บทที่ 673 เช่นนั้นเจ้าชอบกู้ซีจิ่วหรือไม่
หลานไว่หูไม่ยอมรับ “ข้าไม่ได้นินทาว่าร้ายพวกเขาเสียหน่อย ข้าก็แค่เคยพบคู่ต้วนซิ่วเป็นครั้งแรกเท่านั้น คำว่าต้วนซิ่วก็มิใช่คำพูดให้ร้ายอันใด ซีจิ่วบอกว่าจริงๆ แล้วต้วนซิ่วเป็นเรื่องปกติมาก ขอเพียงคนสองคนรักกันด้วยใจจริง ก็สมควรจะได้รับคำอวยพร ซีจิ่วบอกไว้…”
เส้นเลือดที่ขมับเยี่ยนเฉินเต้นตุบๆ คืนนี้จิ้งจอกน้อยเอาแต่พูดว่าซีจิ่วกล่าวเช่นนั้นซีจิ่วบอกเช่นนี้อยู่ตลอด เขาแทบจะสงสัยว่าจิ้งจอกน้อยของเขาหลงรักกู้ซีจิ่วเข้าแล้ว…
“จิ้งจอกน้อย เจ้าชอบข้าไหม?”
“ชอบสิ” หลานไว่หูตอบอย่างไม่ลังเล
หัวใจเยี่ยนเฉินพลันอุ่นวาบ สีหน้าอ่อนโยนลง “เช่นนั้นเจ้าชอบกู้ซีจิ่วหรือไม่?”
“ชอบ!” นางตอบอย่างไม่ลังเลเช่นกัน
ว่าแล้วเชียว!
“เช่นนั้นเจ้าชอบข้าหรือว่าชอบนาง?”
“ชอบทั้งคู่เลย”
“แล้วถ้าหากเลือกได้เพียงคนเดียวจากสองคนเล่า? เจ้าจะเลือกข้าหรือเลือกนาง?” เยี่ยนเฉินรู้สึกว่าตนต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ถึงได้หึงหวงเด็กสาวคนหนึ่งเช่นนี้ แต่เขาอยากรู้มากจริงๆ
หลานไว่หูตาโต “เหตุใดเลือกได้เพียงคนเดียว?”
“เพราะ….ข้าพูดสมมุติ เข้าใจคำว่าสมมุติหรือไม่? เป็นการสร้างสถานการณ์จำลองขึ้นว่าเจ้าจะเลือกใคร?”
“แต่การสมุติของท่านไม่ได้เกิดขึ้นชัดๆ…” หลานไว่หูบ่นงึมงำ เมื่อเห็นเยี่ยนเฉินมองนางอยู่ตลอด ท่าทางราวกับถ้าไม่ให้คำตอบจะไม่ยอมเลิกรา นางปวดเศียรเวียนเกล้าขึ้นมาอีกแล้ว “ก็ได้ๆ ให้ข้าคิดดูก่อนนะ”
ยังต้องคิดดูก่อนอีกหรือ? ตัดสินใจยากปานนั้นเชียว?
เยี่ยนเฉินรู้สึกว่าตนได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว…
หลานไว่หูคอดอยู่พักหนึ่ง แล้วเอ่ยคำตอบที่ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสุดขีดออกมาอย่างระมัดระวังยิ่ง “ข้าเลือกซีจิ่ว”
เยี่ยนเฉินทึ่มทื่อไปแล้ว
“เพราะอะไร?” ผ่านไปสักพักเขาถึงเอ่ยออกมาสามคำ
หลานไว่หูจึงสาธยายให้เขาฟัง “ซีจิ่วดีต่อข้าด้วยใจจริง ยอมรับข้าในช่วงเวลาที่ข้าโดดเดี่ยวที่สุด อยู่ข้างกายนางข้าได้ลิ้มรสความสุขของการมีเพื่อน และไม่มีใครดูถูกข้าอีก ไม่มีใครมองข้าเป็นตัวโง่เง่าอีกต่อไป ข้าถูกรังแกนางก็หาทางให้ข้าได้แก้แค้นด้วยตนเอง แถมนางยังสอนหลักการดำเนินชีวิตให้ข้ามากมายด้วย…เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ในอดีตข้าไม่เคยได้สัมผัสเลย อยู่กับนางข้ามีความสุขมากจริงๆ” ซ้ำยังโบกกำปั้นน้อยๆ ขมขู่เยี่ยนเฉิน “ดังนั้นท่านห้ามหาเรื่องนาง มิเช่นนั้นข้าจะไม่สนใจท่าน!”
เยี่ยนเฉินพูดไม่ออก
เขาได้รับความสะเทือนใจยิ่งนัก เขานึกถึงถ้อยคำที่กู้ซีจิ่วเคยสั่งสอนเขา บอกว่าเขาเลี้ยงจิ้งจอกดั่งวิหคน้อยในกรง ยามนั้นยังรู้สึกไม่ยอมรับอยู่บ้าง ทว่ายามนี้จู่ๆ ก็เข้าใจขึ้นมา!
เมื่อก่อนเขาเพียงปกป้องนางไว้ใต้ปีก คิดเพียงว่าจะให้นางได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุด แต่กลับไม่เคยพิจารณาเลยว่าความจริงแล้วนางต้องการอะไร…
เมื่ออยู่ข้างกายเขา จิ้งจอกน้อยถูกเขาเลี้ยงไว้ดั่งนกคีรีบูน…
แต่พออยู่ข้างกายกู้ซีจิ่ว จิ้งจอกน้อยถูกนางฝึกปรือจนกลายเป็นเหยี่ยวน้อย ให้นางได้สัมผัสความสุขจากการกางปีกเหินเวหา
ไม่แปลกใจเลยที่จิ้งจอกน้อยจะชอบกู้ซีจิ่วมากกว่า…
เฮ้อ แพ้เสียแล้ว!
เยี่ยนเฉินหดหู่และสะท้อนใจไปในเวลาเดียวกัน
แน่นอนว่ารู้สึกขัดตาแม่จิ้งจอกน้อยข้างกายที่ช่างไม่รู้เรื่องรู้ราวเสียบ้างเลย ไม่อยากสนใจนาง
“พี่เยี่ยนเฉิน ทางนั้นมีละครลิง พวกเราไปดูกันไหม?” หลานไว่หูไม่ทราบว่าทำให้เยี่ยนเฉินขุ่นเคืองเข้าแล้ว จึงดึงแขนเสื้อเขาแล้วเขย่าไปมา
“ไม่ไป! เจ้าก็ให้กู้ซีจิ่วไปดูเป็นเพื่อนเจ้าสิ!” เยี่ยนเฉินเชิดหน้าไม่มองนาง
“แต่ว่า…แต่ว่าซีจิ่วไม่ได้อยู่ที่นี่นะ”
“หากว่านางอยู่ที่นี่เจ้าก็จะไปกับนางใช่ไหม?!”
“ไม่ใช่” หลานไว่หูส่ายหน้า
อารมณ์หดหู่ในใจเยี่ยนเฉินดีขึ้นมาเล็กน้อย “เจ้ามิใช่บอกว่านางดีที่สุดหรอกหรือ?”
“แต่นางไม่ให้ข้าตามนางในเวลาว่าง นางบอกว่าทุกคนล้วนมีเวลาส่วนตัว เวลาที่นางอยากคิดอะไรเงียบๆ จะไม่ชอบให้คนอื่นไปรบกวนนาง…” หลานไว่หูกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ
————————————————————————————-
บทที่ 674 แล้วทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายล่ะ?
เยี่ยนเฉินกระอักแล้ว!
เขาสะบัดหน้าจากไปทันที เขาก็ต้องการเวลาส่วนตัวเหมือนกัน เขาก็อยากคิดอะไรเงียบๆ บ้าง!
….
“พอแล้ว อย่ามองเลย พวกเขาไปกันแล้ว” เงาร่างคนทั้งสองหายลับไปในฝูงชนแล้ว ทว่าสายตาของกู้วีจิ่วยังคงมองไปยังทิศทางนั้นอยู่
มือของหลงซือเย่โบกอยู่ตรงหน้าเธอ ในที่สุดเธอก็รู้สึกตัว
กู้วีจิ่วมองเขาแวบหนึ่ง “คุณก็รู้จักพวกเขาเหรอ?”
“พวกเขาเป็นเพื่อนของเธอใช่ไหมล่ะ? ฉันต้องรู้จักอยู่แล้ว แถมเยี่ยนแนคนนั้นก็มีชื่อเสียงขนาดนั้น” หลงซือเย่ตอบด้วยท่าทีสบายๆ
“คุณคงไม่ได้จับตามองความเคลื่อนไหวของฉันอยู่ตลอดใช่ไหม?”
ข้อสงสัยนี้ของกู้ซีจิ่วมีความเป็นไปได้ยิ่งนัก! ไม่งั้นเขาจะรู้มากขนาดนี้ได้ยังไง?!
หลงซือเย่นวดคลึงหว่างคิ้ว “เธอคิดมากไปแล้ว ฉันสนิทกับกับกู่ฉานโม่อยู่บ้าง ระยะนี้เขาเล่าเรื่องเธอให้ฉันฟังตั้งเยอะ และภูมิใจในตัวเธอมาก เขายังบอกด้วยว่าเธอปล้นหินวิญญาณเขาไปไม่น้อย…”
ยามที่เอ่ยประโยคหลังออกมามุมปากก็หยักเป็นรอยยิ้ม เอ่ยเสริมอีกประโยคหนึ่ง “แน่นอนว่าฉันก็ภูมิใจในตัวเธอด้วยเหมือนกัน”
“คุณสนิทกับกู่ฉานโม่มากเหรอ?” กู้ซีจิ่วนึกไม่ถึงว่ากู้ฉานโม่ก็มีช่วงเวลาที่พูดมากเหมือนกัน
“ฉันเคยเป็นลูกศิษย์ที่เขาภาคภูมิใจที่สุด” หลงซือเย่ก็ไม่ปิดบังเช่นกัน
กู้ซีจิ่วตะลึง ไม่คิดว่าเขาก็สำเร็จการสึกษาจากที่นี่เหมือนกัน เธอนึกถึงคำถามข้อหนึ่งขึ้นมาได้จึงเอ่ยถาม “สานุศิษย์สวรรค์ต้องมาที่นี่ทุกคนใช่ไหม?”
“เท่าที่ฉันรู้มา เป็นแบบนั้นจริงๆ”
“แล้วทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายล่ะ?” กู้ซีจิ่วหลุดปากถามออกมา
“เขา…” หลงซือเย่ขมวดคิ้ว ส่ายศีรษะพลางตอบ “เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้ เขาอายุมากกว่าพวกเราทั้งหมด มีชื่อเสียงมานานแล้ว แถมเขายังทำอะไรลึกลับซับซ้อน ดังนั้นเลยไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของเขา”
“ที่แท้เขาก็อายุมากที่สุดในบรรดาพวกคุณ มิน่าล่ะเขาถึงเป็นผู้ถ่ายทอดคำสั่งของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ประจำ การทดสอบสานุศิษย์สวรรค์ก็เป็นหน้าที่ของเขา” กู้ซีจิ่วเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว
หลงซือเย่ยิ้มขื่น “อันที่จริง คนที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ไว้ใจที่สุดก็คือเขา บางครั้งคนบัดซบผู้นี้ก็ทำตัวเป็นจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ…”
“ฉันได้ยินว่าเขาเป็นคนทดสอบฐานะสานุศิษย์สวรรค์ของคุณใช่ไหม?”
หลงซือเย่ถอนหายใจ “อันที่จริงฉันก็เหมือนเธอนั่นแหละ เนื่องจากฉันมีความทรงจำมาตั้งแต่เกิด ก็เลยมีความสามารถพิเศษ ความรู้ทั้งหมดก็ไม่ใช่สิ่งที่โลกใบนี้สมควรรู้ เลยถูกเอาไปลือกันแปลกๆ ตอนนั้นฉันอายุยังน้อย เกิดในสถานที่อันห่างไกล ดังนั้นจึงไม่ทราบว่าสานุศิษย์สวรรค์คืออะไร พอมีคนเข่นถามว่าฉันเรียนรู้ทุกอย่างมาจากไหน ฉันร้อนรนไปชั่วขณะเลยตอบไปว่าเป็นพรสวรรค์ฟ้าประทาน ผลคือ…เกิดข่าวลือแพร่ออกไป! ไม่กี่วันต่อมาเขาก็มาเยือนถึงหน้าประตู จับฉันไปทดสอบด้วยตัวเอง…”
“เขาเคยทรมานคุณไหม?”
“ยิ่งกว่าทรมานเสียอีก…” หลงซือเย่ยิ้มขื่น เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่คความทรงจำที่ดีนัก คิ้วเขาขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ “สานุศิษย์สวรรค์ทุกคนเคยถูกเขาทรมานจนเกือบตายมาแล้วทั้งนั้น โดยเฉพาะหลังจากทดสอบสำเร็จ ต่อไปก็เป็นการฝึกนรกทันที ทำผิดนิดหน่อยก็จะถูกลงโทษ บทลงโทษรุนแรงมาก ตอนนั้นฉันหวังจะให้ตัวเองไม่ถือกำเนิดขึ้นมาใจจะขาด…เพียงแต่วิธีนี้ของเขาก็เป็นวิธีที่ฝ่าทะลวงขั้นได้รวดเร็วที่สุดจริงๆ เรื่องที่คนอื่นฝึกฝนมาเป็นร้อยปีก็ยังไม่แน่ว่าจะทำได้ ทว่าเหล่าสานุศิษย์สวรรค์ใช้เวลาแค่ยี่สิบปีก็ทำได้แล้ว…”
นี่อยู่เหนือความคาดหมายของกู้ซีจิ่วอยู่บ้าง “วรยุทธ์ของพวกคุณล้วนเป็นเขาสอนให้หรือ?”
หลงซือเย่ส่ายหน้า “เขาไหนเลยจะมีเวลาขนาดนั้น? ทักษะบางอย่างของพวกเราก็มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด ความสามารถหลักจะใช้เป็นเองอย่างน่าประหลาด แถมพวกเราก็ได้รับคำชี้แนะจากท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ในความฝันด้วย ได้รับตำราล้ำค่าที่เกี่ยวข้อง ตี้ฝูอีคือผู้ดูแล ส่วนใหญ่เขาจะมาตรวจสอบพวกเราเดือนละครั้ง หากผ่านเกณฑ์ก็กลับไปฝึกฝนที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ต่อ หากไม่ผ่านเกณฑ์…”