริ่มทำการค้นหาอย่างใหญ่โตแล้ว…
อวิ๋นเยียนหลีก็มีสมองยิ่งนักเช่นกัน เขารู้ว่า ‘สถานที่ที่อันตรายที่สุดก็คือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด’ ดังนั้นเขาจึงค้นหาภายในจวนพำนักของตัวเองก่อน…
กู้ซีจิ่วเกือบจะปะทะกับเขาเข้าแล้ว!
โชคดีที่เธอตอบสนองว่องไว เคลื่อนย้ายหลบหลีกได้ทันกาล
อวิ๋นเยียนหลีมีกำลังคนไม่น้อยเลย ท่ามกลางนั้นไม่ขาดแคลนยอดฝีมือด้านการสืบหา พวกเขาใช้สัตว์วิญญาณที่ประสาทการรับกลิ่นเฉียบไวออกค้นหาไปทั่ว ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะร้อนใจยิ่งนักที่ตามหารูปสลักหยกไม่พบ แต่ก็ไม่กล้าโอ้เอ้แล้ว
เขาขจียังคงอยู่ ไยต้องเกรงว่าจะไร้ฟืน!
ขอเพียงเธออยู่รอดเป็นอิสระ ก็มีความหวังที่จะช่วยเหลือผู้อื่นอยู่!
เธอเคลื่อนย้ายไปที่ตำหนักทอง คิดจะพาคุนเสวี่ยอี๋จากไป คาดไม่ถึงว่าเพิ่งจะพบหน้าคุนเสวี่ยอี๋ ยังไม่ทันได้พูดอะไร กู้ซีจิ่วก็สัมผัสได้ว่าอวิ๋นเยียนกำลังกลับมาอีกครั้ง!
“แม่นางกู้ เจ้ารีบไปเถอะ! ข้าจำเป็นต้องอยู่ที่นี่เพื่อถ่วงเวลาเขา วางใจเถอะ เขาไม่มีทางมองข้าออก!
————————————————————————————-
บทที่ 2541 มีคนหลบหนีหรือไง? ใครหนีไปล่ะ?
“แม่นางกู้ เจ้ารีบไปเถอะ! ข้าจำเป็นต้องอยู่ที่นี่เพื่อถ่วงเวลาเขา วางใจเถอะ เขาไม่มีทางมองข้าออก! มิเช่นนั้นหากเขาพบว่าเจ้าหนีไปแล้ว จะต้องใช้ความปลอดภัยของชาวเผ่าเจ้ามาบีบคั้นให้เจ้าปรากฏตัวแน่ ผู้เคราะห์ร้ายจะเพิ่มขึ้นอีก…”
คุนเสวี่ยอี๋เยือกเย็นยิ่ง วิเคราะห์ได้มีเหตุผลนัก
กู้ซีจิ่วก็ไม่ใช่คนพิรี้พิไร เธอสูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง
“เช่นนั้นเจ้าระวังตัวด้วย แล้วข้าจะมาช่วยเจ้าภายหลัง!” พลันหมุนกาย เคลื่อนย้ายจากไป
เงาร่างของนางเพิ่งเลือนหายไป อวิ๋นเยียนหลีก็เข้ามาอีกครั้ง…
คุนเสวี่ยอี๋ในรูปลักษณ์ของกู้ซีจิ่วนั่งกอดเข่าอยู่ตรงนั้น
“เจ้ามาอีกแล้ว นี่วางแผนอะไรอยู่? ตรวจตราสามหนหรือ?”
อวิ๋นเยียนหลีย่อมมองเขาไม่ออก
เขารู้สึกไม่ค่อยวางใจในตัวกู้ซีจิ่วอยู่ตลอด ที่กลับมาครั้งนี้เพื่อจะมาซ่อมแซม ‘กล้องวงจรปิด’ ในตำหนักทองแห่งนี้…
เห็นได้ชัดว่าเขารู้วิธีซ่อมแซมดี ครู่เดียวก็ซ่อมได้แล้ว ด้วยเกรงว่า ‘กู้ซีจิ่ว’ จะพังทิ้งอีก จึงติดตั้งปราการคุ้มกันที่มีเพียงชั้นจินเซียนขึ้นไปถึงจะทำลายได้เอาไว้อีกชั้นบอกกล่าว ‘นาง’ เอาไว้อย่างชัดแจ้งว่าอย่าได้ลองทำลายสิ่งนี้ มิเช่นนั้นเขาจะทำให้ ‘นาง’ กลายเป็นคนของตนทันที…
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ‘กู้ซีจิ่ว’ ยังคงรู้ความยิ่งนัก เพียงเม้มปากนิดๆ ตอบตกลง
“วางใจเถอะ!”
อวิ๋นเยียนหลีชะงักไปแวบหนึ่ง กุมมือไว้ มองนางอย่างยิ้มมิเชิงยิ้มคราหนึ่ง
“ซีจิ่ว ที่แท้เจ้าก็มีช่วงเวลาที่ว่าง่ายเช่นนี้ด้วย!”
คุนเสวี่ยอี๋หลุบตาไม่เอ่ยวาจา ทว่าในใจกลับยิ้มหยัน
นั่นเป็นเพราะผู้เฒ่าไม่อยากถูกเจ้ากดน่ะสิ!
หากว่าจะเกิดสัมพันธ์อะไรขึ้นมาล่ะ ก็ต้องเป็นผู้เฒ่าที่กดเจ้า…
แน่นอน ตอนนี้สวมบทบาทเป็นกู้ซีจิ่วอยู่ เขาจึงไม่ได้เอ่ยวาจาสัปดนพวกนี้ออกมา
เพียงแต่ เขาเอ่ยถามเรื่องที่เขาสนใจอยู่
“เจ้าร้อนรนขนาดนี้ เกิดอะไรขึ้น? มีคนหลบหนีหรือไง? ใครหนีไปล่ะ?”
สายตาของอวิ๋นเยียนหลีจดจ่ออยู่ที่ร่าง ‘นาง’
“เจ้าลองเดาสิ?”
เดากับตูดเจ้าสิ! ผู้เฒ่ารำคาญเกมทายใจเป็นที่สุด!
สายตาอวิ๋นเยียนหลีดุจเปลวเพลิง เส้นขนของคุนเสวี่ยอี๋ลุกชัน ลองคาดเดาคนที่เข้าเค้าที่สุด
“คุนอวิ๋นจ่าน?”
“ทำไมถึงเดาว่าเป็นเขา?” อวิ๋นเยียนหลีไม่ตอบรับไม่ปฏิเสธ
“เพราะในบรรดาคนเหล่านั้นเขามีฝีมือที่สุดและมีความเป็นไปได้ที่สุด”
คุนเสวี่ยอี๋ชมเชยตัวเองอย่างไม่คิดจะเก็บออมเลย
อวิ๋นเยียนหลีร้องเหอะคราหนึ่ง
“แค่ปลาไหลพิลึกพิลั่นตัวหนึ่งเท่านั้น จะมีความสามารถสักเพียงใดในไม่ช้าก็ต้องกลายเป็นอาหารของข้า!”
คุนเสวี่ยอี๋นิ่งงัน
เจ้าน่ะสิปลาไหล! ผู้เฒ่าเป็นคุน! คุนกับปลาไหลเป็นคนละสายพันธุ์กันเลยนะ!
คุนเสวี่ยอี๋ไม่อยากถือสาเอาความกับคนไม่มีปัญญา หยักยิ้มมุมปากแวบหนึ่ง ไม่ทราบว่าเย้ยหรือหยัน ไม่กล่าวอะไรอีก
วาจาท่าทางของเขาเหมือนกู้ซีจิ่วอย่างยิ่ง อวิ๋นเยียนหลีจากไปอย่างร้อนใจ ย่อมมองไม่ออกอยู่แล้ว
อยู่ที่นี่อวิ๋นเยียนหลีไม่ได้รับเบาะแสสำคัญอันใดเลย เขาจึงจากไปว่องไวยิ่ง
….
นอกเมือง กู้ซีจิ่วได้ไปสมทบกับองครักษ์จินองครักษ์หวาอีกครั้ง พบว่ามีคนเพิ่มขึ้นมาอีกห้าคน หญิงหนึ่งชายสี่ แต่ละคนรัศมีไม่ธรรมดา ในบรรดานั้นมีคู่แฝดที่น่ารักน่าเอ็นดูอยู่คู่หนึ่งด้วย
เมื่อเห็นเธอกลับมา องครักษ์จินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เอ่ยถาม
“แม่นางกู้ หารูปสลักหยกพบหรือไม่?”
กู้ซีจิ่วมองห้าคนนั้นแวบหนึ่ง องครักษ์จินรีบแนะนำพวกเขาให้รู้จักกันทันที
“แม่นางกู้ พวกเขาก็คือองครักษ์ประจำตัวขององค์ราชัน…”
พลางชี้ไปที่ชายร่างสูงใหญ่กำยำ สวมชุดดำ ดูเคร่งขรึมเย็นชา
“เขาคือลำดับสองในหมู่พวกเราเหล่าองครักษ์ สุ่ยจวิ้นโจว เชี่ยวชาญการอำพรางซ่อนเร้น การลอบสังหาร”
แล้วชี้ไปที่ชายร่างเล็กคนหนึ่ง บนบ่ามีนกตัวหนึ่งเกาะนิ่งอยู่
“เขาคือลำดับที่สาม ว่านหงซิ่ว เชี่ยวชาญการแกะรอย มีน้อยคนนักที่จะรอดพ้นจากการสืบหาร่องรอยของเขาได้”