บทที่ 2606 เหตุใดจึงไม่มีใครสอนเจ้า?
ตี้เฮ่าเขย่าแขนเสื้อ เสมือนจะเขย่าเอาฝุ่นธุลีที่เปื้อนเข้าโดยบังเอิญให้หล่นไป เมื่อเงยหน้าขึ้น มองเห็นตี้ฝูอีที่อยู่ไม่ไกลออกไปมองเขาอยู่ ดวงตาฉายแววใคร่ครวญแวบหนึ่ง
ตี้เฮ่าค่อยๆ เดินเข้าไปหา
“ท่านพ่อ….”
ตี้ฝูอียิ้มน้อยๆ
“วรยุทธ์ไม่เลวเลย!”
แล้วเสริมอีกประโยค
“คล้ายจะมิใช่วรยุทธ์ของข้า และคล้ายจะมิใช่วรยุทธ์ของแม่เจ้าด้วย”
ตี้เฮ่าเม้มปากนิดๆ
“แน่นอน ข้ารู้แจ้งเองโดยไร้อาจารย์สอนสั่ง”
หัวใจตี้ฝูอีดิ่งวาบ ในอนาคตเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ถึงทำให้เขากับซีจิ่วต่างไม่ได้ถ่ายทอดวรยุทธ์ให้แก่บุตรเลย?
ตี้ฝูอีค้อมเอวอุ้มเขาขึ้นมา จากนั้นก็สาวเท้าก้าวไปด้านหน้า
“เหตุใดจึงไม่มีใครสอนเจ้า? ตอนเด็กหายตัวไป? หรือถูกคนลักตัวไป?”
ตี้เฮ่าปล่อยให้เขาอุ้มอย่างว่าง่าย สัมผัสถึงความรักจากบิดาอย่างที่หาได้ยากนัก เขาเงียบไป เพียงส่ายหน้าแล้วเอ่ยตอบ
“ล้วนมิใช่…ข้า…กำพร้าตั้งแต่เล็ก”
ตี้ฝูอีตกตะลึง!
ตี้เฮ่ามองเขาด้วยดวงตากลมโต ดวงตานั้นเจือแววละโมบโหยหาที่ทำให้คนยากจะสัมผัสถึงได้เอาไว้เล็กน้อย
ตี้ฝูอีรู้ว่าตนไม่อาจถามได้ ถ้าถามมากไปจะเกี่ยวเนื่องไปถึงโองการสวรรค์ ชักนำเภทภัยมาได้ง่ายดายยิ่ง
เขากระชับวงแขนที่โอบอุ้มเด็กน้อยคราหนึ่ง ยิ้มแวบหนึ่ง
“เฮ่าเอ๋อร์ นามนี้ของเจ้าผู้ใดเป็นคนตั้ง?”
“ท่านแม่”
“เหตุใดพ่อเจ้าจึงไม่ตั้งนามให้เจ้าเล่า?”
ตี้เฮ่าส่ายหน้า
“ไม่รู้ คงจะ…สายไปแล้วกระมัง?”
ตี้ฝูอีสะท้านใจ
ในวาจาของตี้เฮ่ามีข้อมูลมหาศาลเกินไป ตี้ฝูอีลอบสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง จุมพิตแก้มเขาทีหนึ่งอย่างที่พบเห็นได้ยากนัก
“เฮ่าเอ๋อร์ นามนี้ของเจ้าไม่เลวเลย แม่เจ้ามีความสามารถ! เอาล่ะ พ่อจะสอนเจ้าทำลายผังดารา!”
“ขอรับ!”
ตี้เฮ่าก็ว่าง่ายนัก เขารู้ว่าท่านพ่อคาดเดาอันใดออกแล้ว
สองพ่อลูกสื่อใจกันได้โดยไร้วาจา เริ่มประสานกำลังกันเพื่อทำลายค่ายกล
ค่ายกลนี้สำหรับตี้ฝูอีแล้ว ทำลายได้ไม่ยากเย็นเลย แต่เขาต้องการสอนบุตรชาย…
ความเร็วย่อมเชื่องช้าลงไป
บางทีอาจจะเป็นเพราะเกี่ยวกับความเกี่ยวเนื่องทางสายโลหิตด้วย ตี้เฮ่าเรียนรู้เรื่องนี้ได้เร็วยิ่ง ถึงขั้นที่กล่าวได้ว่าสอนหนึ่งตอบได้ถึงสิบ เขายังมีศาสตร์อาคมเฉพาะตัวของเขาชุดหนึ่งด้วย เมื่อผนวกกับสิ่งเหล่านี้ที่ได้รับการถ่ายทอดจากตี้ฝูอี ไม่น่าเชื่อว่าผลลัพธ์จะทรงพลังมากกว่าเดิม
รอจนสอนไปได้พอประมาณแล้ว ตี้ฝูอีก็ปล่อยให้เขาได้ปฏิบัติจริงกับผังดารา สองพ่อลูกถึงได้เริ่มทำลายค่ายกลอย่างจริงจัง ในที่สุดความเร็วก็เพิ่มขึ้นมาแล้ว
แต่เดิมหลังจากที่ตี้ฝูอีทำลายค่ายกลเสร็จ ตี้ฝูอีต้องสวดส่งวิญญาณอาฆาตมากมายเหล่านี้ด้วย ถึงจะจบบริบูรณ์อย่างแท้จริง
แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ทำ เนื่องจากวิญญาณอาฆาตเหล่านี้มาหาเรื่องบุตรชายของเขา…
ด้วยเหตุนี้ วิญญาณอาฆาตที่เคยแทะโลมตี้เฮ่าเหล่านั้น ได้ถูกตี้ฝูอีกวาดล้างอย่างสิ้นซาก ไม่เหลือรอดเลยสักตัว
ตี้เฮ่ามองแผ่นหลังของตี้ฝูอี อบอุ่นใจนิดๆ
ที่แท้ความรักของบิดาก็เป็นเช่นนี้ ที่แท้ท่านพ่อก็รักถนอมเขาถึงเพียงนี้…
เขาหลุบตาลงนิดๆ ครั้งนี้ที่เขาเดินทางข้ามมิติมา ก็เพื่อเปลี่ยนแปลงชะตากรรมอันน่าโศกศัลย์รันทดนั้น…
อันที่จริงก็เปลี่ยนแปลงไปได้ส่วนหนึ่งแล้ว มิใช่หรือ?
เขาทำให้ท่านพ่อท่านแม่ดีกันแล้ว! สี่คนพ่อแม่ลูกจะได้อยู่ด้วยกันไปเนิ่นนาน
จะเป็นผู้ใดหรือเรื่องใดก็อย่าหมายจะมาแยกพวกเขาออกจากกันได้อีก
ตี้เฮ่ากำหมัด
….
กู้ซีจิ่วที่รออยู่ด้านนอกกระวนกระวายอยู่บ้าง เธอเคยทำลายผังดาราแห่งหนึ่งกับตี้ฝูอีมาแล้ว ทราบถึงความเร็วในการทำลายผังของเขา ไม่น่าจะกินเวลานานขนาดนี้…
รอไปได้อีกพักหนึ่ง เธอพลันตัดสินใจ หมายจะเข้าไปดู สองพ่อลูกคู่นั้นก็เดินออกมาแล้ว
ที่หาได้ยากยิ่งกว่านั้นคือ ตี้ฝูอีอุ้มบุตรชายเอาไว้ตลอด ดูเหมือนจะพูดคุยยิ้มหัวกันด้วย
เกิดอะไรขึ้น?
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว ตี้เฮ่าเงยหน้ามองเธอ จากนั้นก็หันไปมองท่านพ่อของตน
ตี้ฝูอีลูบหัวเขา
“เจ้าอยากให้ท่านแม่อุ้มเจ้าหรือ?”
ตี้เฮ่าพยักหน้าอย่างหวาดๆ
————————————————————————————-
บทที่ 2607 ถ้ากล้ามาทำร้ายพวกเขาสักคนล่ะก็ เขาจะสนองคืนเป็นร้อยเท่า!
ครั้งนี้ตี้ฝูอีกลับใจกว้าง พลิกมือยื่นเขาส่งให้กู้ซีจิ่ว
“ทำตัวดีๆ อย่าก่อเรื่องล่ะ”
ในที่สุดตี้เฮ่าก็ได้เข้าสู่อ้อมกอดของกู้ซีจิ่วแล้ว อ้อมกอดของท่านแม่เขาอบอุ่น เจือกลิ่นหอมอ่อนจางอันเป็นเอกลักษณ์สายหนึ่งไว้ แตกต่างจากอ้อมกอดของท่านพ่อ
เขากางแขนน้อยๆ ออก กอดรัดกู้ซีจิ่วหนักๆ คราหนึ่ง จากนั้นเขาก็ขอลง
“ท่านแม่ ปล่อยข้าลงเถอะ ข้าเดินเองก็เร็วมากเหมือนกัน ร่างกายของท่านไม่สะดวก อย่าให้กระเทือนไปถึงพี่หญิงน้อยซวี่เยวี่ยเลย”
ไม่พูดพร่ำทำเพลงอันใดก็ดิ้นลงมาแล้ว หันหลังวิ่งออกไป
กู้ซีจิ่วงุนงง
เธอหันไปถามตี้ฝูอี
“ดูเหมือนพวกท่านสองพ่อลูกจะเข้ากันได้ดีเป็นพิเศษเลยนี่ แม้แต่ชื่อของบุตรที่ยังไม่คลอด ท่านก็บอกแก่เจ้าตัวน้อยแล้ว…”
ตี้ฝูอียื่นมือไปโอบเอวนางก้าวเดินไปด้านหน้า
“ข้าไม่ได้บอก เป็นเด็กคนนี้หยั่งรู้อนาคตได้”
“เขามีความสามารถเช่นนี้ด้วยหรือ? ไม่ธรรมดาเลย”
“แน่นอน เด็กคนนี้ฉลาดมาก เรียกความชมชอบจากผู้คนได้ยิ่งนัก เรียนรู้ได้ว่องไวเหนือธรรมดา!”
“ท่านสอนวิธีทำลายค่ายกลให้เขาหรือ?”
“อืม ถ่ายทอดศาสตร์ผังดาราให้ด้วย”
กู้ซีจิ่วเอ่ยอย่างทีเล่นทีจริง
“นี่คือทักษะประจำตระกูลของท่านนี่ ทักษะเหล่านี้ปกติไม่ถ่ายทอดให้แก่ศิษย์ถ่ายทอดให้เพียงบุตรธิดา เหตุใดท่านจึงหักใจถ่ายทอดให้บุตรบุญธรรมได้เล่า?”
“ข้าถูกชะตากับเขาตั้งแต่แรกพบ รู้สึกราวกับเป็นบุตรชายในสายเลือด”
ตี้ฝูอีมองบุตรชายที่วิ่งห้ออยู่ด้านหน้า หยักมุมปากนิดๆ
ข้างกายโอบกอดภรรยา ด้านหน้ามีบุตรชายวิ่งอยู่ แสงตะวันอันอบอุ่นสาดส่องลงบนร่าง เงาของสามพ่อแม่ลูกเดี๋ยวสั้นเดี๋ยวยาว เดี๋ยวทับซ้อนกัน อบอุ่นยิ่งนัก
แววเยือกเย็นเฉียบคมพาดผ่านนัยน์ตาตี้ฝูอีแวบหนึ่ง
นี่คือครอบครัวของเขา ญาติของเขา คนที่ห่วงใยที่สุดในชีวิต
เขาจะไม่ปล่อยให้พวกเขาต้องประสบความทุกข์ทรมานจากการพลัดพรากอีกแล้ว! ยิ่งจะไม่ปล่อยให้พวกเขาได้ประสบความทุกข์ทรมานจากการสูญเสียคนใกล้ชิดด้วย!
เกิดเป็นบุรุษมือถือกระบี่อย่างน้อยก็ต้องปกป้องลูกน้อยข้างกาย สตรีในอ้อมแขนให้ได้!
ถ้ากล้ามาทำร้ายพวกเขาสักคนล่ะก็ เขาจะสนองคืนเป็นร้อยเท่า!
ถ้าอนุมานจากคำพูดของตี้เฮ่า ตอนที่เขายังไม่ทันรู้ความ ตนก็เกิดเหตุขึ้นแล้ว อย่างน้อยๆ ก็ไม่ได้อยู่ข้างกายพวกเขาแม่ลูก ส่วนระยะเวลาที่กู้ซีจิ่วได้รั้งอยู่ข้างกายตี้เฮ่าก็คงไม่นานเช่นกัน น่าจะเกิดเหตุขึ้นเช่นกัน มิเช่นนั้นตี้เฮ่าคงไม่บอกว่าตนกำพร้าตั้งแต่เล็กเช่นนี้ออกมา…
ตอนนี้ในครรภ์นี้ของกู้ซีจิ่วคือบุตรสาว หากไม่เหนือไปจากที่คาดไว้ ก็คือน้องสาวของตี้เฮ่า และเรื่องที่ตนกับกู้ซีจิ่ว ประสบเหตุต่อเนื่องกันไปล้วนเกิดขึ้นหลังจากที่ตี้เฮ่าถือกำเนิดแล้ว เมื่อคิดคำนวณดูเช่นนี้ ยังมีเวลาอีกอย่างน้อยสองถึงสามปีก่อนที่พวกเขาสามีภรรยาจะประสบเหตุต่อเนื่องกันไป ระยะเวลาสองสามปีนี้เพียงพอจะให้เขาวางแผนทุกอย่างได้แล้ว
เขาต้องกำจัดสิ่งเลวร้ายทั้งหมดที่จะแตกหน่อขึ้นมา!
ตอนนี้สิ่งเดียวที่คุกคามพวกเขาสามีภรรยาได้ ก็คงเป็นคนชุดดำที่มีนามแฝงว่าจู๋ตู๋ชิงผู้นั้น
เห็นทีว่าต้องหาทางควานตัวเขาออกมาแล้วขุดรากถอนโคนให้หมดจดเสียแล้ว
เขาเริ่มวางแผนต่อกรอยู่ในใจ…
“หือ ท่านกำลังคิดถึงผู้ใดอยู่?”
กู้ซีจิ่วยังคงเข้าใจตี้ฝูอีดียิ่งนัก มองจากริยาท่าทางเล็กน้อยบางส่วนของเขาก็สัมผัสถึงอารมณ์ของเขาได้แล้ว
ตี้ฝูอียิ้ม
“ข้ากำลังคิด…ซีจิ่ว พวกเราจะมีลูกคนที่สองกันเมื่อไหร่?”
กู้ซีจิ่วอดกุมขมับไม่ได้ ตอนนี้ลูกคนแรกยังเป็นตัวอ่อนอยู่ ก็เริ่มคิดเรื่องลูกคนที่สองแล้วหรือ? ความคิดเขาจะล้ำหน้าเกินไปหน่อยแล้ว!
“ให้กำเนิดเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งสิ้นเปลืองกำลังนัก ยังคงต้องรอให้ครรภ์นี้คลอดออกมา อบรมสั่งสอนสำเร็จผลก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องครรภ์ที่สองกันอีกที!”
“อืม ความหมายของเจ้าคือ รอหลังจากคลอดลูกสาวแล้ว ต้องเว้นไปอีกสักสองสามปีค่อยมีลูกอีกสินะ?”
“แน่นอน! คงมิใช่ว่าท่านอยากให้ข้าคลอดลูกติดๆ กันกระมัง?”
“แน่นอนว่าไม่”
จู่ๆ ตี้ฝูอีก็อุ้มเธอขึ้นมา
“ข้าคิดว่าพวกเราไม่จำเป็นต้องรีบมีลูกคนที่สองกันหรอก รออีกหลายสิบปีแล้วค่อยว่ากันก็ได้”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย…