มองเขา ‘เล่นละคร’ 3
ผู้คนที่มุงดูอยู่ก็งงงวยเช่นกัน
หากมิใช่ว่ามีอาจารย์ใหญ่กู่ผู้สอบสวนคดี และมีกฎว่าไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องสอดปากพูด เกรงว่าหลายคนที่อยู่รอบๆ คงเอ่ยถามไปแล้ว
กู่ฉานโม่ค่อยๆ กล่าวออกมาอีกประโยคว่า “คลังหินวิญญาณไม่ได้ถูกขโมย สักก้อนเดียวก็ไม่หายไป!”
ฝูงชนเงียบงัน
หัวใจเชียนหลิงเทียนพลันจมดิ่ง “หมายความว่า…อย่างไร? ในเมื่อ…ในเมื่อไม่ได้ถูกปล้น เช่นนั้นเหตุใดต้องจับกุบหลิงเทียน…” เขาสัมผัสถึงลางร้ายได้รางๆ
“ความหมายตรงตัว” น้ำเสียงกู่ฉานโม่เยียบเย็น “ถึงแม้เจ้าจะไม่ได้ปล้นคลังหินวิญญาณ แต่เจ้าก็ขโมยบางสิ่งไปจริงๆ ซึ่งน่ารังเกียจยิ่งกว่าการขโมยหินวิญญาณเสียอีก!” แล้วหันไปมองด้านหลังฉากกั้น “หลิงอวี่ ซีจิ่ว พวกเจ้าออกมาได้แล้ว”
ยามที่กู้ซีจิ่วและเชียนหลิงอวี่เยื้องย่างออกมา ทุกสายตาล้วนจับจ้องอยู่ที่ร่างพวกเขาเป็นตาเดียว
บ้างก็สงสัย บางก็ฉงน บ้างก็ไม่เข้าใจ ผู้ที่มีประสาทสัมผัสเฉียบไวสัมผัสได้แล้วว่าจะมีละครฉากใหญ่
เชียนหลิงเทียนหน้าเปลี่ยนสีทันที สองขาที่คุกเข่าอยู่ตรงนั้นเริ่มสั่นระริก หวาดหวั่นเสมือนวันโลกาวินาศมาถึงก่อนเวลา
เมื่อกู้ซีจิ่วและเชียนหลิงอวี่ปรากฏตัวขึ้น ในที่สุดละครเรื่องนี้ก็แสดงมาถึงฉากเด็ดแล้ว
กู้ซีจิ่วกล่าวออกมาซึ่งๆ หน้าว่ากู่พิษที่เชียนหลิงอวี่โดนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเชียนหลิงเทียน…
ครั้งนี้เธอมีหลักฐานชัดแจ้ง พูดแต่ละข้อออกมาอย่างกระจ่างแจ้งชัดเจนยิ่งนัก
สี่ผู้อาวุโสของหน่วยลงทัณฑ์ที่ก่อนหน้านี้นิ่งเงียบอยู่ก็ปราดเข้ามา เล่าทุกอย่างที่พวกเขาเห็นระหว่างลอบสังเกตการณ์หลายวันมานี้ เปรียบเทียบสองฝ่ายอย่างที่กู้ซีจิ่วบอก ไม่มีผิดเพี้ยน
ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนเป็นอัจฉริยะ ไม่มีผู้ใดโง่เขลาเลยสักคน เรื่องราวดำเนินมาถึงตรงนี้ ฝูงชนย่อมเข้าใจต้นสายปลายเหตุของเรื่องแล้ว แต่ละคนเบิกตากว้าง นึกไม่ถึงว่าที่แท้ความจริงเป็นเช่นนี้
แน่นอนว่าพวกเขาก็เลื่อมใสกู้ซีจิ่วเช่นกัน หากมิใช่นางกางแหดักไว้ข้างหลัง ก็คงจับปลาใหญ่เช่นนี้ไม่ได้!
แม่นางน้อยใช้กลยุทธ์แผนซ้อนแผน ร้ายกาจจริงๆ!
มิน่าล่ะคนเฉียบแหลมปลิ้นปล้อนอย่างเชียนหลิงเทียนถึงหลงกลนางโดยไม่รู้ตัว!
หลังจากกู้ซีจิ่วนำหลักฐานเหล่านี้ออกมา มือเท้าของเชียนหลิงเทียนก็เย็นเฉียบไปหมด! เขาถึงขั้นพูดแก้ต่างให้ตนไม่ออก ทำได้เพียงเอ่ยเฉไฉว่าอีกฝ่ายพูดจาเหลวไหล ทั้งหมดนี้เป็นการคาดเดาส่งเดช ถ้าเธอมีฝีมือจริงก็เอากู่พิษอะไรนั่นออกมาให้ทุกคนเห็นสิ เอ่ยวาจาประเภทนี้เพื่อให้ตนพ้นผิด
กู่ฉานโม่หันเหสายตาไปหากู้ซีจิ่ว “ซีจิ่ว กู่นั้นเจ้านำออกมาตอนนี้ได้หรือไม่? รักษาเชียนหลิงอวี่ให้หายขาดได้หรือเปล่า?”
หลังจากกู่ฉานโม่ถามประโยคนี้ออกมา ในห้องโถงก็เงียบมาก ทุกล้วนรอคอยคำตอบจากเธอคนเดียว
กู้ซีจิ่วเม้มปากยิ้มแวบหนึ่ง หนนี้เธอตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ได้!”
ปัจจัยที่ไม่แน่นอนทั้งหมดล้วนถูกแผนการของเธอขจัดทิ้งไปแล้ว ตอนนี้เธอมั่นใจเต็มร้อยว่าสามารถรักษาเชียนหลิงอวี่ให้หายได้! คืนความเป็นธรรมแก่เขา!
กู่ฉานโม่ก็รอคอยประโยคเดียวนี้จากเธอ!
“ดี เจ้าลงมือได้เลย!”
กู้ซีจิ่วกวักมือเรียนเชียนหลิงอวี่ “เข้ามาสิ มานั่งตรงนี้” เธอชี้ไปที่จุดหนึ่งบนพื้นห้องโถง
เชียนหลิงอวี่ไม่ลังเลเลย รีบไปตรงนั้นทันที นั่งประจันหน้ากับเชียนหลิงเทียนพอดี ห่างกันไม่ถึงหนึ่งจั้ง
กู้ซีจิ่วพลันปรบมือ เงยหน้ามองกู่ฉานโม่ “อาจารย์ใหญ่กู่ สามารถเริ่มได้แล้ว!”
กู่ฉานโม่รีบส่งสัญญาณให้ผู้อาวุโสทั้งสี่ทันที ผู้อาวุโสทั้งสี่กระจายตัวออกไป ทุกคนเข้าประจำตำแหน่ง เมื่อรวมกู่ฉานโม่เข้าไปด้วย ทั้งห้ายืนอยู่ในห้องโถงเป็นรูปทรงดาวห้าแฉก
จะว่าไปก็แปลก พอทั้งห้าคนยืนประจำตำแหน่ง พื้นห้องโถงที่แต่เดิมปกติธรรมดาก็ดูเหมือนจะถูกอะไรกระตุ้น ส่องแสงสลัวๆ ออกมา ก่อตัวเป็นค่ายกลขนาดใหญ่