บทที่ 773 ลำบากเจ้าแล้วจริงๆ
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่เก็บมาใส่ใจ? ของที่เขามอบให้ครั้งนี้หายากนัก เป็นของที่มีเฉพาะตัวเขาเอง เป็นหนึ่งไม่มีสองในใต้หล้า”
อวิ๋นชิงหลัวหัวเราะเหอะๆ “ของทุกอย่างในมือท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเป็นหนึ่งไม่มีสองแทบจะทุกชิ้น มอบออกมาสักชิ้นสองชิ้นก็ไม่สลักสำคัญ แถมเขายังชมชอบผลักดันชนรุ่นหลังด้วย มักจะมอบสิ่งของให้ชนรุ่นหลังอยู่บ่อยๆ ผู้คนมากมายล้วนเคยได้รับของจากเขา…”
คราวนี้คิ้วของกู้ซีจิ่วเลิกขึ้นสูงกว่าเดิม “เขามอบของให้ผู้อื่นบ่อยหรือ? เหตุใดข้าไม่รู้?”
ในที่สุดอวิ๋นชิงหลัวก็มีท่าทีภาคภูมิ “เรื่องของเขาจะกล่าวกับคนที่สนิทชิดเชื้อที่สุดเท่านั้น เจ้านับเป็นอันใดในสายตาเขากัน? ย่อมไม่เอ่ยกับเจ้าอยู่แล้ว ไม่รู้ก็เป็นเรื่องปกติ และเจ้าก็ไม่มีคุณสมบัติได้รู้ด้วย!”
กู้ซีจิ่วเริ่มหย่อนเบ็ดอีกครั้ง กล่าวด้วยเสียงเอื่อยๆ “ข้าคิดว่าข้ามีคุณสมบัติที่จะได้รู้ที่สุด…ข้ารู้สึกว่าบนโลกนี้คงไม่มีผู้ใดเข้าใจเขาดียิ่งกว่าข้าแล้ว…”
อวิ๋นชิงหลัวเชิดหน้าหัวเราะ “นั่นเจ้าแค่รู้สึกไปเองเท่านั้น! ความจริงคือเจ้าไม่รู้อะไรเลย!”
“โอ้? เจ้ารู้หรือ? เช่นนั้นว่ามาสิว่าเขามอบของแก่ผู้ใด? แล้วให้อะไรบ้าง?”
อวิ๋นชิงหลัวเม้มปากยิ้มแวบหนึ่งแล้วเอ่ย “ได้สิ วันนี้คุณหนูเช่นข้าอารมณ์ดี จะแย้มพรายแก่เจ้าสักหน่อย สานุศิษย์สวรรค์ทั้งหมดเข้าล้วนเคยมอบของให้!”
กู้ซีจิ่วไม่ได้คัดค้านอะไร “นี่เป็นเรื่องปกติ เขาเป็นผู้นำของสานุศิษย์สวรรค์ เพื่อให้สานุศิษย์สวรรค์คนอื่นก้าวหน้าให้เร็วขึ้นหน่อย เขาย่อมต้องมอบสิ่งที่เหมาะสมให้บ้าง ช่วยให้พวกเขาฝึกฝนได้สะดวก”
อวิ๋นชิงหลัวร้องเหอะแล้วกล่าวว่า “เจ้ารู้ข้อนี้ก็ดีแล้ว! เจ้าดูสิ เขาเคยมอบของให้สานุศิษย์สวรรค์ทุกคน ส่วนเจ้าเป็นศิษย์ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ เขามอบของเล็กๆ น้อยๆ ให้เจ้าก็เพราะเห็นแก่หน้าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ถึงได้มอบให้ หากเจ้ามิใช่ศิษย์ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ เขาย่อมคร้านจะแลเจ้าแน่นอน!”
กู้ซีจิ่วมุ่นคิ้วนิดๆ “เจ้าจะบอกว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคิดประจบผู้มีอำนาจหรือ?”
อวิ๋นชิงหลัวอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง “มิใช่นะ! ข้าแค่…แค่อธิบายให้เจ้าเข้าใจสาเหตุที่ครั้งนี้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมอบของให้เจ้าก็เท่านั้น!”
กู้ซีจิ่วจึงเอ่ยว่า “เจ้าอ้อมค้อมเสียใหญ่โตถึงเพียงนี้ เพื่อหาสาเหตุลที่ท่านทูตสวรรค์มอบของให้งั้นหรือ? ลำบากเจ้าแล้วจริงๆ!”
อวิ๋นชิงหลัวฟังน้ำเสียงเหน็บแนมในประโยคนี้ของนางอก โทสะในใจลุกโหม “เจ้าไม่เชื่อหรือ? เจ้ายังคิดว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายทำเช่นนี้เพราะชอบเจ้าอยู่สินะ?”
กู้ซีจิ่วชะงักไปครู่หนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะพยักหน้า “อื้อ! ข้าคิดว่าเขาชอบข้ามาก! เขาถึงขั้นหลงรักข้าแล้ว”
อวิ๋นชิงหลัวตกตะลึง
กำหมัดที่อยู่ในแขนเสื้อนางแน่น จู่ๆ ก็หัวเราะเยาะออกมา “กู้ซีจิ่ว เจ้าลืมเรื่องในเทศกาลความรักแล้วหรือ?”
คราวนี้ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็มองนางอย่างจริงจังแวบหนึ่ง “เรื่องในเทศกาลความรักอะไร?”
อวิ๋นชิงหลัวเอ่ยว่า “เจ้าแสร้งเลอะเลือนหรือไร? เจ้าลืมหรือไงว่าเคยพบพวกเราในเทศกาลความรักวันนั้น?”
แววตากู้ซีจิ่วไหววูบนิดๆ เอียงคอมองนาง ไม่ตอบหรับหรือปฏิเสธ “เล้วยังไง?”
“แล้วยังไงน่ะหรือ?!” อวิ๋นชิงหลัวก้าวเข้ามา น้ำเสียงแผ่วเบาลง ทว่าอดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทีภาคภูมิอีกครั้ง “กู้ซีจิ่ว วันนั้นเจ้าเห็นอยู่ชัดๆ ว่าข้ากับท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเที่ยวเล่นด้วยกัน…”
มือของกู้ซีจิ่วที่กุมคันเบ็ดอยู่กำแน่นเล็กน้อย นางหยุดตกปลาทันที มองดูอวิ๋นชิงหลัว แววตาซับซ้อนอยู่บ้าง “หือ? พวกเจ้าเที่ยวเล่นด้วยกันหรือ…”
อวิ๋นชิงหลัวตอบยิ้มๆ “ใช่ เจ้าเห็นแล้วนี่ วันนั้นเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนข้าโดยเฉพาะ เดินตลาดกลางคืนเป็นเพื่อนข้า ดูดอกไม้ไฟเป็นเพื่อนข้า ลอยประทีปเป็นเพื่อนข้า แถมวันนั้นเขายังลอยประทีปยวนยางครองคู่ดวงหนึ่งเป็นเพื่อนข้าด้วยนะ มีความหมายเป็นนัยว่าพวกเราจะครองคู่กันไปชั่วชีวิต…ตอนที่เจ้าเห็นพวกเรา พวกเราเพิ่งจะเดินเที่ยวตลาดกลางคืน วันนั้นเขาคร้านจะใส่ใจเจ้าอยู่ตลอด เจ้าทักทายเขาเขาก็หมางเมินเจ้า ยามนั้นเจ้าคงผิดหวังมากใช่หรือไม่?”
————————————————————————————-
บทที่ 774 เจ้าตื่นจากฝันหรือยัง
กู้ซีจิ่วหลุบตาลง เอ่ยทวนอีกครั้ง “ข้าคงผิดหวังมาก…”
ในที่สุดอวิ๋นชิงหลัวก็พบจุดมีชัยแล้ว จึงภาคภูมิยิ่งกว่าเดิม “วันนั้นเจ้ายังวิ่งเข้ามาทักทายพวกเราโดยเฉพาะอยู่เลย ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ยอมรับ อยากจะมองเขาให้ละเอียด แต่เจ้าก็ผิดหวังอย่างเห็นได้ชัดมิใช่หรือ? ยามนั้นเจ้าดูสงบเยือกเย็นนัก ใจจริงคงเสียใจเป็นล้นพ้นกระมัง? ข้าเห็นว่ารอยยิ้มของเจ้ายามนั้นฝืดฝืนยิ่งนักนะ!”
กู้ซีจิ่วเพียงเอ่ยทวนอีกครั้ง “รอยยิ้มฝืดฝืนยิ่งนัก…”
เมื่ออวิ๋นชิงหลัวเห็นว่านางมีท่าทางเหมือนได้รับความกระทบกระเทือนเช่นั้นก็รู้สึกสะใจนัก ขยับเข้าไปอีกก้าว “กู้ซีจิ่ว ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตกลงปลงใจกับข้าเนิ่นนานแล้ว ในใจของเขาเจ้าไม่นับว่าเป็นตัวอันใดเลย! ต่อให้เขาทำดีต่อเจ้าก็เป็นเพราะความรู้สึกผิดเท่านั้นไม่มีคุณค่าอะไร ถึงขั้นที่ว่าต่อให้เขาต้องแต่งกับเจ้านั่นก็มิใช่ใจจริงของเขา ผู้ที่เขาชมชอบด้วยใจจริงคือข้า ผู้ที่ต้องการปกป้องคุ้มครองด้วยใจรจริงก็คือข้า ต่อให้ภายหน้าพวกเราสองคนแต่งให้แก่เขาเช่นเดียวกัน เช่นนั้นข้าก็เป็นหลวง ล้วนเจ้าเป็นน้อย ข้าคือภรรยา เจ้าคืออนุ…”
กู้ซีจิ่วขัดจังหวะความมโนของนาง “เจ้าตื่นจากฝันหรือยัง? เจ้าแน่ใจหรือว่าผู้ที่อยู่เป็นเพื่อนเจ้าในเทศกาลความรักคือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจริงๆ?”
อวิ๋นชิงหลัวเชิดหน้าสูง “ย่อมแน่ใจอยู่แล้ว! บนโลกนี้จะมีผู้ใดสวมรอยเป็นเขาได้เล่า? ผู้ใดจะกล้าแอบอ้างเป็นเขากัน?”
กู้ซีจิ่วไม่พูดอะไร เริ่มเก็บอุปกรณ์ตกปลา
อวิ๋นชิงหลัวเหลือบมองรอบข้างอย่างเงียบๆ แวบหนึ่ง เมื่อแน่ใจว่าจะไม่มีคนอื่นมาเห็น ดวงตามีแววอำมหิตพาดผ่านแวบหนึ่ง ค่อยๆ เขยิบเข้าไปใกล้กู้ซีจิ่ว จู่ๆ ฝ่าเท้าพลันสะดุด แสร้งทำเป็นสะดุดล้ม พุ่งตรงเข้าหากู้ซีจิ่ว!
ในมือนางกุมเข็มอาคมเล่มหนึ่งไว้ ขอเพียงแทงใส่คนก็จะทำให้คนผู้นั้นสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวไปชั่วคราว เข็มอาคมมิใช่พิษ ดังนั้นต่อให้มีคนตรวจสอบ ก็จะไม่พบว่าถูกพิษ
นางจะแทงนังสารเลวที่ขวางหูขวางตาผู้นี้จากนั้นก็จะผลักลงน้ำซะ! แบบนั้นนังสารเลวที่คนนี้ก็มีแต่ต้องจมน้ำตายเพราะสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหว ผู้อื่นก็ตรวจไม่พบอะไร…
นางพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็วยิ่ง มั่นใจว่าในสถานการณ์ฉุกละหุกเช่นนี้กู้ซีจิ่วต้องหลบไม่พ้นแน่ แต่นึกไม่ถึงว่าเบื้องหน้ากลับพร่ามัวไปแวบหนึ่ง เงาร่างของกู้ซีจิ่วหายไป ต่อมานางรู้สึกว่าคอเสื้อถูกอะไรบางอย่างเกี่ยวเข้า ขุมพลังสายหนึ่งฉุดนางไปด้านหน้า!
เดิมทีนางก็อยุ่ในท่าที่พุ่งถลาไปด้านหน้าอยู่แล้ว แผนการของนางคือผลักกู้ซีจิ่วตกน้ำ ส่วนนางสามารถชะลอตัวได้ทันกาล แต่หลังจากถูกเกี่ยวไว้ ฝีเท้าก็รั้งไม่อยู่ ตกน้ำเสียงดังตูม…
ขณะที่ตกน้ำเข็มอาคมในมือก็สั่นไหว แทงถูกฝ่ามือ ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่อาจเคลื่อนไหวได้ชั่วคราว จมลงไปเหมือนตุ้มน้ำหนัก…
นางตื่นตระหนก คิดจะอ้าปากตะโกน จนใจที่ทั้งร่างล้วนแข็งทื่อไปหมดแล้ว แม้แต่ปากก็อ้าไม่ออก ทำได้เพียงเบิกตามองสายน้ำที่ถาโถมเข้ามารอบกายนาง ถาโถมเข้ามา…
ขณะที่จมลงสู่น้ำ นางมองเห็นกู้ซีจิ่วยังอยู่ดีบนฝั่งทะเลสาบ กำลังมองเธออย่างยิ้มๆ ทว่าแววตากลับเย็นเยียบ
ในยามนั้น จู่ๆ นางก็รู้สึกว่ารอยยิ้มนี้ของอีกฝ่ายคุ้นตาอยู่บ้าง เป็นรอยยิ้มแบบเดียวกับท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย…
เห็นว่าตกน้ำ กู้ซีจิ่วกลับไม่มีทีท่าว่าจะช่วยเหลือเลย จนกระทั่งอวิ๋นชิงหลัวจมลงไปใต้น้ำ นางถึงยิ้มแวบหนึ่ง จากนั้นก็ถือคันเบ็ด หิ้วข้องใส่ปลาจากไปอย่างสบายอุรา
ระลอกคลื่นขนาดใหญ่บนผิวทะเลสาบเลือนหายไป ทะเลสาบเงียบสงบ ราวกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้นเลย
….
‘กู้ซีจิ่ว’ กลับมาที่เรือนตน นั่งบนม้านั่งหินตัวหนึ่งสักครู่ ล้วงป้ายหยกแผ่นหนึ่งออกมาจากถุงเก็บของ
ป้ายหยกแผ่นนี้คือป้ายหยกที่ตี้ฝูอีทำหล่นไว้ในสระลึกเมื่อคราวก่อน ต่อมาก็ถูกเขาค้นหากลับมา