ลำนำบุปผาพิษ – ตอนที่ 2580 พบพานในสถานการณ์พิเศษ / บทที่ 2581 ครอบครัวพบหน้า

บทที่ 2580 พบพานในสถานการณ์พิเศษ

ขณะที่ผู้คนกำลังอึดอัดว้าวุ่น พลันมีเสียงเพลงสายหนึ่งที่ราวกับแว่วมาจากฟากฟ้า

เสียงเพลงนั้นไพเราะยิ่ง น้ำเสียงกังวานดึงดูด เรียกได้ว่าสามวันก็ยังไม่เลือนหาย

ที่หาได้ยากยิ่งกว่าก็คือ บทเพลงนี้ร้องคลอไปกับเสียงขลุ่ย เสียงขลุ่ยและเสียงบทเพลงเสมือนสายลมเคล้าช่อผกา ไหลอยู่ในอากาศ ผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน เพียงครู่เดียวก็กดข่มเสียงผีผาลงไปได้แล้ว สะท้อนอยู่ริมหูทุกคน…

ทุกคนมองไปตามเสียงเพลง เห็นกู้ซีจิ่วยืนอยู่บนศิลาแตกหักก้อนหนึ่ง กำลังขับขานบทเพลง…

เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเสียงเพลงของนางมิใช่ทำนองเสียงสูงเช่นนั้น ทว่าเข้ากับเสียงขลุ่ยได้ดียิ่งนัก

ฝูงชนไม่ได้ยินเสียงผีผาของผู้ก่อกวนแล้ว จมจ่อมอยู่ในบทเพลงเสียงขลุ่ย ดื่มด่ำจนไม่อาจถอนตัวได้

สายตามนับไม่ถ้วนรวมอยู่ที่ร่างของกู้ซีจิ่ว คาดไม่ถึงเลยว่านางจะมีฝีมือเช่นนี้ด้วย…

ที่สำคัญคือนางประสานเข้ากับเสียงขลุ่ยของตี้ฝูอีอย่างกลมกลืนถึงเพียงนี้ ทำให้มีสี่คำผุดขึ้นมาในใจของผู้คน ‘คู่สร้างคู่สม’

พวกเขาสิถึงจะเป็นคู่กันจริงๆ ไม่มีคู่ไหนเข้ากันได้ดีไปกว่าคู่ของพวกเขาอีกแล้ว!

เสียงขลุ่ยเสียงเพลงดุจเสียงสวรรค์ ทำให้เสียงผีผาแทรกเข้ามาไม่ได้อีก

สัตว์ร้ายก็ก้มหัวลู่หูแล้ว เงาร่างเลือนรางขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่ากำลังจะเลือนหายไป…

ขณะที่ทุกคนคิดว่ากำลังจะสงบลงแล้ว คนชุดดำบนหลังมังกรประทีปพลันเชิดหน้ากู่ร้อง เสียงกู่ร้องทำให้ทั้งปฐพีสั่นสะเทือน

พื้นดินใต้ฝ่าเท้าสั่นไหวขึ้นมาอย่างแท้จริง เสมือนเกิดแผ่นดินไหวก็มิปาน

ทำให้ผู้คนที่อยู่บนพื้นดินแทบทรงตัวไม่อยู่

มีเสียงคำรามที่น่าหวาดกลัวแว่วขึ้นมาจากใต้ปฐพีลึก เสียงนั้นคล้ายเสียงมนุษย์และคล้ายเสียงสัตว์ด้วย ราวกับมียักษ์อันใดกำลังได้รับโทษทัณฑ์ทรมานเคี่ยวกรำจนโหยหวนออกมาด้วยความหวาดกลัว…

เดิมทีอวิ๋นเยียนหลียืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น ตัวคนเสมือนสูญสิ้นวิญญาณแล้ว ไม่สนใจผู้ใดหรือเรื่องใดทั้งสิ้น แต่สีหน้าเขาแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวงเมื่อได้ยินเสียงโหยหวนที่แว่วมาจากใต้พิภพข้างหน้า!

เงี่ยหูฟังเสียงด้วยใบหน้าซีดขาว ยิ่งฟังสีหน้าก็ยิ่งเขียวคล้ำ! หลังจากผ่านไปอีกครู่หนึ่งเขาก็ขุดดินใต้เท้าอย่างบ้าคลั่ง…

“นายท่าน นายท่าน?”

เจ้าวังน้อยตกใจแล้ว ไม่สนใจบาดแผลบนร่างกายของตนหมายจะดึงเขาไว้

ทั้งร่างอวิ๋นเยียนหลีล้วนสั่นสะท้าน แขนที่ยังอยู่ดีข้างนั้นบัดนี้มีโลหิตไหลซึมออกมาแล้ว ทว่าเขาเม้มปากแน่นไม่ยอมหยุดยั้ง

“อ๊าก…”

เสียงจากใต้พิภพดังขึ้นเรื่อยๆ พื้นดินก็สั่นไหวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

บนนภาสายลมโหมเมฆาเคลื่อน เมฆดำปกคลุม ราวกับภัยพิบัติอันใดกำลังคืบคลานเข้ามาอย่างรวดเร็ว…

ตี้ฝูอีขมวดคิ้วนิดๆ จูงกู้ซีจิ่วค่อยๆ ถอยหลังไปหลายก้าว เอ่ยเสียงต่ำ

“รีบออกห่างจากที่นี่ไปสิบจั้ง!”

ฝูงชนรีบถอยร่นไปสิบจั้งอย่างเชื่อฟัง เท้ายังไม่ทันได้ตั้งหลักมั่น

เกิดเสียง ‘ตูม!’ ที่ดังสะท้านฟ้าสะเทือนดิน บนพื้นพลันแตกออกเป็นหลุมใหญ่…

….

มนุษย์ที่ดูคล้ายซากกระดูกคู่หนึ่งผุดออกมาจากใต้ดิน

ร่างของสองคนนี้ถูกมัดติดกันอย่างแน่นหนา บนร่างมีตรวนเล็กเย็นเฉียบแปดเส้นร้อยผ่านกระดูกสะบักและแขนขา ผูกล่ามร่างกายให้บิดเบี้ยวอยู่ในองศาที่ประหลาดยิ่งนัก

สองคนนั้นถูกเคี่ยวกรำอย่างหนักหนาเกินไป เครื่องหน้าเปลี่ยนรูปร่างกายแห้งฝ่อ แทบจะแยกเพศไม่ออกแล้ว

พวกเขากรีดร้องอย่างทุกข์ทรมาน เสียงนั้นทำให้คนขวัญหนีดีฝ่อ และทำให้แปดสัตว์ร้ายหงุดหงิดงุ่นง่าน…

ถึงแม้สองคนนี้จะถูกเคี่ยวกรำจนมีสภาพเช่นนี้แล้ว แต่อำนาจบนกายยังคงทำให้คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในเหตุการณ์ตกตะลึง!

ชัดเจนยิ่งนัก พวกเขาน่าจะเคยเป็นคนที่มีศักดิ์ฐานะยิ่งนัก…

กู้ซีจิ่วรู้สึกรางๆ ว่าสองคนนี้ค่อนข้างคุ้นตา ขณะที่ใคร่ครวญถึงฐานะของสองคนนี้อยู่ ทันใดนั้นอวิ๋นเยียนหลีก็ตะโกนด้วยเสียงแหบห้าว

“เสด็จพ่อ! เสด็จแม่!”

กู้ซีจิ่วสะดุ้งโหยง นี่คือจักรพรรดิเซียนและจักรพรรดินีเซียนหรือ?!

อวิ๋นเยียนหลีโผเข้าหาสองคนนั้นโดยไม่แยแสสิ่งใดทั้งนั้น!

ตี้ฝูอีพลันตวัดแขนเสื้อ รั้งเขากลับมา

“อย่าเข้าไปหาที่ตาย!”

ดวงตาอวิ๋นเยียนหลีแดงฉาน สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง

“พวกเขาคือเสด็จพ่อเสด็จแม่ของข้า!”

….

————————————————————————————-

บทที่ 2581 ครอบครัวพบหน้า

คุนเสวี่ยอี๋อดที่จะกุมขมับไม่ได้

“ตอนนี้พวกเขาไม่ใช่เสด็จพ่อเสด็จแม่ของเจ้าแล้ว! พวกเขาคือวิญญาณอาฆาต!”

ซ้ำยังเป็นวิญญาณอาฆาตที่แสนจะทรงพลังด้วย!

ไอพยาบาทบนร่างของพวกมันเข้มข้นจนทำให้ฟ้าดินสิ้นสี ลมหยินรอบข้างกำลังอื้ออึง ชั่วขณะนี้ทั่วทั้งจัตุรัสราชธรรมราวกับจมลงสู่ห้วงนรกอันไร้ขอบเขต

สัตว์ร้ายทั้งแปดที่เดิมทีหมอบเชื่องแล้วลุกโผนโจนทะยานเสมือนเสพสารกระตุ้นเข้าไป วนเวียนรอบวิญญาณอาฆาตคู่นั้น คล้ายว่าเคารพบูชาและคล้ายว่าแสดงความจงรักภักดี

รอบข้างมืดสลัวลง มีไอหมอกหนาแน่นทะลักออกมาจากโพรงใหญ่ที่ปริแตก ปกคลุมทั่วจัตุรัสราชธรรม

ทุกคนล้วนถูกปกคลุมอยู่ท่ามกลางหมอกหนา ชาวบ้านที่พลังยุทธ์ต่ำต้อยเหล่านั้นแทบจะมองไม่เห็นญาติมิตรที่อยู่ห่างกันไม่ถึงสามฉื่อแล้ว…

ท่ามกลางความมืดสลัวบางคนอุทานออกมาครึ่งเสียง ก็ราวกับถูกบีบคอเอาไว้ ไม่เคลื่อนไหวอีกต่อไป

“ท่านแม่! ท่านแม่…” มีเด็กร้องไห้ “ท่านแม่หายไปแล้ว…”

“ช่วยด้วย…”

“อะไรกัดข้า…”

ท่ามกลางฝูงชนมีเสียงตะโกนด้วยความแตกตื่นหลายเสียง

ชัดเจนยิ่งนัก มีอะไรบางอย่างฉวยโอกาสจากหมอกที่มืดสลัวเพื่อกัดกินมนุษย์…

เนื่องจากมีจำนวนคนมากเกินไป ไม่มีใครมองเห็นว่าเป็นใครที่ถูกพาตัวไป ยิ่งไม่รู้ด้วยว่าถูกพาไปในทิศทางใด

ได้ยินเพียงเสียงเคี้ยวกลืนอันน่าหวาดผวาที่แว่วมาจากส่วนลึกของความมืดมน รวมถึงเสียงหายใจรวยรินปานจะสิ้นชีพ…

เส้นขนบนร่างทุกคนลุกชันขึ้นมา หวาดผวาอย่างไร้ที่สิ้นสุด!

ทุกคนอดไม่ได้ที่จะไปรวมตัวกันยังจุดที่พวกตี้ฝูอีอยู่ แสวงหาการคุ้มครองอันน้อยนิด

กู้ซีจิ่วพลังยุทธ์สูงสายตาเฉียบแหลม มองแวบเดียวก็เห็นแล้วว่าเป็นวิญญาณอาฆาตที่โผล่ออกมาจากหลุมคู่นั้นเล่นเล่ห์อยู่!

บนร่างของพวกมันมีเส้นใยบางๆ นับไม่ถ้วนแผ่ออกมาจากร่างของพวกมันราวกับแมงมุม เส้นใยเหล่านี้ค่อยๆ คืบคลานเข้าไปในฝูงชน ลากมนุษย์คนหนึ่งกลับไปเป็นระยะๆ

“ทุกคนยืนจับมือกันไว้! จับมือคนที่รู้จักกันเอาไว้! อยู่ให้ห่างจากหลุมหน่อย! เป็นวิญญาณอาฆาตที่จับคนไป!”

น้ำเสียงของกู้ซีจิ่วพลันแว่วขึ้นท่ามกลางความมืด ชี้ทางสว่างสายหนึ่งให้แก่ฝูงชนที่ตื่นตระหนก

ถึงยามนี้แล้วทุกคนยังคงเชื่อฟังนัก รีบจับมือกันไว้แน่นทันที แน่นอน พยายามอยู่ห่างจากหลุมใหญ่นั้นอย่างสุดกำลังด้วย

ตี้ฝูอีโบกมือให้พวกเฟิงหรูฮั่วคราหนึ่ง พวกเขาเข้าใจเจตนา รีบกระจายกันออกไป ยืนปักหลักอยู่รอบฝูงชน แสดงถึงการปกป้อง

ส่วนอดีตลูกน้องของอวิ๋นเยียนหลีเหล่านั้นก็สบตากันแวบหนึ่ง กระจายตัวออกไปอย่างเงียบเชียบเช่นกัน ก่อเป็นกำแพงมนุษย์ ปกป้องชาวบ้านธรรมดาไว้ใจกลาง

ตี้ฝูอีจรดนิ้วร่าย ไม่ทราบเช่นกันว่าท่องอาคมอันใด ปรากฏโดมใสกระจ่างสายหนึ่งหล่นลงมาจากฟ้า ครอบคลุมปวงชนเอาไว้ด้านใน

ด้วยเหตุนี้ ต่อให้วิญญาณอาฆาตคู่นั้นคิดจะอาศัยความวุ่นวายลากมนุษย์ไปเป็นอาหารอีกก็ทำไม่ได้แล้ว

เส้นใยที่พวกมันยื่นออกมาพอคืบคลานมาใกล้โดมก็ถูกดีดสะท้อนกลับไปอย่างรุนแรง

ฝูงชนที่อกสั่นขวัญแขวน ยามนี้เพิ่งได้เห็นชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น

วิญญาณอาฆาตสองตนนั้นยืนหันหลังพิงกัน ตรวนบนร่างสะบั้นออกไปกึ่งหนึ่งแล้ว และที่แทบเท้าของพวกมันยังมีซากมนุษย์ที่ถูกสูบกลืนเลือดเนื้อจนแห่งฝ่ออยู่หลายร่าง เหลือไว้เพียงโครงกระดูกไม่กี่ท่อน

วิญญาณอาฆาตสองตนนั้นจับชายฉกรรจ์ร่างกำยำคนหนึ่งไป

ชายร่างกำยำคนนั้นดูแล้ววรยุทธ์สูงส่งยิ่งนัก แต่เมื่ออยู่ในกำมือของวิญญาณอาฆาตสองตนนี้ก็ราวกับตุ๊กตากระดาษ แม้แต่จะดิ้นรนสักนิดก็ทำไม่ได้เลย

พริบตาเดียวก็ถูกฉีกแบ่งครึ่งทั้งที่ยังเป็นๆ อยู่

ฉากเช่นนี้นองเลือดเกินไป ผู้ที่ขวัญอ่อนอุดปากเอาไว้สุดชีวิต ป้องกันไม่ให้ตนกรีดร้องออกมา ฝูงชนเบียดเข้าหากันแน่น แสวงหาความสบายใจจากกันและกัน

วิญญาณอาฆาตสองตนนั้นสูบกลืนเลือดเนื้อของชายฉกรรจ์จนหมดเกลี้ยงในชั่วพริบตา จากนั้นก็ยืดเส้นใยนับไม่ถ้วนที่ราวกับอสรพิษออกมาเตร็ดเตร่ไปในละแวกเขตแดน วนเวียนอยู่รอบเขตแดนอย่างไม่พอใจ ปัดป่ายเข้าใส่อยู่หลายครั้งและถูกดีดสะท้อนกลับไปหลายครั้งเช่นกัน…

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

อ่านนิยาย ลำนำบุปผาพิษ
Status: Ongoing
เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset