บทที่ 2556 ฉากงานวิวาห์
ตอนที่ตี้ฝูอีอยู่ที่อาณาจักรมาร ส่วนใหญ่จะสวมหน้ากากไว้ โอกาสที่จะเผยหน้าจริงแทบจะนับนิ้วได้เลย ต่อให้เป็นเฟิงหรูฮั่วก็ได้เห็นอยู่ไม่กี่ครั้ง
ตอนนี้พอได้เห็นรูปสลักหยกนี้ นางยังคงรู้สึกตื่นตะลึงอยู่ รูปสลักหยกงดงามเหลือเกิน จู่โจมสายตามากเกินไปแล้ว…
ครั้งก่อนตอนที่รูปสลักหยกถูกกู้ซีจิ่วอุ้มมาปรากฏกาย แขวนลอยอยู่กลางนภา ซ้ำรอบกายยังมีเมฆาบดบังอยู่ด้วย ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ตลอด ตอนนั้นฝูงชนจึงมองเห็นรูปโฉมของรูปสลักหยกไม่ชัดเจน
ทว่ายามนี้กลับเห็นชัดเจนแล้ว!
แทบทุกคนที่อยู่ในลานใจเต้นแรง…
รู้สึกว่าตาจะถลนแล้ว
รูปโฉมของอวิ๋นเยียนหลีก็นับว่าเลิศล้ำหาได้หนึ่งในหมื่นแล้ว แต่พอเทียบกับรูปสลักหยกนี้ กลับรู้สึกได้ว่าสง่าราศีด้อยกว่าอยู่บ้าง…
รูปสลักหยกนี้คือราชันมารหรือ?
รูปสลักหยกชิ้นหนึ่งก็งดงามได้เช่นนี้แล้ว ถ้าสิ่งนี้มีชีวิตล่ะก็ มิใช่จะงดงามจนทำให้คนหายใจติดขัดหรอกหรือ? ทำให้คนขยับแข้งขาไม่ได้หรอกหรือ?
ถึงแม้บนศีรษะของคุนเสวี่ยอี๋จะมีมงกุฎพู่ระย้าไข่มุกสวมคลุมอยู่ ทำให้คนมองเห็นใบหน้าเขาไม่ชัดเจน แต่เขาสามารถมองเห็นคนอื่นได้ชัดเจนดี ยิ่งมองเห็นรูปสลักหยกได้แจ่มแจ้งด้วย
เมื่อเขาเห็นรูปสลักหยกหัวใจพลันสั่นไหวนิดๆ!
รูปสลักหยกคล้ายจะเปลี่ยนแปลงไปจากตอนที่ได้เห็นครั้งก่อน!
เมื่อก่อนตอนที่เขาเห็นรูปสลักหยก รอบกายรูปสลักหยกมีแสงสลัวโอบล้อมอยู่รางๆ ดุจแสงมงคล
แต่ตอนนี้ชั้นแสงมงคลนั้นหายไปแล้ว กลับมีแสงสลัวสีเขียวเลือนรางผุดออกมา มองแล้วค่อนข้างประหลาด
หรือว่ารูปสลักหยกจะถูกพิษได้เหมือนกัน?
ไอ้บัดซบอวิ๋นเยียนหลีทำอะไรกับรูปสลักหยก?!
เขาก้าวไปข้างหน้า คิดจะมองให้ชัดขึ้นหน่อย ทว่าถูกอวิ๋นเยียนหลีฉวยมือไว้
แรงที่อวิ๋นเยียนหลีใช้ไม่มากไม่น้อย เป็นแรงระดับที่สามารถควบคุม ‘กู้ซีจิ่ว’ ผู้ถูกสกัดจุดได้พอดี
คุนเสวี่ยอี๋ข่มใจเอาไว้ ไม่ได้ออกแรงสลัดเขาทิ้ง…
กู้ซีจิ่วยังไม่ได้ส่งสัญญาณให้ ‘ลงมือ’ เขายังต้องอดทนต่อไป
“ซีจิ่ว ปกติแล้วเจ้าชิงชังหมู่มารเป็นที่สุด วันนี้เป็นวันวิวาห์ของพวกเรา ข้าจะให้เจ้าได้ชมการแสดงชุดใหญ่เพื่อเพิ่มความสำราญ”
อวิ๋นเยียนหลีจับมือคุนเสวี่ยอี๋ไว้ออกแรงอย่างช้าๆ กระดูกนิ้วล้วนถูกอวิ๋นเยียนหลีจับจนค่อนข้างเจ็บแล้ว เขาเลิกคิ้วมองอวิ๋นเยียนหลี ในสายตานั้นมีความโกรธเกรี้ยวมีหวาดหวั่นและมีความไม่เข้าใจ…
อวิ๋นเยียนหลีคงเกรงว่า ‘กู้ซีจิ่ว’ จะก่อความวุ่นวายขึ้นในงานวิวาห์ จึงไม่เพียงแต่สกัดจุดให้นางเคลื่อนไหวอย่างอิสระไม่ได้เท่านั้น แม้แต่จุดใบ้ก็สกัดเอาไว้ด้วย ทำให้นางพูดไม่ออกเลยสักประโยค
ท่าทางนี้ของคุนเสวี่ยอี๋สมกับเป็นกู้ซีจิ่วยิ่งนัก ทำให้อวิ๋นเยียนหลีเบิกบานใจนัก
เขาโบกมือให้สัญญาณแก่เวทีทางทิศเหนือ พวกเจ้าวังน้อยที่ยืนอยู่บนเวทียกสูงฝั่งนั้นก็เคลื่อนไหวทันที ต่างร่ายอาคมหนึ่ง มีลำแสงสีสันต่างกันพุ่งออกมาจากปลายนิ้ว กระจายกันพุ่งไปยังกระถางสัมฤทธิ์ที่บรรจุของเหลวไม่ทราบชนิดเอาไว้
เกิดเสียง ‘ตูม! ตูม! ตูม!’ ดังขึ้นต่อเนื่องกัน ของเหลวภายในกระถางสัมฤทธิ์คล้ายจะถูกจุดไฟ ระเบิดแสงเพลิงต่างสีสันออกมา
ซ้ำเพลิงเหล่านี้ก็มิใช่เพลิงทั่วไป ไม่น่าเชื่อว่าแบ่งเป็นสีแดงส้มเหลืองเขียวนิลฟ้าม่วงขาวแปดสีสัน ทุกสีสันล้วนสดสว่างยิ่ง แสงเพลิงพุ่งทะยานขึ้นสูงหลายจั้งไปพร้อมกัน ราวกับดอกไม้ไฟที่ถูกปล่อยขึ้นไปอย่างกะทันหัน
ในอากาศมีกลิ่นหอมประหลาดอย่างหนึ่งแผ่อบอวล ประหนึ่งมีบุปผาพิสดารอันใดเบ่งบานขึ้นมาพร้อมกับดอกไม้ไฟ
‘การแสดง’ นี้น่าชมนัก ฝูงชนที่มุงดูอยู่ด้านล่างได้กลิ่นบุปผาพิสดารนั้นแล้วรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา ในหมู่ชนเริ่มมีคนโห่ร้องขึ้นมาแล้ว
“ดีเหลือเกิน!”
“สิ่งที่ลุกไหม้นี้คืออะไรกัน? หอมนัก!”
“หวา กลิ่นหอมนี้หอมหวนเหลือเกิน ข้าเมามายแล้ว…”
พวกเฟิงหรูฮั่วกลับกลั้นหายใจตามสัญชาตญาณ นางไม่นึกเลยว่าของเหลวในกระถางสัมฤทธิ์นี้จะลุกไหม้ได้ด้วย
เมื่อวานกู้ซีจิ่วได้ลอบมาตรวจสอบจัตุรัสราชธรรมแห่งนี้ดูแล้ว ยามนั้นภายในกระถางสัมฤทธิ์เหล่านี้ว่างเปล่า
ชัดเจนนัก ของเหลวพวกนี้เพิ่งถูกเติมเข้าไปวันนี้
ของเหลวนี้คืออะไรกันแน่? ไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถเกิดเป็นลำแสงที่แตกต่างกันได้ ซ้ำยังหอมหวนอย่างยิ่ง
————————————————————————————-
บทที่ 2557 ฉากงานวิวาห์ 2
คุนเสวี่ยอี๋หน้าเปลี่ยนสีแล้ว!
ถึงแม้ของเหลวเหล่านี้จะประหลาดยิ่งนัก แต่คุนเสวี่ยอี๋มีความรู้กว้างขวาง ทันทีที่เพลิงนี้ลุกขึ้นมา เขารับรู้กลิ่นได้ ก็แยกแยะต้นตอของเหลวเหล่านี้ได้ทันที
โลหิตมังกร!
โลหิตเทาเที่ย!
โลหิตกิเลน!
โลหิตเถาอู้![1]
โลหิตฮุ่นตุ้น!
โลหิตแรดแยกนภา![2]
โลหิตเฝยเฝย![3]
โลหิตปี้ฟาง![4]
ของเหลวแปดชนิด โลหิตของสัตว์บรรพกาลแปดชนิด!
สัตว์บรรพกาลแปดชนิดนี้มีความเป็นมารแรงกล้านัก ไม่เพียงแต่มีพละกำลังที่พลิกฟ้าแปลงดินได้เท่านั้น ต่อให้เป็นเพียงโลหิตของพวกมันก็มีฤทธิ์มารแรงกล้ายิ่ง ร่ำลือกันว่าถ้านำโลหิตสัตว์ร้ายทั้งแปดมาผสมกัน ยามที่จุดให้โลหิตเดือดปะทุขึ้นมา จะสามารถทำลายเขตแดนคุ้มกายทุกชนิดได้ สามารถทำให้รัศมีเซียนทุกอย่างแปดเปื้อนได้ ต่อให้เป็นซ่างเสินก็ไม่มีข้อยกเว้น!
ไม่น่าเชื่อว่าอวิ๋นเยียนหลีจะรวบรวมสิ่งนี้มาได้
ทำได้ยังไง?
เป็นไปได้ยังไงกัน?!
สัตว์ร้ายแปดชนิดนี้ล้วนไม่มีอยู่ในแดนอสุรา!
ที่แท้วิธีที่อวิ๋นเยียนหลีบอกว่า ‘ท่านเทพ’ ถ่ายทอดให้เมื่อวานก็หมายถึงสิ่งนี้!
คุนเสวี่ยอี๋เงยหน้ามองรูปสลักหยกที่ถูกมัดไว้บนเสาทันที รูปสลักหยกถูกเปลวเพลิงรอบข้างบดบังสลัวเลือนรางอยู่ตรงใจกลาง ทำให้คนมองเห็นไม่ชัดเจน
เมื่อก่อนรูปสลักหยกนี้ทำลายไม่ได้เสมอมาเพราะรอบกายมันมีเขตแดนคุ้มกายอยู่ชั้นหนึ่ง เขตแดนนี้แตกต่างกับเขตแดนทั่วไป ไม่สามารถใช้วิธีทำลายเขตแดนธรรมดามาทำลายได้…
เหตุผลที่พวกคุนเสวี่ยอี๋สามารถใจเย็นได้ ก็เป็นเพราะรู้ว่ารูปสลักหยกนี้มีเขตแดนคุ้มกายอยู่ ต่อให้อวิ๋นเยียนหลีอยากจะทำลาย ก็ทำลายไม่ได้ชั่วคราว
กลับไม่นึกเลยว่า…
คุนเสวี่ยอี๋ไม่อาจใจเย็นต่อไปได้แล้ว!
เขาเหม่อมองออกไปยังทิศทางหนึ่งที่อยู่ไกลๆ ตามสัญชาตญาณ ทำไมกู้ซีจิ่วยังไม่ลงมืออีกนะ?
ความคิดนี้เพิ่งจะจบลง พลันเกิดเสียงระเบิดดังกัมปนาทขึ้นไกลๆ! เกิดควันฟุ้งตลบขึ้นมาในทิศทางของที่ว่าการเมืองลั่วฮวา
เสียงนี้สะท้านฟ้าสะเทือนดิน สั่นสะเทือนแผ่นดินใต้ฝ่าเท้าผู้คนจนโยกไหวสามครา
คนทั้งหลายล้วนตกใจยิ่งนัก มองไปยังทิศทางนั้นตามสัญชาตญาณ
“จวนว่าการระเบิดแล้ว!”
มีคนอุทานขึ้นมา
ทิศทางของจวนว่าการมีควันโขมงลอยขึ้นสูงครึ่งฟ้า ก้อนอิฐเศษไม้นับไม่ถ้วนลอยว่อนอยู่บนท้องนภาพร้อมกับเถ้าธุลี ราวกับมีเห็ดดอกหนึ่งผุดขึ้นมา
สวรรค์ จวนว่าการระเบิดแล้วจริงๆ!
อีกทั้งการระเบิดครั้งนี้ก็ดูไม่ใช่เล็กๆ ด้วย!
การระเบิดนี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป มีคนกรีดร้องด้วยความตกใจมีคนผลักดันกัน ฝูงชนอลหม่านวุ่นวายขึ้นมา
ท่ามกลางฝูงชน บางคนตะโกนขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้น? จวนของท่านเจ้าเมืองระเบิดได้อย่างไร?”
“หรือจะมีคนของอาณาจักรปะปนเข้ามา?”
“ท่านเจ้าเมือง รีบไปดูกันดีไหม?”
“…ไป ไป พวกเราก็ไปดูกันเถอะ…”
เห็นได้ชัดว่าเสียงเหล่านี้กระตุ้นจิตใจคนได้ยิ่งนัก ฝูงชนที่อยู่ในซุ้มม่านเริ่มหลั่งไหลออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว ทั่วทั้งจัตุรัสดูวุ่นวายขึ้นมาทันที…
นัยน์ตาคุนเสวี่ยอี๋โชนแสงเล็กน้อย!
ในที่สุดก็เคลื่อนไหวแล้ว!
ดูเหมือนกู้ซีจิ่วจะทำสำเร็จแล้ว…
เรือนกายเขาไหววูบ ขณะที่กำลังจะทำอันใด มือข้างหนึ่งกลับคล้องเข้ามา โอบเอวเขาไว้ทันที เสียงของอวิ๋นเยียนหลีดังขึ้นข้างหู
“ซีจิ่ว เจ้าคิดจะไปไหนกัน?”
น้ำเสียงของเขาแฝงไอเยียบเย็นเอาไว้ คุนเสวี่ยอี๋สูดหายใจตื้นๆ เฮือกหนึ่ง
“อวิ๋นเยียนหลี จวนเจ้าระเบิดแล้ว! เจ้าไม่ไปดูหน่อยหรือ?”
อวิ๋นเยียนหลีเพิ่งจะคลายจุดใบ้ให้เขา ทำให้เขาสามารถพูดจาได้
แน่นอน ถึงแม้จะพูดได้แล้ว แต่เขาก็ยังสกัดจุดเอาไว้อีกครึ่งหนึ่ง ทำให้ถึงแม้คุนเสวี่ยอี๋จะพูดได้แล้ว ก็พูดได้เพียงเบาๆ เท่านั้น แว่วไปไม่ถึงด้านล่างเวที
อวิ๋นเยียนหลียิ้มนิดๆ ทว่ารอยยิ้มนั้นส่งไปไม่ถึงดวงตา เขาขยับเข้าใกล้เขา น้ำเสียงกดต่ำ
“เป็นฝีมือขององครักษ์มารไม่กี่คนนั้นสินะ? คิดจะใช้วิธีล้อมเว่ยช่วยจ้าว[5]เช่นนี้หรือ?”
คุนเสวี่ยอี๋เลิกคิ้ว
“แล้วจะทำไมเล่า? ฐานทัพของเจ้าถูกระเบิดแล้ว!”
“แค่จวนหลังเดียวเท่านั้น ไม่มีค่าอันใดเลย”
————————————————————————————-
[1] เถาอู้ หนึ่งในสี่อสูรร้าย รูปร่างเหมือนพยัคฆ์และมีขนยาวแบบสุนัข หน้าตาคล้ายมนุษย์ เท้าเหมือนพยัคฆ์ เขี้ยวเหมือนหมูป่า หางยาวหนึ่งจั้งแปดฉื่อ เป็นใหญ่ทางฝั่งตะวันตก
[2] แรดแยกนภา ติดหนึ่งในทำเนียบสิบสัตว์ร้ายจากคัมภีร์ซานไห่จิง นอสามารถผ่าแยกสวรรค์ได้
[3] เฝยเฝย เป็นสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่งที่ถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์ซานไห่จิง รูปร่างคล้ายแรคคูน มีแผงคอคลุมร่าวง หางสีขาวยาวเป็นพวง มีความสามารถในการผ่อนคลายจิตใจมนุษย์ ปลอบประโลมความโศกเศร้าได้
[4] ปี้ฟาง นกไฟในตำนานของจีน เป็นนกวิเศษ รูปร่างคล้ายนกกระเรียน แต่มีขาเดียว มีหงอนเพลิงกลางหน้าผาก
[5] ล้อมเว่ยช่วยจ้าว เป็นหนึ่งในกลศึกสามก๊ก เป็นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการที่ศัตรูรวบรวมกำลังทหารและไพร่พลไว้เป็นจุดศูนย์กลาง ทำให้เกิดกำลังและความเข้มแข็งเพิ่มมากขึ้น ควรที่จะใช้กลยุทธ์ในการดึงแยกศัตรูให้แตกออกจากกัน เพื่อให้กำลังไพร่พลทหารกระจัดกระจาย คอยระแวดระวังมีความห่วงหน้าพะวงหลังแล้วจึงบุกเข้าโจมตี