บทที่ 769 กำไลข้อมือหยกสีดำวงหนึ่ง
‘กู้ซีจิ่ว’ กล่าวมาเช่นนี้แล้ว ‘ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย’ ย่อมไม่อาจพูดว่าจะเอามันคืนได้อีก ยิ่งไม่อาจเปิดโปงคำโป้ปดของตี้ฝูอีที่ว่า ‘บอกไว้เมื่อเช้า…’ อะไรนั้นได้ เธอถึงขั้นตกอยู่ในสภาวะจนปัญญา จึงเออออไปกับเขา “ซีจิ่ว นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะจดจำได้ชัดเจนเช่นนี้ สมบัติชิ้นนี้ ในเมื่อข้ามอบออกไปแล้ว ย่อมไม่อยากเรียกคืนได้…”
เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้ หลงซือเย่ย่อมมิอาจกล่าวเป็นอื่นได้อีก สีหน้าเขาเพียงซีดเซียวยิ่งขึ้นกว่าเก่า
เขาก็ตั้งใจเตรียมของขวัญวันปักปิ่นไว้ให้กู้ซีจิ่วเช่นกัน เป็นกระบี่เหล็กไหลคมกริบหนึ่งเล่ม โอสถระดับแปดหนึ่งขวด
ล้วนเป็นของที่ประณีตและล้ำค่ายิ่งนัก แต่เมื่อเทียบกับผู้มั่งมีอย่างตี้ฝูอีแล้วก็ด้อยสง่าราศีไปบ้าง
ความจริงแล้วกู้ซีจิ่วชมชอบกระบี่เหล็กไหลและโอสถระดับแปดอย่างยิ่ง เธอเกรงว่าตี้ฝูอีจะปฏิเสธแทนตนโดยพลการ จึงรีบส่งกระแสเสียงไปหาทันที ‘ตี้ฝูอี สองสิ่งนี้ท่านต้องรับไว้!’
ตี้ฝูอีมองเธอแวบหนึ่ง ไม่ได้เอ่ยอะไร ยามที่หลงซือเย่มอบของให้เขา เขาก็กล่าวขอบคุณ แล้วโยนส่งๆ ใส่ในถาดที่เชียนหลิงอวี่ถือ
เขาปฏิบัติต่อหลงซือเย่ด้วยท่าทีเย็นชา เห็นได้ชัดว่าหลงซืออึดอัดใจ มองตี้ฝูอีอยู่เนืองๆ ความปวดร้าวพาดผ่านดวงตา
กู้ซีจิ่วสังเกตความเคลื่อนไหวของหลงซือเย่อยู่ตลอด เห็นเขาเป็นเช่นนี้ ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเหมือนกัน
ค่อนข้างว้าวุ่นใจ ที่แท้เจ้าบัดซบตี้ฝูอีสวมรอยเป็นเธอแล้วคุยอะไรกับหลงซือเย่กันนะ?
ไม่ได้ จะให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว! เธอต้องหาสักวิธี…
กู้ซีจิ่วส่งกระแสเสียงไปหาตี้ฝูอี ‘ตี้ฝูอี ข้าไม่สนว่าแท้จริงแล้วท่านมีจุดประสงค์อะไร แต่ท่านอย่าได้ใช้ฐานะของข้าไปยุติความสัมพันธ์ของข้ากับเขาอย่างเจตนาอีก! ไม่เช่นนั้นข้าจะอธิบายต้นสายปลายเหตุกับเขาโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดทั้งนั้น รวมถึงจะทำให้เขาทราบเรื่องที่พวกเราสลับร่างกันด้วย!’
ตี้ฝูอีที่กำลังไล่คารวะน้ำชาผู้อื่นอยู่ เมื่อได้ยินกระแสเสียงของเธอเขาก็ชะงักไปเล็กน้อย ชาในมือหกกระเด็นออกมานิดหน่อย เขาส่งกระแสเสียงกลับมา ‘ซีจิ่ว หากว่าให้เขาทราบความจริง บางทีชีวิตข้าอาจหาไม่! เช่นนี้ เจ้ายังบอกเขาไหม?’
กู้ซีจิ่วพลันขมวดคิ้ว ไม่เผยจุดอ่อน ‘เช่นนั้นท่านก็สำรวมเสียบ้าง! อย่าทำลายความสัมพันธ์ของข้ากับเขา!’
‘เจ้าชอบเขาถึงเพียงนี้จริงๆ หรือ?’
กู้ซีจิ่วตอบอย่างไม่คิดจะเหลือทางถอยไว้ให้ตน ‘ใช่!’
‘เพื่อเขาแล้วสละข้าได้โดยไม่แยแสเลยหรือ?’
กู้ซีจิ่วกระอักกระอวนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบไปว่า ‘ใช่!’
ตี้ฝูอีไม่พูดอะไรอีก คารวะผู้อื่นแทนเธอต่อไป
หลัวซิงหลานก็มีของขวัญให้เช่นกัน ของขวัญของนางพิเศษนัก เป็นกำไลข้อมือหยกสีดำวงหนึ่ง
ยามที่กู้ซีจิ่วเห็นของขวัญชิ้นนั้นก็ตกตะลึง กำไลข้อมือนี้เป็นกำไลคู่ วงหนึ่งเคยมอบให้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเป็นของหมั้น หลังจากถอนหมั้นกันแล้วกำไลวงนั้นก็กลับมาอยู่ในมือของกู้ซีจิ่ว
ตอนนั้นเธอยังนึกสงสัยอยู่ว่าสัญญาหมั้นหมายของเธอกับทูตสวรรค์ฝ่ายว้ายเป็นของปลอม กำไลหัยกาฬเป็นสิ่งที่ตี้ฝูอีฉกฉวยมาจากมือผู้ตาย บัดนี้พอเห็นหลัวซิงหลานนำอีกวงที่เหลือออกมา เธอก็ทราบว่ากำไลที่อยู่ในมือตี้ฝูอีเมื่อครานั้นเป็นของจริง เธอกับตี้ฝูอีมีสัญญาหมั้นหมายกันจริงๆ…
ยามนี้กำไลหทัยกาฬนับว่ากลายเป็นคู่โดยสมบูรณ์แล้ว ก็ไม่ทราบว่าในใจกู้วีจิ่วรู้สึกเช่นใด
โชคดีที่ตี้ฝูอีไม่มีปฏิกิริยาอะไร หลังจากรับกำไลมาก็วางไว้ในถาดในบนั้น แล้วไปคารวะน้ำชาผู้อื่นต่อ
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสดื่มชาของเขาก็มิใช่การดื่มเปล่าๆ ล้วนต้องมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้ สมบัติสารพัดชนิด มากมายจนนับไม่ถ้วน เชียนหลิงอวี่คอยรับของขวัญอยู่ด้านข้าง เนื่องจากมีคนมากมายมอบของขวัญให้ คอยๆ จากเล็กๆ น้อยๆ ก็กลายเป็นกองใหญ่ เขาฉลาดหัวใส จึงลองเก็บข้าวของเหล่านั้นลงในถุงจุสวรรค์ดู…
————————————————————————————-
บทที่ 770 บุปผาร่วงหล่นด้วยมีใจทว่าสายธารหลั่งไหลกลับไร้รัก
ผ่านไปครู่หนึ่ง ข้าวของทั้งหมดก็เข้าไปอยู่ในท้องของถุงจุสวรรค์ แถมถุงจุสวรรค์ยังคงเล็กจ้อยแบนราบอยู่เช่นเดิม ท่าทางไม่คล้ายว่าบรรจุข้าวของเอาไว้เลย
พิธีปักปิ่นเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว
….
บางเรือนสุขสันต์บางบ้านทุกข์โศก พิธีปักปิ่นของกู้ซีจิ่วรื่นเริงคึกคัก
ในเรือนเล็กของอวิ๋นชิงหลัวกลับเงียบเหงาวังเวงไม่เห็นเงาร่างผู้ใด
นางนอนอยู่เรือนเพียงลำพัง เศร้าหมองอ้างว้างเพียงคนเดียว
บาดแผลของนางสาหัสกว่ากู้ซีจิ่ว ไม่เพียงแต่กระดูกซี่โครงหักเท่านั้นยังถูกตี้ฝูอีแทงทะลุอกด้วย!
ถึงแม้กระบี่นั้นจะเป็นของนางเอกสามารถใช้เลือดในร่างนางกำจัดได้ แต่บาดแผลนั้นยังคงอยู่จริงๆ กระดูกที่หักก็เพิ่งจะประสานกัน
คนทั่วหากกระดูกหักต้องใช้เวลารักษาหนึ่งร้อยวัน ทว่าผู้บำเพ็ญเช่นนางนั้นไม่จำเป็น อาการบาดเจ็บเช่นนี้นางพักฟื้นแปดวันสิบวันก็หายดีแล้ว แต่แผลทางใจกลับมิอาจรักษาได้ในระยะเวลาสั้นๆ
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเย็นชากับนางมาตลอดจริงๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องกิจธุระทั้งสิ้น
นางกลับคล้ายแมลงเม่าที่บินเข้ากองไฟ พุ่งตัวเข้าไปยินยอมกลายเป็นเถ้าถ่านทว่าไม่ต้องการจะออกมา
หากเป็นสตรีคนอื่นได้รับความเย็นชาจากตี้ฝูอีเช่นนี้ส่วนใหญ่คงถอดใจไปนานแล้ว ไม่กล้าเพ้อฝันอีก
แต่อวิ๋นชิงหลัวกลับยึดมั่นถือมั่นอย่างล้ำลึก
รักเขาจนกลายเป็นความยึดมั่นถือมั่น ร้อยไม่ผันพันไม่หวน ไม่อาจเลี่ยงได้ไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้ ล้วนเป็นบุปผาร่วงหล่นด้วยมีใจทว่าสายธารหลั่งไหลกลับไร้รัก…
ความรักล้นทรวงของนางไม่เคยได้รับการตอบสนองจากอีกฝ่ายเลย
เมื่อพลบค่ำ ในที่สุดเรือนหลังน้อยของนางก็มีผู้มาเยือน ผู้ที่มาคือหลินเฟยอินสหายสนิทของนาง เห็นได้ชัดว่าหลินเฟยอินเพิ่งไปร่วมพิธีปักปิ่นของกู้ซีจิ่วเสร็จ
นางนำอาหารมาส่งให้อวิ๋นชิงหลัว แน่นอนว่าย่อมเอาเรื่องคึกคักในพิธีปักปิ่นนั้นมาเล่าอย่างมีนอกมีในด้วย เจาะจงกล่าวถึงของขวัญที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมอบให้กู้ซีจิ่ว…
ถ้อยคำที่ไร้รูปธรรมเหล่านี้ของนางดั่งเสียบมีดเล่มเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วนใส่ดวงใจอวิ๋นชิงหลัว นางไม่พูดอะไร และไม่คิดจะพูดด้วย
นางไม่อยากให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะ เดิมทีนางคิดจะทำให้เด็กสาวผู้นั้นกลายเป็นที่น่าขบขัน กลับนึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นการขว้างหินทับเท้าตน ทำให้ตนกลายเป็นที่น่าขบขันแทน!
หลินเฟยอินมาแล้วและจากไปแล้ว ทว่ากลับให้หัวใจนางร้อนรุ่มปานถูกแผดเผาอีกครั้ง!
อาศัยสิ่งใดกัน? ที่แท้แล้วอาศัยสิ่งใดกัน? เด็กสาวผู้นั้นสู้ตนอะไรก็สู้ตนไม่ได้เลยชัดๆ นางอาศัยสิ่งใดถึงได้รับความสนใจจากเขาไปอย่างง่ายดาย? อาศัยสิ่งใดกัน?!
ความโกรธแค้นและไม่ยินยอมพร้อมใจมหาศาลกำลังเดือดพล่านอยู่ในอกนาง ทำให้นางแทบนอนไม่ได้
ทัศนคติด้านความรักของทุกคนแตกต่างกัน หากว่ากู้ซีจิ่วมาอยู่ในจุดเดียวกับนาง ต่อให้เธอชมชอบคนผู้หนึ่งสักแค่ไหน หากว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าเลย เช่นนั้นเธอก็ยินดีที่จะปล่อยมือ หากเขาพบคู่ครองที่รักกันด้วยใจจริง เธออาจจะรู้สึกผิดหวัง แต่จะไม่ไปตอแยอีก และจะไม่ไปพัวพันไม่ยอมเลิกรา ไม่แน่เธออาจจะอวยพรให้อีกฝ่ายมีความสุขด้วยซ้ำ
ถ้ารักใครสักคนด้วยใจจริงก็จะปรารถนา ให้เขาพบสิ่งดีๆ ปรารถนาให้เขาได้รับความสุขที่แท้จริง ต่อให้ความสุขนั้นเธอจะไม่ใช่ผู้มอบให้ ทว่าอย่างน้อยเธอก็จะไม่ไปทำลาย
แต่อวิ๋นชิงหลัวมิใช่เช่นนั้น นางรักอย่างงมงาย รักอย่างบ้าคลั่ง เพื่อความรักแล้วนางสามารถทำได้ทุกวิถีทาง หากไม่ได้รับความรักจากอีกฝ่าย นางก็จะทำร้ายคนที่อีกฝ่ายรักอย่างบ้าคลั่ง หาทางเล่นงานผู้อื่น
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่ากู้ซีจิ่วมิได้ทำอะไรนาง ทว่านางกลับมองกู้ซีจิ่วเป็นศัตรูคู่แค้น คิดหาวิธีใส่ไคล้ผู้อื่น
ก็เหมือนกับครั้งนี้ นางไม่คิดเลยว่าที่นางเสียหายเช่นนี้เพราะนางเล่นงานอีกฝ่ายก่อน แต่รู้สึกว่ากู้ซีจิ่วก็เล่นงานนางเช่นกัน แล้วเหตุใดถึงได้รับความรักใคร่ให้อภัยจากทุกคน ส่วนตัวนางอวิ๋นชิงหลับกลับต้องเงียบเหงาวังเวงเช่นนี้…
ต้นสายปลายเหตุยังคงไม่พ้นจากตี้ฝูอี! คนของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์แห่งนี้ล้วนเป็นหมาป่าตาขาวช่างสอพลอทั้งสิ้น!