บทที่ 767 ยินดีด้วย สิ่งนี้มอบให้เจ้า
ตี้ฝูอีในร่างกู้ซีจิ่วยกน้ำชาให้เหล่าผู้อาวุโสทีละคน กู้ซีจิ่วที่มองอยู่ด้านบน รู้สึกว่าฉากเหล่านี้ช่างเหมือนขั้นตอนที่สะใภ้ใหม่ต้องยกน้ำชาคารวะผู้อาวุโสในตระกูวันแรกเลย
หลานไว่หูติดตามอยู่ข้างกายเขาดังสาวใช้ตัวน้อย คอยรินชาให้เขาถ้อยแล้วถ้วยเล่า จากนั้นเขาก็คารวะเหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ในงาน
ผู้ที่ต้องคารวะเป็นลำดับแรกย่อมเป็นกู้ซีจิ่วในร่างของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย กู้ซีจิ่วรับชาที่เขายกให้ รู้สึกปีติยินดียิ่ง ยากนักที่จะได้เห็นเจ้าคนผู้นี้คารวะน้ำชาตน…
ชานี้หอมเหลือเกิน!
เธอยื่นถุงเก็บของสีม่วงใบนั้นให้เป็นของขวัญ
กู้ซีจิ่วย่อมทราบว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเป็นผู้มั่งมีตัวจริง ของขวัญที่เขามอบออกไปมิใช่ของราคาถูก แต่ถุงเก็บของชั้นเลิศก็นับว่าเป็นของที่หายากนัก ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงไม่ได้นำถุงเก็บของสีม่วงใบนั้นมาคิดเป็นจริงเป็นจัง โยนใส่ถาดที่เชียนหลิงอวี่ผู้รับผิดชอบหน้าที่รับของขวัญถือตามหลังตี้ฝูอีมา น้ำเสียงก็ปกติธรรมดา พูดจาเป็นทางการ “ซีจิ่ว ยินดีด้วย สิ่งนี้มอบให้เจ้า”
ถุงเก็บของใบนั้นพลิกอยู่ในถาดตลบหนึ่ง แล้วจี้สีแดงสดเส้นหนึ่งก็กลิ้งออกมาจากในถุง
กู้ซีจิ่วตะลึงงัน นึกไม่ถึงว่าในถุงเก็บของจะยังซ่อนของไว้อีก แต่ของถูกมอบออกไปแล้ว เธอจะเก็บกลับมาอีกก็ไม่ได้
เธอมองจี้เส้นนั้นแวบหนึ่ง เห็นว่าจี้เส้นนั้นมีขนาดเท่าไข่นกพิราบ แดงเปล่งปลั่งอยู่ตรงนั้นปานพระอาทิตย์ดวงน้อย
กู้ซีจิ่วก็นับเป็นผู้ที่รู้คุณค่าสมบัติผู้หนึ่ง แต่เธอกลับมองวัตถุดิบของจี้เส้นนี้ไม่ออกไปชั่วขณะ
เพียงจากดูจากลักษณะแล้วราคาน่าจะไม่ต่ำเลย ขณะที่เธอกำลังคิดหาข้ออ้างน้ำจี้เส้นนั้นกลับมา
กลับนึกไม่ถึงว่าจี้ที่อยู่ในถาดจะกลิ้งไปกลิ้งมา จากนั้นก็ลอยขึ้นมา ร่อนลงบนคอของ ‘กู้ซีจิ่ว’ สายสร้อยสีเงินอ่อนพันวนไปรอบๆ ด้วยตัวมันเอง พันรอบคอ ‘กู้ซีจิ่ว’ ด้วยตัวเอง…
สวมให้ ‘กู้ซีจิ่ว’ โดยตัวมันเอง!
มือของกู้ซีจิ่วที่แต่เดิมกุมถ้วยชาอยู่พลันแข็งทื่อ นี่…นี่มันอะไรกัน?
ในฝูงชนมีคนตะโกนขึ้นมาอย่างตกตะลึง “ปีกคู่เหินหาว! เป็นอัญมณีปีกคู่เหินหาว!”
กู้ซีจิ่วก็ไม่ทราบว่าอัญมณีปีกคู่เหินหาวนี้สรุปแล้วคือสิ่งใด หยกนภาพ่อบ้านน้อยผู้รอบรู้ของเธอยามนี้ก็สวมอยู่บนข้อมือตี้ฝูอี ดูเหมือนว่าหลังจากเธอสลับร่างกับตี้ฝูอี ก็ไม่ได้ยินเสียงโหวกเหวกของเจ้าตัวนี้อีกเลย ยามนี้ย่อมไม่มีหนทางให้มันถ่ายทอดความรู้ด้านนี้แก่ตนเช่นกัน
แต่เธอทราบว่าอัญมณีปีกคู่เหินหาวนี้น่าจะเป็นสมบัติที่มีค่าควรเมือง มิเช่นนั้นคงทำให้พ่อบ้านใหญ่ของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ที่พบเห็นสมบัติล้ำค่าจนชินตะโกนอย่างตกตะลึงเช่นนี้ไม่ได้หรอก
พ่อบ้านใหญ่คนนั้นเป็นผู้ที่ประเมินคุณค่าข้างของได้ เขาไม่เพียงแต่รู้จักอัญมณีปีกคู่เหินหาวเท่านั้น ยังรู้จักถุงเก็บของใบนั้นด้วย “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย นี่…ถุงเก็บของใบนี้คือถุงจุสวรรค์ใช่ไหมขอรับ? สวรรค์ เป็นถุงจุสวรรค์จริงๆ ด้วย!”
กู้ซีจิ่วตกตะลึง
เธอเคยได้ยินเรื่องของถุงจุสวรรค์นี้ ถุงจุสวรรค์เป็นของชั้นเลิศ เล่าลือกันว่าเป็นของที่มีแค่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายและท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่มี ต่อให้เป็นถุงเก็บของระดับสูงก็ใส่ได้แค่สิ่งไม่มีชีวิตเท่านั้น กล่าวอีกนัยคือถึงพื้นที่ของพวกมันจะกว้างใหญ่ แต่ก็เก็บได้แค่สิ่งไม่มีชีวิต ไม่อาจเก็บสิ่งมีชีวิตได้
แต่ถุงจุสวรรค์นี้ไม่เพียงแต่มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลเท่านั้น ร่ำลือกันว่าไม่มีข้าวของใดที่มันเก็บไม่ได้ ที่สำคัญกว่านั้นคือมันเก็บสิ่งมีชีวิตได้ อย่างเช่นสัตว์เลี้ยงวิญญาณต่างๆ อย่างเช่นมนุษย์…
สมบัติล้ำค่าเช่นนี้กล่าวได้ว่าหายากเป็นที่สุด สิ่งนี้ไม่สามารถประเมินค่าได้ มันเป็นของพิเศษที่มีจำกัด ฝูงชนย่อมมิอาจพบเห็นได้ทั่วไป และแน่นอนว่าไม่กล้าเพ้อฝันถึงสิ่งนี้ด้วยเช่นกัน…
ผู้ก็คาดไม่ถึงว่าคราวนี้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจะใจป้ำถึงเพียงนี้ ส่งมอบสิ่งนี้ออกมา
————————————————————————————-
บทที่ 768 ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเคยคิดหรือไม่?
ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ทอดทิ้งไม่แหลียวแลกู้ซีจิ่วเหมือนอย่างที่ร่ำลือกัน เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเขายังคงใส่ใจนางอย่างยิ่ง!
สายตาของคนทั้งหลายล้วนรวมกันอยู่ที่ร่างของ ‘ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย’ พากันคาดเดาจุดประสงค์เขา หรือท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคิดจะทวงคู่หมั้นคืน?
กู้ซีจิ่วขมขื่นอยู่ในใจ แต่ของได้มอบออกไปแล้ว เธอคงหาของอ้างทวงกลับมาไม่ได้กระมัง?
ตี้ฝูอียกมือแตะสร้อยบนคอ ยิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง “ขอบพระคุณท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายยิ่ง”
นัยน์ตาของหลัวซิงหลานก็ทอประกายเช่นกัน กล่าวขอบคุณตาม ‘บุตรสาว’
“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายช่างใจป้ำเหลือเกิน!” หลงซือเย่ที่อยู่ด้านข้างกล่าวอย่างเฉยชา “เพียงแต่ซือเย่มีเรื่องหนึ่งที่กังวลยิ่งนัก ใคร่ขอให้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายช่วยคลายความสงสัย”
เขาจ้องมองกู้ซีจิ่วแล้วถาม กู้ซีจิ่วจึงได้แต่เอ่ยว่า “เชิญเจ้าสำนักหลงกล่าวมา”
หลงซือเย่พูดขึ้นมา “สมบัติสองชนิดที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมอบออกมาย่อมเป็นของชั้นเลิศ แต่คงจะล้ำค่าเกินไป! ภาษิตกล่าวกันว่า สมบัติล่อใจคน ยามนี้ซีจิ่วยังอายุน้อยเกินไป ฝีมือยังไม่แกร่งพอ ท่านทูตสวรรค์มอบสมบัติสองอย่างนี้ให้นางสำหรับนางแล้วเกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องดีอันใด ก็เหมือนกับขอทานที่ถือทองคำมากมายเดินไปตามถนนใหญ่ จะชักนำเภทภัยมาให้นางได้ง่ายๆ ไม่แน่สิ่งนี้อาจจะเป็นสาเหตุให้ชีวิตต้องเป็นทุกข์ ไม่ทราบว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเคยคิดเรื่องเหล่านี้บ้างหรือไม่?”
อันที่จริงกู้ซีจิ่วก็กำลังกังวลเรื่องนี้อยู่เช่นกัน ยามที่คนไม่มีฝีมือแข็งแกร่งพอจะคุ้มครองตน จู่ๆ ก็ได้รับสมบัติทำให้สายตาคนทั้งแผ่นดินลุกวาวง่ายที่จะชักนำเภทภัยมาหาโดยแท้…
เธอเหลือบมองตี้ฝูอแวบหนึ่ง ฉวยโอกาสกล่าวว่า “ข้าไม่ได้นึกถึงเรื่องพวกนี้ไปชั่วขณะ เจ้าสำนักหลงตักเตือนถูกแล้ว เช่นนั้น…” ขณะที่กำลังจะบอกว่า ‘ขอเก็บของขวัญชิ้นนี้คืน แล้วจะมอบอย่างอื่นให้แทน’ ตี้ฝูอีก็เอ่ยขึ้นมาแล้ว “สมบัติล่อใจคนจริงๆ เพียงแต่ สมบัติสองชิ้นนี้มิใช่กรรมสิทธิ์จากท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายหรอกหรือ? ยามนี้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมอบพวกมันให้ซีจิ่วแล้ว กล่าวให้ชัดก็คือซีจิ่วเป็นบุคคลที่สองที่ครอบครองพวกมัน หากว่ามีคนกล้าหมายตาพวกมัน ต่อให้ฉกฉวยไปได้ก็ไม่กล้าใช้ อีกทั้งท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็คงไม่ปราณีคนที่ฉกไปใช่หรือไม่? เช้านี้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายยังกล่าวต่อซีจิ่วอยู่เลย ว่าถุงจุสวรรค์ใบนี้มีความสามารถในการจดจำเจ้าของ เมื่อจดจำเจ้าของแล้ว ต่อให้ผู้อื่นชิงไปก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังจะถูกมันกลืนกิน แม้กระทั่งดวงวิญญาณก็จะขังไว้ในถุงไม่อาจหลุดไปได้ ”ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายยังบอกอีกว่า หลังจากถุงจุสวรรค์ใบนี้จดจำเจ้าของแล้วต่อให้อยู่ห่างจากร่างเจ้าของก็สามารถตามรอยกลับมาได้ด้วยตัวเอง ผู้อื่นไม่มีทางขโมยหรือฉกชิงไปได้…ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมอบสมบัติเช่นนี้แก่ซีจิ่ว อันที่จริงไม่มีอันตรายเลยสักนิด มิใช่หรือ? หรือท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายต้องการทวงสมบัติที่มอบออกมาแล้วคืนไป?”
กู้ซีจิ่วตะลึง เธอไม่รู้ว่าถุงจุสวรรค์ใบนี้จะมีความสามารถที่ร้ายกาจถึงเพียงนี้
สายตาคู่นั่นของตี้ฝูอีมองดูเธอ “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ท่านยังบอกอีกว่า สมบัติชิ้นนี้มีความสามารถในการส่งสัญญาณเตือน หากซีจิ่วพกสมบัติชิ้นนี้ติดตัวตลอด ภายหน้าหากมีผู้ใดประสงค์ร้ายต่อซีจิ่ว สมบัติชิ้นนี้จะส่งสัญญาณเตือนท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเอง และจะถ่ายโอนข้อมูลทั้งหมดของผู้ที่ต้องการทำร้ายซีจิ่วไป ให้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายสามารถเสาะหาตัวผู้ประสงค์ร้ายต่อซีจิ่วได้แม่นยำทันกาล เพื่อคุ้มครองซีจิ่ว เมื่อเป็นเช่นนี้ สมบัติชิ้นนี้ควรเป็นเครื่องรางคุ้มกายซีจิ่วสิ จะเป็นสิ่งที่ชักนำเภทภัยมาให้ซีจิ่วได้อย่างไรกัน?”
กู้ซีจิ่วเห็นเขาหาเหตุผลที่เปิดเผยเที่ยงธรรมมา ก็รู้สึกมวนท้องอยู่บ้าง
ทราบดีว่าเขาถือโอกาสพูดข้อดีของสมบัติชิ้นนี้ออกมาให้กระจ่าง ทำให้เหล่าคนที่หมายปองมันล้มเลิกความคิดนี้ไปด้วยตัวเอง แน่นอนว่าพูดให้หลงซือเย่ฟังด้วยเช่นกัน…