ต้องถอด
เชียนหลิงอวี่ขนลุกขนพอง ทั่วร่างล้วนแข็งทื่อไปหมด ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเด็กคนหนึ่ง แถมนิสัยก็ค่อนข้างดื้อรั้น และยามนี้ก็ถูกทำให้หงุดหงิดแล้ว กล่าวออกมาอย่างเหลืออด “ข้าไม่เอาท่าน! ข้าเชื่อใจซีจิ่ว! ไม่เชื่อใจท่าน!”
ทูตเฉิงเอ้อนิ่งงัน
ถูกรังเกียจเสียแล้ว!
เจ้าเด็กตัวเหม็นอยากตายสินะ?!
ข้อนิ้วทูตเฉิงเอ้อพลันกำแน่น เสียงดังแครกๆ กู่ฉานโม่เกรงว่าเมล็ดพันธ์ชั้นดีของบ้านตนจะถูกผู้อื่นซัดจนเหลือแต่ภาพ จึงรีบพูดจาหว่านล้อมหลายประโยค
ทูตเฉิงเอ้อย่อมไม่ถือสาหาความกับเด็กน้อยคนหนึ่ง เพียงแต่อีกฝ่ายก็ไม่เชื่อใจตนจริงๆ…
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง คิดวิธีประนีประนอมได้อย่างหนึ่ง “แม่นางกู้ มิสู้ท่านมาชี้แนะแล้วให้ข้าลงมือ วางใจเถิด ขอแค่ท่านพูดอย่างชัดเจน ด้านพละกำลังข้ามั่นใจว่าแม่นยำนัก”
นี่เป็นวิธีที่ดี อันที่จริงกู้ซีจิ่วก็เกรงว่าพละกำลังของตนจะไม่พอเช่นกัน ตอนนี้ในเมื่อทูตเฉิงเอ้อขันอาสาเช่นนี้ เธอย่อมตกลง
เชียนหลิงอวี่กระจ้อยร่อยเกินไป ไม่มีสิทธิ์มีเสียงเท่าไหร่ ดังนั้นจึงเห็นด้วยอย่างมิใคร่เต็มใจนัก
ด้วยเหตุนี้ กู้ซีจิ่วกับทูตเฉิงเอ้อคนทั้งสองหนึ่งพูดหนึ่งทำ ประสานงานเข้าขายิ่งนัก
ระหว่างดำเนินการทูตเฉิงเอ้อค่อนข้างประหลาดใจเช่นกัน ขั้นการและวิธีการที่กู้ซีจิ่วบอกแตกต่างจากวิธีที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ลอบถ่ายทอดให้
เห็นได้ชัดเจนยิ่งนัก ว่าความสามารถทางด้านนี้ของนางมิใช่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ถ่ายทอดให้นาง เช่นนั้นที่แท้นางร่ำเรียนมาจากผู้ใดกันแน่?
ที่หายากยิ่งกว่านั้นคือ ถึงแม้สองวิธีนี้จะแตกต่างกัน แต่กลับล้ำเลิศเช่นเดียวกัน ผลลัพธ์ที่ได้ก็เหมือนกัน
ต่อมา หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม หนอนกู่ที่อยู่ภายในร่างเชียนหลิงอวี่ก็ถูกขับออกมา และวินาทีที่หนอนกู่ตัวนั้นโผล่ออกมา สีสันบนตัวกู่ทั้งสองก็จางหายไปด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า สีหน้าของเชียนหลิงอวี่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ มีแสงมงคลเลือนรางแผ่ออกมาจากร่าง…
ในที่สุด หนอนกู่ทั้งสองตัวก็สลายเป็นเถ้ากระจายหายไปด้วยตัวเอง เชียนหลิงอวี่ก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติแล้ว
ดวงตาของเด็กหนุ่มเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้นยินดี “ซีจิ่ว ข้าหายแล้ว!”
ทูตเฉิงเอ้อหน้าอึมครึม เป็นเขาออกแรงช่วยเหลือเขาชัดๆ เจ้าเด็กนี้ไม่แม้แต่จะมองสักแวบด้วยซ้ำ! ทำเหมือนเขาเป็นคนผ่านทางมา
กู้ซีจิ่วมองลักษณะของเขาปราดเดียวก็ทราบว่าวรยุทธ์ของเขาฟื้นฟูคืนมาแล้ว รู้สึกดีใจแทนเขา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะตักเตือน “ยินดีด้วยๆ เป็นท่านทูตเฉิงเอ้อที่ลงมือรักษา…”
เชียนหลิงอวี่รีบประสานมือให้ทูตเฉิงเอ้อทันที “ขอบพระคุณยิ่งๆ”
แล้วหันเหสายตามาจดจ่อที่ร่างกู้ซีจิ่วทันที “ซีจิ่ว เจ้ามีความสามารถจริงๆ! หากไม่มีเจ้า ก็คงไม่มีข้าเชียนหลิงอวี่ในวันนี้ ขอบพระคุณยิ่ง!” พลางค้อมกายคารวะกู้ซีจิ่ว
เขาดูผ่องใสมีราศี เห็นได้ชัดว่าหายดีแล้ว
ฝูงชนที่มุงดูอยู่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก สายตาที่มองกู้ซีจิ่วก็ไม่แฝงแววเหยียดหยามดูหมิ่นอีกต่อไป…
เชียนหลิงอวี่กระโดดผลุงออกมาด้านหน้า กำลังจะกล่าวอะไรบางอย่าง ทว่ากู้ซีจิ่วยกมือห้ามเขาไว้ “จำไว้ ภายในสามวันนี้ไม่อนุญาตให้โคจรพลังยุทธ์!”
เชียนหลิงอวี่เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ กู้ซีจิ่วจึงเอ่ยอีกว่า “ถึงอย่างไรวรยุทธ์เจ้าก็เคยถูกผู้อื่นขโมยไป ยามนี้ถึงแม้จะกลับคืนมาแล้ว แต่สุดท้ายแล้วก็เคยรั้งอยู่ในกายผู้อื่น ปนเปื้อนกลิ่นอายของผู้อื่น ยังต้องถ่ายโอนอย่างช้าๆ ชีพจรของเจ้าถึงจะสามารถรองรับได้ เจ้าจำไว้ หลายนี้ไม่เพียงแต่ห้ามโคจรพลังเท่านั้น ยังห้ามเคลื่อนไหวโลดโผน ห้ามกินอาหารรสจัด ห้าม…”
เธอร่ายข้อควรระวังออกมาติดๆ กันหลายข้อ ด้วยเกรงว่านิสัยใจร้อนของเด็กหนุ่มคนนี้ จะทำให้ตัวเขาพลาดพลั้งไปอีก
เชียนหลิงอวี่ในยามนี้ฟังคำยิ่ง เบิกตากว้างมองปากน้อยๆ ของกู้ซีจิ่วที่เดี๋ยวหุบเดี๋ยวอ้า
มองอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่ทราบว่าความคิดแล่นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว