บทที่ 695 ข้าไม่ต้องการเจ้า 3
แต่อย่างไรเขาก็อยู่ในชั้นเรียนเมฆาคล้อยไปวันๆ เนิ่นนานถึงเพียงนั้น ทรัพยากรไม่สมบูรณ์เท่าศิษย์ในชั้นเรียนเมฆาม่วง ด้วยกำลังรบในปัจจุบันของเขา หากมิใช่กู้ซีจิ่วคอยบัญชา คาดว่าเขาคงสิ้นท่าไปแล้ว
ในใจเขาก็มีความคิดเพียงอย่างเดียวเช่นกัน สู้! ถึงแม้สุดท้ายจะยังคงพ่ายแพ้อยู่ ก็ต้องแพ้อย่างงดงามหน่อย ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเสียค่าตอบแทนบ้าง!
ความจริงแล้วสองพี่น้องเล่อชิงซิ่งและเล่อจื่อซิ่งก็ตึงเครียดเช่นกัน เมื่อก่อนตอนที่เขาต่อสู้กับผู้อื่นล้วนสามารถวัดคนกระเด็นไปได้ภายในไม่กี่สิบกระบวนท่า ไม่เคยต้องสู้นานขนาดนี้มาก่อน!
พวกเขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่ากลุ่มที่อยุ่ตรงหน้าจะสามารถยื้อไว้ได้นานถึงเพียงนี้! พวกเขาใช้พลังทั้งหมดแล้ว สู้มาจนถึงยามนี้ก็ได้เปรียบพียงน้อยนิดเท่านั้น
อันที่จริงผู้ที่แข็งแกร่งก็นับถือผู้ที่แข็งแกร่งมากเช่นกัน พี่น้องคู่นี้เดิมทีไม่เห็นกลุ่มกู้ซีจิ่วอยู่ในสายตาเลย ทว่าบัดนี้กลับถูกจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ของพวกเขาสั่นสะเทือนแล้ว…
คนเช่นนี้ไม่ว่าเป็นคู่ต่อสู้หรือว่าเป็นสหาย ก็ควรค่าให้คนเลื่อมใสทั้งสิ้น มีค่าพอให้นับถือ!
ท่ามกลางคนเหล่านี้อวิ๋นชิงหลัวมีวรยุทธ์สูงที่สุด แถมนางยังโตที่สุดด้วย
ช่วยไม่ได้ ฐานะสานุศิษย์สวรรค์ของนางถูกค้นพบช้าไป อายุสิบแปดปีแล้วถึงถูกขุดพบ…
ตอนนี้เมื่อเทียบกับอีกหลายคนแล้ว นางค่อนข้างผ่อนคลาย บนหน้าผากมีเหงื่อเพียงเล็กน้อย อาภรณ์บนร่างยังไม่เปียกโชก ยังคงงดงามปานเทพธิดาผู้ล่องลอยเหมือนเดิม
แต่ยามนี้ในใจนางกลับเป็นทุกข์อยู่บ้าง นางนึกว่ารอบที่สองนี้จะสามารถเอาชนะพวกกู้ซีจิ่วได้สบายๆ เช่นเคย ไม่แน่อาจจะง่ายดายกว่ารอบแรกด้วยซ้ำ ดังนั้นก่อนหน้านี้นางจึงพูดจาวางโตเช่นนั้นออกไป
นึกไม่ถึงว่ารอบที่สองจะสู้กันยืดเยื้อเช่นนี้ อีกฝ่ายเลื่อนระดับได้ไวเกินไปแล้ว!
รอบที่สองนี้เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนกลยุทธ์แล้ว บ่อยครั้งที่จับข้อบกพร่องที่ปรากฏขึ้นเพียงแวบเดียวของพวกเขาได้แล้วโจมตีเข้ามาอย่างรุนแรง มีหลายครั้งที่ไล่ต้อนจนนางทำอะไรไม่ถูกได้
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ต่อให้กลุ่มตนเอาชนะในรอบนี้ได้ก็เป็นการชนะอย่างเฉียดฉิวเท่านั้น รอบต่อไปก็ยากจะพูดแล้ว!
กล่าวอีกนัยคือรอบต่อไปมีความเป็นไปได้สูงที่อีกฝ่ายจะชนะ!
หากรู้เช่นนี้แต่แรก นางไม่พูดจาวางโตเช่นนั้น ยามนี้กลายเป็นทุ่มหินทับเท้าตนเข้าเสียแล้ว คิดจะเก็บกลับมาก็สายไปแล้ว!
ไม่ได้การแล้ว รอบนี้นางจำเป็นต้องแสดงฝีมืออย่างดุเดือด ต้องทุบตีอีกฝ่ายจนพิการให้ได้ ทำให้พวกเขาลงสนามรอบต่อไปอีกไม่ได้!
อารมณ์รุนแรงวาบผ่านดวงตา นางกัดลิ้นทันที ภายใต้ความเจ็บปวดรุนแรงพลังยุทธ์จะถูกกระตุ้นขึ้นจนมาถึงสิบสองส่วน โจมตีใส่หลานไว่หูปานพายุคลั่ง!
ในบรรดาคนทั้งสาม วรยุทธ์ของหลานไว่หูแย่ที่สุดและจัดการได้ง่ายที่สุด ขอเพียงทำให้นางพิการก็จัดการได้ง่ายแล้ว!
ระหว่างการต่อสู้ที่ดุเดือดนางเผยช่องออกมา หลีกเลี่ยงการประทะกับลูกไฟยักษ์ของเชียนหลิงอวี่ ลำแสงทองจากมือขวาสกัดกั้นวิชาแยกวายุของกู้ซีจิ่ว กระบี่ล้ำค่าปรากฏขึ้นมาในมือซ้าย แสงเยียบเย็นส่องวาบ สาดเข้าใส่หลานไว่หู!
ก่อนหน้านี้ยามที่ต่อสู้มือซ้ายของนางจะประสานกับมือขวาของนางอยู่เสมอ ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดทราบว่าอันที่จริงแล้วนางก็ใช้กระบี่มือซ้ายได้ร้ายกาจมากเช่นกัน จู่โจมคนจนถึงแก่ชีวิตอยู่ประจำ
และทิศทางที่กระบี่ของนางพุ่งเข้าใส่คือทรวงอกด้านซ้ายของหลานไว่หู รวดเร็วดั่งดาวตกว่องไวปานฟ้าแลบ ด้วยความสามารถของหลานไว่หูในยามนี้นางย่อมหลบไม่พ้น!
ดังนั้นขอเพียงถูกแทง หากไม่ตายนางก็ต้องพิการแน่นอน!
กระบี่นี้ของนางจู่โจมอย่างน่าประหลาดใจเกินไป! เรียกได้ว่าแทบจะอยู่นอกเหนือความคาดหมายของทุกคน
เยี่ยนเฉินหน้าเปลี่ยนสี รีบร้อนไปหมายจะช่วยเหลือ แต่จะทันได้อย่างไร?
เคราะห์ดีที่ถึงเขาจะไปไม่ทันก็ยังมีคนที่เข้าไปทัน!
เมื่อถึงยามคับขันเข้าจริงๆ ย่อมไม่มีผู้ใดรวดเร็วกว่าตี้ฝูอีที่ชมการประลองพลางคาดเดาเหตุการ์ไว้ล่วงหน้าอยู่ตลอด!
นิ้วมือเขาขยับเล็กน้อย ทันใดนั้นลำแสงสีทองก็รวมตัวกัน ขณะที่กำลังจะดีดออกไป เบื้องหน้าพลันพร่ามัว กู้ซีจิ่วที่เดิมทีอยู่รอบนอกของหลานไว่หูไม่แยแสกระบวนท่าที่ฝาแฝดคู่นั้นจู่โจมใส่ ใช้วิชาเคลื่อนย้ายไปปรากฏหน้าร่างหลานไว่หูทันที จากนั้นก็ใช้วิชาเคลื่อนย้ายเข้ามารับกระบี่ของอวิ๋นชิงหลัว!
วิชาเคลื่อนย้ายของเธอรวดเร็วเป็นที่สุด รวดเร็วกว่าปฏิกิริยาตอบสนองของทุกคน และเร็วกว่าการเคลื่อนไหวของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายและหลงซือเย่…
‘ฉึก!’ กระบี่ล้ำค่าของอวิ๋นชิงหลัวแทงเข้าที่อกขวาของกู้ซีจิ่ว
————————————————————————————-
บทที่ 696 ข้าไม่ต้องการเจ้า 4
‘ฉึก!’ กระบี่ล้ำค่าของอวิ๋นชิงหลัวแทงเข้าที่อกขวาของกู้ซีจิ่ว ความเร็วในการเคลื่อนย้ายของกู้ซีจิ่วว่องไวเหลือเกิน เธอไม่หยุดฝีเท้าเลย ไม่สนใจกระบี่ล้ำค่าที่แทงทะลุอกขวาเคลื่อนย้ายไปปรากฏเบื้องหน้าอวิ๋นชิงหลัวทันที ซัดฝ่ามืออันทรงอานุภาพออกไป!
‘ปัง!’ ฝ่ามือของเธอซัดใส่ทรวงอกของอวิ๋นชิงหลัวอย่างจัง!
จะอย่างไรอวิ๋นชิงหลัวก็คิดไม่ถึงว่ากู้ซีจิ่วจะใช้วิธีเช่นนี้มาสู้สุดชีวิตกับนาง ถึงขั้นไม่เกรงกลัววซึ่งความตายเลย!
ระหว่างที่นางตกตะลึงก็ถูกฝ่ามือกู้ซีจิ่วซัดกระเด็นออกไป หล่นลงไปจากเวที…
การเปลี่ยนแปลงนี้รวดเร็วเกินไป ทุกอย่างแทบจะจบสิ้นในชั่วพริบตาเดียว
จวบจนยามนี้ฝูงชนที่อยุ่ด้านล่างเวทีถึงได้ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ…
อวิ๋นชิงหลัวหล่นกระแทกพื้นเสียงดังปัง ทรวงอกของนางเจ็บปวดอย่างยิ่ง รู้สึกว่าซี่โครงของตนถูกซัดหักแล้ว…
ส่วนกู้ซีจิ่วที่ถูกกระบี่เสียบอก กระบี่เล่มนั้นแทงทะลุจากทรวงอกด้านหน้าของเธอ โผล่ออกมาที่ด้านหลัง โลหิตพุ่งกระฉูดออกมาจากหน้าอกและแผ่นหลังเธอ เธอยืนอยู่ตรงนั้นร่างกายซวนเซเล็กน้อย แต่กลับยิ้มออกมา ยิ้มอย่างภูมิใจ “อวิ๋นชิงหลัว เจ้าแพ้แล้ว!”
คณะอาจารย์ทั้งหมดที่อยู่บนเวทีลุกพรวดขึ้นมา แม้แต่ตี้ฝูอีก็หน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน ร่าสงเขาไหววูบ พุ่งเข้าหากู้ซีจิ่ว…
หลงซือเย่ก็ทะยานเข้ามาในเวลาเดียวกัน “ซีจิ่ว!”
กู้ซีจิ่วฝืนไว้ไม่อยู่อีกต่อไป ร่างกายล้มหงายหลัง หล่นลงในอ้อมแขนคนผู้หนึ่ง
อ้อมแขนคนผู้นั้นมีกลิ่นหอมอื่นจางที่คุ้นเคย เคยโอบกอดเธอเอาไว้หลายครา เคยทำให้เธอลุ่มหลง ถึงขั้นอาวรณ์อยุ่บ้าง แต่ตอนนี้พอเธอร่วงสู่อ้อมแขนคนผู้นี้ กลับเสมือนถูกแมงป่องต่อย รีบดิ้นรนทันที “ปล่อยนะ!”
ในเวลาเดียวกันนี้หลงซือเย่ได้พุ่งมาอยู่ด้านหน้าแล้ว ช้ากว่าตี้ฝูอีเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น พลาดโอกาสจากกู้ซีจิ่วไปต่อหน้าต่อตา บัดนี้เขายืนอยู่เบื้องหน้าตี้ฝูอี สีหน้าเขาไม่ดียิ่งนัก “ตี้ฝูอี มอบนางให้ข้า!”
ตี้ฝูอีไม่มองหลงซือเย่เลย แขนซ้ายโอบกู้ซีจิ่วไว้ มือขวาวนเวียนอยู่ที่บดแผลเธอ “เจ้าบ้าไปแล้ว!”
ยามนี้กู้ซีจิ่วรู้สึกเจ็บปวดจนตัวเธอขดงอแล้ว ใบหน้าเธอซีดเผือด ทว่าไม่อยากสัมผัสใกล้ชิดกับตี้ฝูอี จึงดิ้นรนอย่าไม่คิดชีวิต “เจ้าปล่อยข้านะ! เจ้าสำนักหลงช่วยข้าด้วย…”
หลงซือเย่ก็เอ่ยขึ้นว่า “ให้ข้าดูอาการนาง!”
คิดจะแย่งตัวคนมา…
แต่ตี้ฝูอีขยับร่างแวบหนึ่ง หลบหลีกเขา จากนั้นก็อุ้มคนหายไปในชั่วพริบตา
หลงซือเย่โกรธจนตัวสั่น “ตี้ฝูอี เจ้าจะพานางไปไหน?!”
ตี้ฝูอีหายไปว่องไวนัก มือเขายื่นออกมาทว่าแม้แต่มุมชุดของอีกฝ่ายก็ฉวยไว้ไม่ได้ อาจารย์ของชั้นเมฆาม่วงห้องหนึ่งปราดมาขวางเขาไว้ “เจ้าสำนักหลง ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมิใช่แม่นางกู้คนเดียว นู่น ยังมีแม่นางอวิ๋นด้วย รบกวนท่านช่วยดูอาการนางทีเถิด”
ยามนี้หลงซือเย่ไหนเลยจะสนแม่นางเมฆแม่นางฝน[1]อะไรอีก เขาคร้านจะพูดจาไร้สาระกับผู้อื่น ร่างกายวูบไหวหายไปทันที
อวิ๋นชิงหลัวที่อยู่บนพื้นเพิ่งจะเงยหน้าขึ้นมา ซี่โครงของนางหักไปอย่างน้อยสี่ซี่ จะหายใจก็แทบลำบากแล้ว แต่กลับจ้องเขม็งไปบนเวทีในทิศทางที่กู้ซีจิ่วหายลับไป ใบหน้าซีดขาวจนน่ากลัว ขนริมฝีปากแน่นจนเลือดออก…
ฝ่ายหลานไว่หูและคนที่เหลือก็เพิ่งมีปฏิกิริยาตอบสนองในยามนี้ หลานไว่หูมองโลหิตที่เจิ่งนองอยู่ใต้ฝ่าเท้า ตกใจจนใบหน้าน้อยไร้สีเลือด “ซีจิ่ว…”
ฝูงชนก็มีอาการเจ้ามองข้า ข้ามองเจ้าเช่นกัน
จากนั้นสายตาก็หันเหไปที่ร่างอวิ๋นชิงหลัวอย่างพร้อมเพรียง
เมื่อครู่ถึงแม้ทุกคนจะขวางไว้ไม่ทัน แต่ทุกคนก็เห็นการจู่โจมด้วยกระบี่เล่มนั้นของอวิ๋นชิงหลัวอย่างชัดเจน
กระบี่นั้นโหดเหี้ยมและเจ้าเล่ห์ยิ่ง เสมือนปฏิบัติต่อศัตรูคู่อาฆาต ถ้าตำแหน่งที่เล็งเป็นทรวงอกด้านซ้ายของหลานไว่หู มิใช่กู้ซีจิ่วทุ่มสุดชีวิตเพื่อสกัดไว้ ยามนี้ผู้ที่นอนอยู่บนพื้นคงเป็นหลานไว่หูแล้ว!
ถึงแม้จะกล่าวไว้ล่วงหน้าชัดเจนแล้วว่าการประลองครั้งนี้เดิมพันด้วยชีวิต ทุกคนต้องทุ่มเทสุดกำลัง แต่…
————————————————————————————-
[1] เป็นการเล่นคำ ตัวอวิ๋นในชื่อของอวิ๋นชิงหลัว มีความหมายว่าเมฆ