บทที่ 699 ข้าไม่ต้องการเจ้า 7
กู้ซีจิ่วเจ็บปวดจนสมองโง่งมไปแล้ว ยามนี้ปฏิเสธที่จะใคร่ครวญ เธอมีแค่ลางสังหรณ์ของเธอ และลางสังหรณ์ของเธอมีสาเหตุมาจากท่าทีบนเวทีก่อนหน้านี้ของตี้ฝูอี…
และจิตใต้สำนึกของเธอก็ไม่ต้องการให้เขาสัมผัสเธอ ดังนั้นเธอจึงหดกายไปด้านหลังเล็กน้อย เนื่องจากนั่งไม่อยู่ มือจึงจับเสาเตียงไว้ พยาพยามจะอยู่ให้ห่างจากอ้อมกอดเขาทีละนิด ห่างไปอีกนิด
ตอนนี้เธอไม่อยากพูดจากับเขาให้มากความ เธอรู้แค่ว่าเธอเจ็บมาก และหลงซือเย่เป็นหมอที่เก่งกาจด้านการผ่าตัดอย่างไร้ผู้ใดเทียม
เธอกัดฟันข่มความเจ็บปวดไว้ พยายามใช้คำพูดที่เข้าเค้าขึ้นมาหน่อย “หากท่านหวังดีต่อข้าจริงๆ ก้เชิญเจ้าสำนักหลงเข้ามา เชิญเขาเข้ามา ข้าต้องการเขา…”
นางต้องการเขา นางต้องการหลงซือเย่!
มือของตี้ฝูอีกำแน่นอีกครั้ง นิ่งไปครู่หนึ่งถึงเอ่ยถาม “เจ้าไม่กลัวว่าเขาจะฉวยโอกาสดึงวิญญาณเจ้าไปคืนชีพให้ซากน้ำแข็งนั้นหรือ?”
“ไม่หรอก เขาไม่ทำหรอก คนที่เขาต้องการคืนชีพให้ก็คือข้า…”
กู้ซีจิ่วไม่อยากต่อความยามสาวความยืดกับเขาต่อแล้ว แทบจะมองเขาอย่างอ้อนวอน “ท่านให้เขาเข้ามาเถอะ…เขามีวิธีรักษาข้า ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย…ซีจิ่วกับท่าน…ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ แล้ว และไม่ต้องการความช่วยเหลือจากท่าน ท่านจงให้เจ้าสำนักหลงเข้ามา…”
เธอพยายามพูดจาให้สุภาพขึ้นมาหน่อย พยายามมีท่าทีเคารพนบน้อบ “ท่าน…ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ขอท่านโปรดเมตตา…”
ตี้ฝูอีเงียบงัน
ใบหน้าเขาซีดขาวอยู่เบื้องหลังหน้ากาก
ผลักนางออกไปจากข้างกายตนคือสิ่งที่เขาต้องการ ต้องการตัดทางถอยของตนเสีย ทำให้ตนหันกลับไปไม่ได้อีก
เพื่อไม่ให้พัวพันกับความยุ่งยากไม่ชัดเจน ที่จะทำให้ตนและนางต้องเป็นทุกข์
แต่ยามนี้ได้เห็นผลลัพธ์ที่แท้จริงแล้ว นางไม่ต้องการเขาแล้วจริงๆ มองเขาเหมือนภัยพิบัติร้ายแรง เขาเหมือนกลับไปไต่หน้าสูงหมื่นจั้งด้วยเท้าเดียวอีกครั้ง!
ปรารถนาจะโอบนางไว้ในอ้อมแขนยิ่งนัก ปรารถนาจะบรรเทาความเจ็บปวดบนร่างนางเหลือเกิน ปรารถนาจะปกป้องนางไว้ใต้ปีกตนไม่ให้ถูกลมฝนด้านนอกซัดสาดอีกแล้ว ปรารถนาให้ในใจนางมีเขาเพียงผู้เดียว แต่ไม่ได้แล้ว…
เขาฝืนข่มกลั้นไม่กอดนางต่อ เพียงปกป้องเธออย่างระมัดระวังเท่านั้น อาการบาดเจ็บของนางไม่อาจล่าช้าได้…
ในที่สุดเขาก็ยกมือขึ้นดีดนิ้วคราหนึ่ง แว่วเสียงประตูเปิดออก หลงซือเย่ถลาเข้ามาทันที “ซีจิ่ว…”
ขอบคุณฟ้าดิน ในที่สุดหลงซือเย่ก็เข้ามาแล้ว!
ทันทีที่เธอโล่งอก ก็ทรงตัวนั่งไม่อยู่กว่าเดิม เบื้องหน้าพลันมืดมัว ศีรษะเกือบจะทิ่มลงบนพื้น เคราะห์ดีที่ตี้ฝูอีพยุงไว้ทัน ทำให้นางนั่งตรงๆ
“ขอบคุณมาก” ในยามที่จำเป็นกู้ซีจิ่วก็ยังคงกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพและมีมารยาทยิ่งนัก จากนั้นเธอก็จับเสาเตียงพยุงไว้ ออกห่างจากอ้อมแขนเขา
ยามที่หลงซือเย่เข้ามาเห็นฉากนี้ กู้ซีจิ่วที่เลือดท่วมร่างกำลังนั่งหมิ่นๆ อยู่บนเตียง ตี้ฝูอีนั่งอยู่ข้างกายเธอ แขนข้างหนึ่งโอบประคองเธอไว้ เขาสวมหน้ากากไว้ทำให้คนมองไม่เห็นสีหน้าอารมณ์ เห็นเพียงริมฝีปากบางของเขาที่เจือรอยยิ้มไว้เสมอยามนี้กลับเม้มแน่นยิ่งนัก
ส่วนกู้ซีจิ่วใบหน้าน้อยๆ ซีดเซียวอย่างหนัก พอเห็นเขาเข้ามานัยน์ตาเธอพลันทอประกาย มองเขาอย่างเปี่ยมด้วยความหวัง
ยามที่มนุษย์ป่วยคือช่วงที่อ่อนแอที่สุด ยามที่บาดเจ็บสาหัสย่อมเป็นช่วงที่อ่อนแอที่สุดเช่นกัน ช่วงเวลานี้คนที่เธอที่ปรารถนาจะเห็นที่สุดคือคนผู้นั้นที่เธอไว้ใจที่สุด…
ถึงแม้จะเคยประสบกับการหักหลังของหลงซี ทำให้ความเชื่อใจที่เธอมีต่อเขาลดลงไปมาก แต่อย่างไรเสียความเข้าใจผิดก็คลี่คลายไปเกือบหมดแล้ว ความเชื่อใจที่เธอมีต่อเขาจึงกลับคืนมาครึ่งหนึ่ง หากนำหลงซือเย่กับตี้ฝูอีในยามนี้มาเปรียบเทียบกัน เห็นได้ชัดว่าเธอไว้ใจหลงซือเย่มากกว่า
ส่วนตี้ฝูอี เธอก็เคยเชื่อใจเขาอยู่บ้างเหมือนกันเพียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหลายวันมานี้ทำลายความเชื่อใจที่เธอมีต่อเขาแล้ว…
หลงซือเย่ยังไม่ได้ตำหนิติเตียนอะไรตี้ฝูอี ถึงอย่างไรวรยุทธ์ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ก็เหนือกว่าเขามาก ถ้าปะทะกันขึ้นมาจริงๆ คงมีเพียงเขาที่เสียเปรียบ เขากับตี้ฝูอีอาจไม่เป็นไร แต่อาการบาดเจ็บของกู้ซีจิ่วกลับล่าช้าไปมากแล้ว
เมื่อหลงซือเย่เข้ามา หัวใจกู้ซีจิ่วก็สงบลงมากเธอหันไปมองตี้ฝูอี “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ไม่ว่าด้วยเหตุใดซีจิ่วก็ขอขอบคุณยิ่งนักที่ครานี้ท่านยอมยื่นมือมา ตอนนี้ก็มอบ…มอบเรื่องของซีจิ่วแก่เจ้าสำนักหลงเถิด ท่าน…ท่านโปรดออกไปเสีย อ…อวิ๋นชิงหลัวน่าจะต้องการการรักษาของท่านยิ่ง…”
————————————————————————————-
บทที่ 700 ให้ฉันดูแผลเธอก่อน…
แววตาของนางจริงใจ ท่าทาของนางก็จริงใจ ร่างกายของตี้ฝูอีแข็งทื่อเล็กน้อย หลุบตามองนาง “เจ้าอยากให้ข้าไปดูนางหรือ?” น้ำเสียงคล้ายสะกดกลั้นบางอย่างไว้ แฝงความหม่นหมองไว้รางๆ
ตอนนี้กู้ซีจิ่วเพียงอยากให้เขาจากไป จึงไม่สังเกตเห็นอารมณ์ที่ผันผวนของเขาเลย พยักหน้าทันที “ใช่ ถึงแม้นาง…นางจะลงมืออย่างชั่วร้ายก่อน แต่ด้วยฐานะของท่าน ยามนี้สมควรไปอยู่…ไปอยู่ข้างกายนางจริงๆ…”
ตอนนี้เขาคงจะเป็นคนรักของอวิ๋นชิงหลัวแล้ว เช่นนั้นมิใช่ว่าเขาสมควรไปอยู่ข้างกายอวิ๋นชิงหลัวหรอกหรือ?
ตี้ฝูอีมองนางครู่หนึ่ง “หากว่า…ข้าอยากเฝ้าอยู่ข้างกายเจ้าเล่า?”
กู้ซีจิ่วตะลึง
แววตาเธอเยียบเย็นลง ยิ้มเยาะ “ข้าไม่อยากให้ท่านอยู่ข้างกายข้า!”
คนผู้นี้เมื่อคืนยังอยู่กับอวิ๋นชิงหลัวในเทศกาลความรักอยู่เลย จู๋จี๋กันต่อหน้าเธอ วันนี้ตอนอยู่บนเวทีก็พูดคุยกับอวิ๋นชิงหลัวอยู่ตลอด จู่ๆ เหตุใดยามนี้ถึงได้มาเล่นละครมามีเยื่อใยต่อเธออยู่ที่นี่อีกเล่า? จะเหยียบเรือสองแคมหรือ?
หรือว่าเขาจะคิดแบบเดียวกับผู้ชายส่วนใหญ่ในยุคนี้ ของเพียงเป็นสตรีที่ชมชอบก็จะรั้งไว้ข้างกายทั้งสิ้น คิดจะเปิดฮาเร็มสาวงามหรือ?
หากกล่าวว่าการกระทำทั้งหมดของเขาก่อนหน้านี้เป็นการตบหัวเธอ เช่นนั้นยามนี้คิดจะมาลูบหลังสินะ?
เธอไม่ต้องการ! อย่าว่าแต่เขาจะลูบหลังเธอเลย ต่อให้เขามอบถุงน้ำผึ้งที่หอมหวานให้เธอก็ไม่ยอมรับ!
ความโกรธเกรี้ยวปะทุขึ้นมาในทรวง เธออดไม่ได้ที่จะสูดหายใจถี่ๆ แต่แบบนี้ยิ่งทำให้บาดแผลที่ทรวงอกถูกกระเทือนกว่าเดิม รู้สึกเพียงว่าพลังวิญญาณในร่างเธอไหลออกไปเร็วกว่าเก่า แน่นอนว่าความเจ็บปวดนั้นก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวด้วย ทำให้คนเข็มแข็งแบบเธอแทบจะกรีดร้องออกมา!
“เจ้าปล่อยนางซะ!” เห็นชัดว่าหลงซือเย่มองออกว่าอารมณ์ของกู้ซีจิ่วแปรปรวน วาดแขนออกไป ผลักตี้ฝูออกไปทันที
ตี้ฝูอีใจลอยอยู่บ้าง เมื่อถูกเขาผลักก็ซวนเซ ถอยหลังไปหลายก้าว
หลงซือเย่ก็คิดไม่ถึงว่าจะสำเร็จง่ายดายเช่นนี้ ตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่หลังจากนั้นก็โอบกู้ซีจิ่วเข้ามาไว้ในอ้อมอกทันที
เดิมทีกู้ซีจิ่วก็เจ็บจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่แล้ว ยามนี้พอเปลี่ยนเป็นหลงซือเย่โอบประคองเธอไว้ เธอย่อมรู้สึกโล่งอก ร่างกายพลันอ่อนยวบ พิงอยู่ในอ้อมอกเขา บ่นพึมพำประโยคหนึ่ง “ครูฝึกหลง ระงับความเจ็บปวดได้หรือเปล่า? ระ…ระงับความเจ็บให้ฉันก่อน…บาดแผลนี้…เจ็บเกินไป เหมือนมีตัวต่อนับไม่ถ้วนต่อยอยู่ข้างในเลย…”
หลงซือเย่กอดเธอแน่น มองดวงหน้าที่แทบชุ่มไปด้วยเหงื่อของเธอ ตอบไปตามสัญชาตญาณ “ได้! ให้ฉันดูแผลเธอก่อน…”
สายตาหันเหไปยังกระบี่ที่เสียบอยู่บนอกเธอ ชะงักไปเล็กน้อย สังเกตดูรูปร่างกระบี่เล่มนั้นอย่างละเอียดอีกครั้ง สีหน้าค่อยๆ แปรเปลี่ยนไป “ซีจิ่ว ตอนนี้นอกจากเจ็บแล้วเธอยังรู้สึกอะไรอีกไหม?”
ถึงแม้เขาจะพยายามสงบเยือกเย็นสุดความสามารถแล้ว แต่น้ำเสียงก็ยังสั่นเครืออยู่เล็กน้อย
“เจ็บแทบตาย แล้วก็…แล้วก็ไม่มีแรง เรี่ยวแรงทั้งหมดล้วนถูกกระบี่เล่มนี้สูบออกไป รู้สึกคันนิดๆ ด้วย”
ตอนนี้กู้ซีจิ่วเจ็บจนเบื้องหน้ามืดมัวแล้ว ทว่ายังฝืนตอบ
ในอดีตเธอได้รับบาดผลน้อยใหญ่มาไม่รู้กี่หนต่อกี่หนแล้ว อย่าว่าแต่บาดแผลแทงทะลุเลย ต่อให้กระดูกหักก็เคยมาหลายครั้งแล้ว แต่เธอกลับไม่เคยเจ็บปวดขนาดนี้มาก่อน!
ในอดีตต่อให้บาดเจ็บสาหัสเธอก็สามารถแย้มยิ้มดั่งสตรีผู้ห้าวหาญได้ ถูกหลงซีขนานนามว่ากวนอูหญิง
แต่ตอนนี้ความเจ็บปวดนี้ทำให้เธออยากเป็นเหน็บชา อยากหลังน้ำตา อยากพุ่งชนกำแพง อยากฆ่าตัวตายซะ…
นิ้วหลงซือเย่แตะด้านกระบี่เบาๆ เห็นได้ชัดว่าใช้แรงน้อยนิดยิ่ง แต่กู้ซีจิ่วกลับเจ็บจนกายสั่นสะท้าน กันฟันเอ่ยออกมาว่า “อย่าแตะ…”
หลงซือเย่เงยหน้ามองตี้ฝูอีที่ยื่นอยู่ด้านข้างในทันใด สายตาคุกรุ่นดั่งเปลวแพลิง “เป็นกระบี่แฝงอคำสาปหรือหรือ?!”
ตี้ฝูอีพยักหน้า “ใช่!”
หลงซือเย่กำมือแน่น “อวิ๋นชิงหลัวผู้นี้ชั่วช้านัก! นางใช่สานุศิษย์สวรรค์จริงหรือ?”