บทที่ 663 ไม่คิดเลยว่าท่านจะอยู่ที่นี่
เธอเดาออกแล้วว่าอีกฝ่ายคือใคร!
หลงซือเย่!
นอกจากหลงซือเย่แล้วจะมีใครเล่าที่ทราบว่าวันนี้คือวันเกิดครบรอบยี่สิบสามปีของเธอ? นอกจากเขาแล้วจะมีใครเล่าที่ทราบวิธีฉลองวันเกิดของยุคปัจจุบันเช่นน์ นอกจากเขาแล้วจะมีใครเล่าที่ทำเค้กวันเกิดของยุคปัจจุบันได้?
เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น จ้องมองเค้กก้อนนั้น
อันที่จริงชาติก่อนหลงซีไม่เคยฉลองวันเกิดให้เธอเลย เนื่องจากภารกิจของเธอยุ่งมาก ประจวบเหมาะพอดี ทุกครั้งที่ถึงวันเกิดเธอล้วนต้องออกไปปฏิบัติภารกิจอยู่ร่ำไป
หลงซีเคยสัญญากับเธอไว้ บอกว่าถ้ามีเวลาจะฉลองวันเกิดให้เธอแน่นอน พอถึงเวลาเขาก็ทำเค้กวันเกิดเองก้อนหนึ่งแล้วมองให้เธอ และจะร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้เธอด้วย…
จะได้ยินคนเคร่งขรึมเย็นอย่างหลงซีร้องเพลงวันเกิดที่แสนสดใสไร้เดียงสาเช่นนั้นก็ให้ความรู้สึกที่ขัดแย้งในตัวเองอยู่บ้าง ดังนั้นกู้ซีจิ่งในยามนั้นจึงตั้งตารอยิ่งนัก เพียงแต่จวบจนเธอวินาทีที่เธอสิ้นชีพก็ยังไม่ได้รับในสิ่งที่เฝ้ารอ…
ตอนนี้เธอได้รับในที่สิ่งรอคอยแล้ว ทว่าเป็นในอีกโลกหนึ่ง อยุ่ภายใต้สถานการณ์ที่เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย
คนเด็ดขาดเช่นเธอ ในยามนี้ก็ทึ่มทื่อไปครู่หนึ่งเช่นกัน ชะงักไปเล็กน้อย ถามออกมาประโยคเดียว “เจ้าสำนักหลง?”
“ซีจิ่ว…” ในที่สุดหลงซือเย่ก็ปรากฏตัวภายใต้แสงไข่มุก เขามองเธอด้วยรอยยิ้ม “สุขสันต์วันเกิด!”
เขาสวมชุดขาวราวหิมะ อาภรณ์ปักลวดลายเมฆาสีเงินรางๆ เรือนกายสูงโปร่งดั่งต้นอวี้ มุมปากหยักยิ้มปานบุปผาแย้มบาน เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่ารูปลักษณ์มิได้เหมือนชาติก่อนไปเสียทั้งหมด แต่รอยยิ้มของเขาเหมือน แววตาที่อ่อนโยนก็เหมือน แม้กระทั่งท่าทางที่ยืนพิงโต๊ะเช่นนั้นเฉยๆ ก็เหมือน
ในใจไม่ทราบว่าเป็นความรู้สึกเช่นไร กู้ซีจิ่วเงียบไปชั่วขณะ หลงซือเย่กวักมือเรียกเธอ “มาเถอะ เป่าเทียนแล้วอธิฐานสิ”
กู้ซีจิ่วไม่อยากขยับ ทว่าไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะพูดอะไรดี กลับเป็นเจ้าหอยยักษ์ในแขนเสื้อเธอที่ค่อนข้างตื่นเต้นที่ได้เห็นเค้กวันเกิดเป็นครั้งแรก รีบกลิ้งไถลจากแขนเสื้อเธอเข้าไปทันที “นี่คืออะไร? อร่อยหรือไม่? อ๋าๆๆ รูปร่างของมันประหลาดนัก!”
กู้ซีจิ่วทำตัวไม่ถูก
เธอทำได้เพียงก้าวเข้าไป “ไม่คิดเลยว่าท่านจะอยู่ที่นี่”
“ฉันมาฉลองวันเกิดให้เธอ ซีจิ่ว ชอบหรือเปล่า?” หลงซือเย่มองเธอด้วยรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่แผ่ไปถึงดวงตา ภายใต้แสงเทียน ดวงตาของเขาราวกับทะเลดวงดาวที่พร่างพราวดาษเวหา เสมือนจะโอบลอ้มเธอไว้ภายในได้
กู้ซีจิ่วละสายตาไป กล่าวอย่างสุภาพว่า “มิกล้ารับ ลำบากเจ้าสำนักหลงสิ้นเปลืองความคิดแล้ว เพียงแต่วันนี้มิใช่วันเกิดของซีจิ่ว…” วันเกิดของร่างเดิมนี้คือวันที่สิบเดือนเจ็ด
ดวงตาหลงซือเย่ฉายแววหม่นหมองแวบหนึ่ง แต่ก็ยิ้มออกมาทันที เห็นได้ชัดว่าไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับเธอ “มาเถอะ เป่าเทียนก่อนแล้วค่อยอธิฐาน”
“ต้องเป่าเทียนแล้วอธิฐานถึงจะกินสิ่งนี้ได้หรือ?” เจ้าหอยยักษ์ที่อยู่ด้านล่างหนีบมุมชุดของหลงซือเย่ไว้ พยายามจะทำให้ตัวเองมีตัวมีตัวตน
“ใช่” หลงซือเย่ตอบ
“เยี่ยมไปเลย ข้าขอให้ได้กินอาหารดีๆ ทุกวัน ได้กินจนอิ่ม!” เจ้าหอยยักษ์รีบอธิฐานทันที ไม่ทันรอให้หลงซือเย่ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้ มันก็สร้างลมพัดกรรโชกหอบหนึ่ง ฟิ้ว! เทียนทั้งหมดดับลง…
“นี่!” หลงซือเย่เอ่ยขึ้นตามสัญชาตญาณ “ไม่ได้ให้…” ยังไม่ทันพูดคำว่า ‘เจ้า’ ออกมา เจ้าหอยยักษ์ก็อาปากกว้าง เขมือบเค้กทั้งก้อนหายไป…
หลงซือเย่พูดไม่ออก เขาตะลึงพรึงเพริดอย่างที่พบเห็นได้ยาก!
เจ้าหอยยักษ์เคี้ยวแจ๊บๆ ลิ้มรส มันยังติติงเล็กน้อยด้วย “สิ่งนี้หน้าตาดูดี แต่รสชาติไม่ค่อยเท่าไหร่ หวานเกินไป! ข้าไม่ค่อยชอบกินของหวาน…”
หลงซือเย่โมโหจนอยากทุบเปลือกมันให้แตกทันที นิ้วมือกำแน่นแล้วแน่นอีก หากมิใช่เห็นแก่หน้ากู้ซีจิ่ว เขาแค่สะบัดแขนก็เหวี่ยงมันลงทะเลสาบที่อยู่ห่างไปไม่ไกลได้แล้ว!
กู้ซีจิ่วขบขันยิ่งนัก แต่ก็ค่อนข้างรู้สึกผิดเช่นกัน
————————————————————————————-
บทที่ 664 ซีจิ่ว เธอเกลียดฉันไหม?
ในยุคปัจจุบันทำเค้กวันเกิดสักก้อนนั้นปกติมาก แต่ในโลกนี้กลับยากลำบากนัก ถึงอย่างไรก็ไม่มีเตาอบ ไม่มีผงฝูสำหรับทำเค้ก ไม่มีแม่พิมพ์
หลงซือเย่สามารถทำสิ่งนี้ออกมาได้ก็พอจะดูออกว่าเขาทุ่มเทความคิดจริงๆ
….
โต๊ะจีนสองโต๊ะใหญ่
อาหารบกทะเลอากาศครบครัน เจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋น้อยได้หนึ่งโต๊ะ สวามปามกันอยู่ตรงนั้น ส่วนเพรียกวายุไม่ชอบกินของพวกนี้ แถมรูปร่างของมันยังไม่เหมาะจะนำเข้ามาในภัตตาคารด้วย ดังนั้นมันจึงรออยู่ที่จุดหนึ่งของชั้นล่าง มีพนักงานคอยดูแลโดยเฉพาะ ให้อาหารที่มันชื่นชอบ
กู้ซีจิ่วนั่งประจันหน้ากับหลงซือเย่ ถึงแม้จะไม่มีเค้กแล้ว แต่โชคดีที่กู้ซีจิ่วก็ไม่ค่อยชอบกินของหวานแบบนั้นเหมือนกัน บรรยากาศจึงดีขึ้นมาก
เดิมทีหลงซือเย่ก็มิใช่คนช่างพูดอยู่แล้ว เมื่อก่อนยามทั้งสองอยู่ด้วยกันก็เป็นกู้ซีจิ่วที่เป็นฝ่ายชวนคุย
แต่ตอนนี้กู้ซีจิ่วก็ดุเหมือนจะไม่พูดอะไร ในห้องโถงจึงเงียบสนิทอย่างมิอาจเลี่ยงได้
ทำให้คนนึกถึงถนนสายใหญ่ที่ลมหนาวพัดผ่าน
ในใจของกู้ซีจิ่วค่อนข้างปลงตกอยู่บ้าง
เธอนึกไม่ถึงเลยว่าจะมีวันที่ได้นั่งร่วมโต๊ะกับหลงซีทานอาหารและพูดคุยกันอย่างสงบ
ฐานะของทั้งสองคนล้วนไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว รูปโฉมเธอเปลี่ยนไป ฐานะก็เปลี่ยนไป เขาเองก็เช่นกัน…
คนหนึ่งทะลุมิติมาก็นับว่าแปลกประหลาดมากแล้ว ศัตรูคู่แค้นที่เคยรักเคยสังหารก็ข้ามภพมาเจอกันอีกเช่นนี้ยิ่งแปลกประหลาดกว่า
เนื่องจากชาติก่อนเคยถูกเขาวางยาสลบมาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นหนนี้กู้ซีจิ่วจึงระวมัดระวังยิ่งนัก
ขอเพียงเธอระวังตัว บนโลกนี้ก็ไม่มีผู้ใดสามารถใช้พิษเล่นงานเธอได้
ดูเหมือนหลงซือเย่มีถ้อยคำอยากจะกล่าวกับเธอ แต่ก็ไม่รู้ว่าควรเริ่มอย่างไรอยู่พักหนึ่ง เขาไม่พูดเธอก็ไม่ถาม เพียงก้มหน้าก้มตากินอาหารเท่านั้น…
ดวงตาหลงซือเย่ฉายแววหม่นหมองแวบหนึ่ง เมื่อก่อนเวลาที่เธออยู่ต่อหน้าเขาจะหลักแหลมอยู่เสมอ ขอเพียงเขามีท่าทีเหมือนมีอะไรจะพูดเล้กน้อย เธอก็จะรีบซักถามอย่างใส่ใจทันที…
ตอนนี้…ทุกอย่างล้วนเป็นเขาที่เรียกหา
“ซีจิ่ว เธอเกลียดฉันไหม?” หลงซือเย่หลุดปากเปิดประเด็นได้แย่ยิ่งนัก
กู้ซีจิ่วหมุนจอกสุรายิ้มแวบหนึ่ง “ไม่เกลียด”
หลงซือเย่เงยหน้ามองเธอ กู้ซีจิ่วกล่าวเสริมว่า “คุณควักหัวจัน ฉันก็แทงหัวใจคุณ ฉันตายคุณก็ไม่รอด…แบบนี้ดูเหมือนว่าพวกเราจะเสมอกันแล้ว ดังนั้นไม่มีอะไรต้องเกลียดชังกัน”
เธอมองออกไปด้านนอก “บางทีทุกอย่างก็มีเหตุและผลทั้งนั้นใช่ไหม? ถ้าคุณกับฉันไม่ได้มาที่นี่ ฉันคงยังเป็นนักฆ่าในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ขายชีวิตให้คนอื่น หลังจากมาอยู่ที่นี่ถึงแม้จะใช้ชีวิตแบบอกสั่นขวัญแขวนไปบ้าง แต่ดีร้ายอย่างไรก็ได้เห็นโลกที่แตกต่าง แถมฉันยังได้เห็นเทพเซียนที่เล่าขานอยู่ในตำนาน…ได้เรียนรู้อะไรมากมาย เมื่อคิดได้แบบนี้ ฉันควรจะรู้สึกขอบคุณคุณด้วยซ้ำ แน่นอน ฉันไม่รู้สึกขอบคุณคุณจริงๆ หรอก ขอแค่คุณไม่มาเล่นงานฉันอีก ฉันก็คิดว่าพวกเราถึงขั้นสามารถปมาหาสู่กันในฐานะเพื่อนธรรมดาได้”
เมื่อก่อนเธอถูกเขาเล่นงานเพราะไม่ได้ระแวดระวัง ตอนนี้เธอระแวดระวังเขาเต็มที่แล้ว ถ้าเขาคิดจะเล่นงานเธออีกจะทำได้ง่ายดายปานนั้นอีกหรือ?
“เพื่อนธรรมดา?” หลงซือเย่เอ่ยทวน ดวงตาคู่นั้นจับจ้องเธอ “ถ้าหาก…ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนธรรมดากับเธอล่ะ?”
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว “ถ้างั้นก็คนแปลกหน้า?”
สีหน้าหลงซือเย่ซีดเซียวนิดๆ “ซีจิ่ว อยากฟังฉันอธิบายไหม?”
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วอีกครั้ง “อธิบายอะไร? ฉันไม่คิดว่าระหว่างเรามีเรื่องเข้าใจผิดอะไรที่ต้องอธิบายให้กระจ่างนะ เย่หงเฟิงเป็นคู่หมั้นของคุณ คุณช่วยเธอก็เป็นเหตุผลตามสมควรอยู่แล้ว ฉันเป็นมนุษย์โคลนนิ่ง เดิมทีก็เป็นแหล่งสำรองอวัยวะที่พ่อเธอเตรียมไว้ให้เธออยู่แล้ว ก็เหมือนกับเลือดจากสายสะดือนั่นแหละ ในสายตาพวกคุณฉันน่าจะไม่ใช่มนุษย์เลยด้วยซ้ำ เป็นแค่สิ่งของ…”