บทที่ 763 นางในยามนี้ยอดเยี่ยมมากแล้ว
ตี้ฝูอียิ้ม “หลัวฮูหยินช่างตรงไปตรงมาจริงๆ! ซีจิ่วขอคารวะท่านอีกจอก”
หลัวซิงหลานย่อมไม่ปฏิเสธสุราคารวะที่มาจากบุตรสาว ด้วยเหตุนี้จึงดื่มอย่างไม่ลังเลอีกครา
เดิมทีฝูงชาคาดหวังว่าจะมีละครฉากแม่ลูกพบหน้าโอบกอดกันทั้งน้ำตา นึกไม่ถึงว่าละครจะกลายเป็นเช่นนี้ไป เลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง
กู่ฉานโม่ก็รู้สึกผิดหวังนิดๆ เช่นกัน เขารู้สึกว่าบุคลิกของ ‘กู้ซีจิ่ว’ ดูเหมือนจะผิดแผกไป ทว่าพูดออกเช่นกันว่าผิดแผกที่ตรงไหน ขณะที่เขาตกตะลึงอยู่ ‘กู้ซีจิ่ว’ ก็กวาดสายตามองมาแวบหนึ่ง “อาจารย์ใหญ่กู่ ควรจัดที่นั่งแก่หลัวฮูหยินมิใช่หรือ?”
กู่ฉานโม่กระแอมคราหนึ่ง “ใช่ๆ จัดที่นั่งให้หลัวฮูหยิน”
เดิมทีเขาเตรียมการจัดให้หลัวฮูหยินนั่งข้าง ‘กู้ซีจิ่ว’ ให้แม่ลูกได้พูดคุยกันดีๆ แต่สายตาที่ ‘กู้ซีจิ่ว’ มองเขาทำให้หนังศีรษะเขาชาหนึบ ครุ่นคิดแวบหนึ่ง สุดท้ายก็จัดให้หลัวฮูหยินนั่งตรงที่นั่งแขก…
กู้ซีจิ่วคาดไม่ถึงว่าตี้ฝูอีจะรับมือกับฉากที่ควรเป็นละครน้ำเน่าอย่างสี่ตำลึงปาดพันชั่งเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะเลื่อมใสยิ่งนัก! เก่งกาจเหลือเกิน!
เธอจึงส่งกระแสเสียงไปหา ‘ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ข้ารู้สึกว่าท่าทีที่ท่านปฏิบัติต่อหลัวฮูหยินดูเหมือนจะเย็นชาไปหน่อยหรือเปล่า?’
ตี้ฝูอีมองเธอแวบหนึ่งด้วยท่าทียิ้มมิเชิงยิ้ม ‘ไม่ต้องห่วง ก็เหมือนความอบอุ่นที่เจ้าจะมอบให้นางยามที่กลับเข้าร่างอีกครั้งนั่นแหละ’
กู้ซีจิ่วกระแอมเบาๆ คราหนึ่ง ไม่พูดอะไรอีก อันที่จริงเธอก็มอบความอบอุ่นให้ ‘มารดา’ ผู้นี้ไม่ได้เช่นกัน
เธอมองหลัวซิงหลานอย่างเห็นอกเห็นใจนัก นางนั่งอยู่ตรงนั้น แผ่นหลังเหยียดตรง ชัดเจนนักว่าเป็นหญิงแกร่งผู้หนึ่ง เพียงน่าเสียดายที่สายตาไม่ใคร่มีแวว แต่งให้ผิดคน ทำลายชั่วชีวิตของตน และทำร้ายชีวิตของบุตรสาวนาง…
บุตรสาวแท้ๆ ของนางตายไปนานแล้ว กู้ซีจิ่วคนปัจจุบันก็เป็นกู้ซีจิ่วที่ไม่โหยหาความรักของมารดามานานแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างไม่หวนกลับมาอีกแล้ว…
กู้ซีจิ่วทอดถอนใจให้แกหลัวฮูหยินผู้นี้ยิ่งนัก ตี้ฝูอีพลันส่งกระแสเสียงมา ‘ไม่จำเป็นต้องทอดถอนใจให้นาง อันที่จริงตัวนางในยามนี้ยอดเยี่ยมมากแล้ว’
‘หือ?’ กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว
‘หลังจากนางกระโดดหน้าสมองก็ได้รับบาดเจ็บ ลืมเลือนเรื่องราวก่อนหน้านี้ ถูกศิษย์พี่ของนางช่วยเหลือไว้ หลังจากนางหายดีทั้งคู่ก็ตกหลุมรักกัน สองปีให้หลังก็สมรสกัน ศิษย์พี่นางเป็นบุตรนอกสมรสของประมุขพรรคไร้นิวรณ์ [A1] ต่อมาประมุขพรรคไร้นิวรณ์ประสบวิกฤต เนื่องจากไม่มีบุตรธิดาคนอื่นอีก จึงให้ลูกนอกสมรสผู้นี้กราบไหว้บรรพชนรับเข้าตระกูล ผลักดันให้กลายเป็นประมุขน้อยแห่งพรรคไร้นิวรณ์ เข้าสู่พรรคครึ่งปีก็ได้สืบทอดตำแหน่งประมุขพรรคไร้นิวรณ์ หลัวซิงหลานก็กลายเป็นฮูหยินประมุขพรรค เนื่องจากหลัวซิงหลานใช้ชีวิตเรียบง่ายเก็บตัวไม่ออกไปไหนมาโดยตลอด และสามีใหม่ของนางก็ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องราวในอดีตของนาง ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดทราบเลยว่านางก็คือฮูหยินของกู้เซี่ยเทียนที่กระโดดหน้าผาคนนั้น หลังจากทั้งสองแต่งงานอยู่กินกัน หลัวซิงหลานก็ให้กำเนิดบุตรชายอีกสองคน สามปีที่แล้วก่อนที่สามีของหลัวซิงหลานล่วงลับไป เนื่องจากที่บุตรชายทั้งสองยังเยาว์วัยอีกทั้งรักใคร่ภรรยาสุดหัวใจ จึงมอบตำแหน่งประมุขพรรคให้หลัวซิงหลานสืบทอด ความสามารถในการเป็นผู้นำของหลัววิงหลานไม่เลว สองปีมานี้บริหารพรรคไร้นิวรณ์จนรุ่งเรืองก้าวหน้า กลายเป็นยอดหญิงแกร่งแห่งยุคอย่างแท้จริง…’
กู้ซีจิ่วนึกไม่ถึงว่าบทสรุปของหลัวซิงหลานจะเป็นเช่นนี้ ที่นึกไม่ถึงยิ่งกว่าคือตี้ฝูอีจะรู้มากถึงเพียงนี้! สิ่งที่รู้ครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งกว่านักสืบเอกชนเสียอีก!
ปีนั้นที่หลัวซิงหลานกระโดดหน้าผา กู้เซี่ยเทียนตามหาจนแทบพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ก็ไม่พบกระทั่งชายชุดของนางเลย นึกไม่ถึงว่าที่แท้นางกลายเป็นฮูหยินของประมุขพรรคไร้นิวรณ์ไปนานแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือยามนี้กลายเปนประมุขพรรคไร้นิวรณ์แล้ว สร้างครอบครัวใหม่ มีคนรักใหม่ มีบุตรใหม่…
ผลลัพธ์เช่นนี้หากให้กู้เซี่ยเทียนทราบเข้า ไม่รู้ว่าจิตใจจะเป็นเช่นใด
โลกมนุษย์ช่างไม่มีอะไรแน่นอน นี่ช่างเป็นโลกมนุษย์ไม่มีอะไรแน่นอนโดยแท้!
————————————————————————————-
บทที่ 764 ใช้ร่างนี้ของท่านเต้นรูดเสา
เพียงแต่สุดท้ายแล้วผลลัพธ์เช่นนี้ดีที่สุดสำหรับหลัวซิงหลานแล้วจริงๆ ต่อเคยให้เคยรักกันลึกล้ำแล้วอย่างไร? ก็ไม่อาจข้ามผ่านการเสื่อมถอยของกาลเวลาไปได้ คู่รักเปลี่ยนเป็นคู่แค้น สุดท้ายก็แตกหักเลิกรา โชคดีที่นางมีศิษย์พี่ที่หลงรักนางมาตลอด ยอมรับช่วงเวลาที่จนตรอกและลำบากที่สุดครองคู่กับนางจนถึงวัยโรยรา และรักกันไปชั่วชีวิต…
กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะมองตี้ฝูอีแวบหนึ่ง ‘ที่แท้ท่านก็ทราบเรื่องของนางอยู่ก่อนแล้ว ทว่าไม่เคยปริปากออกมาเลย’
น้ำเสียงตี้ฝูอีเรียบเฉย ‘ไม่จำเป็นต้องเอ่ย อีกทั้งนางก็ไม่ใช่มารดาของเจ้า!’
นี่ก็ใช่!
กู้ซีจิ่วไม่พูดอะไรอีก เธอยกชาขึ้นจิบอึกหนึ่ง
กู้ซีจิ่วรู้สึกขมขื่นอยู่บ้าง ร่างนี้ของตี้ฝูอียามนี้ไม่อาจลิ้มสุราได้ ดังนั้นขั้นตอนทั้งหมดในวันนี้เธอทำได้เพียงใช้ชาแทนสุรา โชคดีที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมีรสนิยมแปลกๆ อยู่แล้ว ไม่ว่าจะไปไหนล้วนใช้แต่จอกสุราของตนกาน้ำชาของตน ไม่เคยดื่มสิ่งของจากภายนอก ดังนั้นต่อให้เธอดื่มชาที่นี่ก็ไม่มีใครกล้าพูดเป็นอื่น
พิธีเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ กู้ซีจิ่วมองพิธีปักปิ่นยุคโบราณนี้แล้วรู้สึกสนุกสนานยิ่ง
เด็กสาวที่จะปักปิ่นต้องให้ผู้อาวุโสเกล้าผมให้ใหม่ ผู้อาวุโสที่ว่านี้ย่อมรับหน้าที่โดยมารดาของตน หากมารดาไม่อยู่ ก็สามารถเปลี่ยนเป็นญาติผู้หญิงคนอื่นที่มีคุณวุฒิสูงส่งได้
ยามที่พิธีเริ่มขึ้น จิ้งจอกน้อยและศิษย์หญิงคนอื่นๆ ได้ยกอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องขึ้นมา หลัวซิงหลานล้างมือให้สะอาด เตรียมไปเกล้าผมให้บุตรสาว…
นางติดค้างบุตรสาวคนนี้มากมายเหลือเกิน นางอยากจะชดเชยอะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้สักครั้ง…
ตี้ฝูอีกลับส่งกระแสเสียงไปหากู้ซีจิ่ว ‘เสี่ยวซีจิ่ว ข้าไม่ต้องการให้ผู้อื่นแตะต้อง เจ้ามาเกล้าผมให้ข้าที’
กู้ซีจิ่วไม่ขยับเขยื้อน ‘อาศัยสิ่งใดกัน? พวกเราเป็นชายหญิงมิพึงชิดใกล้!’
‘แม้แต่สังขารข้าเจ้าก็ยึดครองแล้ว ยังจะไม่ชิดเชื้ออีกหรือ? เร็วหน่อย! หรือเจ้าอยากให้ข้ายื่นความประสงค์ข้อนี้ต่อหน้าฝูงชนในยามนี้? เจ้าอย่าลืมนะ นี่คือร่างของเจ้า ถ้าข้าเป็นผู้ยื่นความประสงค์ ในสายตาทุกคนก็คือกู้ซีจิ่วเป็นฝ่ายที่ประสงค์ให้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมาเกล้าผมให้!’ ตี้ฝูอีข่มขู่
กู้ซีจิ่วตกตะลึง
‘หากว่าเจ้าปฏิเสธ เจ้าจะให้ร่างเจ้าเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ต้องทราบไว้ว่าคนที่ขายหน้ามิใช่ตัวข้า…’ ตี้ฝูอีส่งกระแสเสียงเข้ามาเรื่อยๆ
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก มารดามันเถอะเธอทำเป็นไม่ได้ยินได้หรือไม่?!
กู้ซีจิ่วก็ข่มขู่อย่างดุร้าย ‘ถ้าท่ายังบ่นจู้จี้เช่นนี้ต่อไป ข้าก็จะใช้ร่างนี้ของท่านเต้นรูดเสาต่อหน้าสาธารณะชน! ถึงอย่างไรผู้ที่เสียหน้าก็ไม่ใช่ข้า แต่เป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย!’
ตี้ฝูอีเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยถามด้วยความสงสัย ‘ข้ารู้จักการเต้น ทว่าการเต้นรูดเสาคืออันใด?’
‘เป็นการเต้นที่ยั่วยวนผู้คนยิ่งนักประเภทหนึ่ง โดยทั่วไปสตรีจะสวมชุดที่เปิดเผยเนื้อหนังเต้นไปรอบๆ เสาต้นหนึ่ง เคลื่อนไหวอย่างเร่าร้อนเย้ายวนและดึงดูดยิ่ง ทำให้บุรุษที่เห็นเลือดกำเดาไหล…’ กู้ซีจิ่วเล่าสรรพคุณของการเต้นรูดเสานี้อย่างออกรส จากนั้นก็กล่าวว่า ‘ถ้าท่านขู่ข้าอีก ข้าจะออกไปเต้นจริงๆ!’
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเต้นรูดเสาต่อหน้าสาธารณชน ฉากเช่นนี้แค่คิดน่าสะพรึงแล้ว
ตี้ฝูอีเงียบไปอีกครู่หนึ่ง แล้วถามต่อ ‘เจ้าเต้นเป็นหรือ?’
‘เป็นสิ! แถมยังเต้นได้ยอดเยี่ยมมากด้วย!’
ตี้ฝูอียิ้มบางๆ ‘ประเสริฐ’ แล้วเขาก็ไม่พูดอะไรอีก
กู้ซีจิ่วถูกคำว่า ‘ประเสริฐ’ ของเขาทำให้จิตใจกระสับกระส่าย เพียงแต่โชคดีที่เขาไม่บังคับเรียกร้องให้ไปเกล้าผมให้เขาอีก เธอจึงปล่อยเรื่องนี้ไปก่อน (ในอนาคตเธอถึงได้ทราบ ว่าเธอต้องจ่ายไปมากเท่าใดสำหรับเรื่องนี้ การเต้นรูดเสานี้กลายเป็นรายการที่เขาหมายมาดปรารถนา ทำให้เธออยากย้อนเวลากลับไปยิ่งนัก จะได้กลืนประโยคนี้กลับไปไม่พูดออกมา แน่นอน นี่คือถ้อยคำในอนาคต)