ทูตเฉิงเอ้อถูกถีบเข้ามา 2
“ต้องถอด” กู้ซีจิ่วตัดบทเขา ถอดแค่ท่อนบนเท่านั้น ไม่ได้ให้เขาถอดกางเกงจนเปลือยสักหน่อย เหนียมอายทำไม?
เชียนหลิงอวี่ในยามนี้เชื่อฟังยิ่งนัก พลันกัดฟัน เริ่มแกะสาบเสื้อออก…
‘ผลั่ก!’ ทันใดนั้นคนผู้หนึ่งก็เหินละลิ่วเข้ามาจากด้านนอก!
ท่วงท่าที่คนผู้นั้นเหินละลิ่วเข้ามาค่อนข้างประหลาด ไม่เหมือนเข้ามาด้วยตนเอง แต่เหมือนถูกผู้อื่นถีบเข้ามา! พริบตาเดียวก็ร่วงลงมา และร่วงลงมาตรงกลางระหว่างกู้ซีจิ่วและเชียนหลิงอวี่พอดี กู้ซีจิ่วไม่ทันตั้งตัว เกือบถูกผู้ที่มาเบียดจนเซล้ม
เธอถอยหลังไปสองก้าว ยามมองเห็นผู้ที่มาชัดๆ ก็เลิกคิ้วขึ้นโดยความประหลาดใจ “ทูตเฉิงเอ้อ!”
คนผู้นั้นคือทูตเฉิงเอ้อ ด้านหนึ่งเขาก็จิกกัดความไร้เมตตาของท่านเทพศักดิ์อยู่ในใจ ด้านหนึ่งก็วางท่าผึ่งผายไปด้วย “แม่นางกู้ เรื่องนี้ข้าก็ทำได้ ให้ข้าทำเถิด”
จับหนอนกู่ที่เคยอยู่ตรงหว่างนิ้วกู้ซีจิ่วไว้ มองแวบเดียวก็รังเกียจจนต้องละสายตาไป น่าขยะแขยงเหลือเกิน! สิ่งนี้น่าขยะแขยงจริงๆ!
ของน่าขยะแขยงพรรค์นี้แม่นางกู้ผู้นี้ก็ยังรู้จัก ซ้ำยังทราบวิธีแก้ด้วย น่าเลื่อมใสนัก!
อันที่จริงทูตเฉิงเอ้อก็ไม่ทราบเรื่องมาก่อนเช่นกัน แต่เมื่อครู่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์สอนให้เขาอย่างรวดเร็ว เขายังไม่ทันกระจ่างก็ถูกถีบเข้ามาแล้ว…
ผู้ที่สามารถติดตามท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ในฐานะเทวทูตได้ย่อมมิใช่บุคคลธรรม เลือกมาเพียงคนเดียวจากหลายล้านคน ดังนั้นทูตเฉิงเอ้อก็เป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะเช่นกัน เรียนรู้ได้ทุกสิ่ง
แถมยังต้องปรับตัวให้ลื่นไหลแนบเนียน สูงส่งเย็นชาเอย เสแสร้งเอย สง่างามเอย มุทะลุเอย บทบาทที่แสดงเปลี่ยนไปตามภาพลักษณ์ของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์…
อย่างเช่นตอนนี้เขาตีหน้าเย็นชาหน้าตาย มือขวาจับหนอนตัวนั้นไว้ มือซ้ายชี้นิ้วออกมา เชียนหลิงอวี่ เสื้อท่อนบนของเชียนหลิงอวี่ที่ยังถอดไม่เสร็จก็ร่วงมาอยู่ตรงต้นแขนทันที เผยให้เห็นแผ่นอกขาวกระจ่าง
ท่าทางของทูตเฉิงเอ้อในยามนี้เหมือนกำลังจะเชือดหมู ทำให้เชียนหลิงอวี่ขวัญเสียจนหดกายไปด้านหลังทันที สองแขนกอดอกไว้ตามสัญชาตญาณ
ทูตเฉิงเอ้อเหลืออด ลากเขาเข้ามาพลางเอ่ยว่า “เจ้าก็เป็นชายทั้งแท่ง จะเหนียมอายปานนี้ไปทำไม? ข้าไม่ได้จะฆ่าเจ้าเสียหน่อย! มา นั่งสมาธิดีๆ ข้าจะจับหนอนให้เจ้า!”
เชียนหลิงอวี่มองหนอนสีโลหิตที่ที่ดีดดิ้นอยู่เบื้องหน้า กังวลอย่างยิ่ง เขาไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน แต่กลัวหนอน!
น่าสังเวชนักเขามีพลังวิญญาณพลังวิญญาณขั้นหกตอนกลาง ปกติแล้วเป็นบุคคลที่ห้าวหาญทระนง แต่พออยู่ในกำมือทูตเฉิงเอ้อ เขาก็เหมือนไก่อ่อนตัวหนึ่ง จะดิ้นรนก็ไม่กล้า ไม่ดิ้นรนก็หวาดหวั่น…
เขาทนไม่ไหวจึงส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังกู้ซีจิ่ว “ซีจิ่ว..เจ้ามา…มารักษาข้าเถอะ…”
เขายอมถูกกู้ซีจิ่วมองหน้าอก แต่ไม่อยากถูกทูตเฉิงจับไว้เหมือนจับลูกไก่เช่นนี้ ที่ยิ่งกว่านั้นคือ ทูตเฉิงเอ้อผู้นี้กำจัดกู่ได้จริงหรือ?
ตอนนี้เชียนหลิงอวี่เชื่อมันในวิชาแพทย์ของกู้ซีจิ่วเต็มที่แล้ว แต่กับทูตเฉิงเอ้อผู้นี้ เขาเคยได้ยินเพียงว่าเทวทูตผู้นี้หมดจดว่องไว ยามสำเร็จโทษผู้คนจะถลกหนังของคนอื่นออกมา…
สำหรับผู้การขับกู่นั้น ผู้ที่โดนกู่ต้องมีอารมณ์มั่นคง นั่งสมาธิสงบใจ จากนั้นค่อยใช้แรงภายนอกดูดออกมา…
ตอนนี้เชียนหลิงอวี่อยู่ในสภาพเช่นนี้ ชัดเจนว่าทำไม่ได้ เมื่อเห็นเชียนหลิงอวี่ดิ้นรนอย่างน่าสงสาร กู้ซีจิ่วจึงก้าวเข้าไป “ให้ข้าทำไหม?”
ทูตเฉิงเอ้อย่อมไม่มอบโอกาสนี้ให้แก่เธอ มิเช่นนั้นเกรงว่าเขาคงถูกท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ซัดจนตาย!
“เด็กดี ไม่ต้องกลัวนะ ครั้งนี้ข้าแค่จะช่วยคนไม่ได้จะฆ่าคน เจ้าเชื่อฟังแล้วนั่งสมาธิซะ ข้าจะขับกู่ให้เจ้า”
น้ำเสียงที่พยายามนุ่มนวลของเขาค่อนข้างแข็งทื่อ อ่อนโยนเสมือนกัดฟันทำ