ลำนำบุปผาพิษ – ตอนที่ 797-798

บทที่ 797 +798

บทที่ 797 มีอะไรจะพูดกับฉันไหม

ตี้ฝูอีเอ่ยเรียบๆ “เจ้าสำนักหลง เจ้าก็โชคดีที่พูดออกมาหมดเปลือกที่นี่ และไม่ไปทำเรื่องโง่เง่าอันใด มิเช่นนั้นเจ้าคิดว่าเจ้าจะยังสามารถจิบสุราพูดคุยกับข้าอยู่ที่นี่ได้อีกหรือ?”

หลงซือเย่ขมวดคิ้ว “เจ้าหมายความว่ายังไง?”

ตี้ฝูอียิ้มเอื่อยๆ แวบหนึ่ง “คืนก่อนยามห้ายสองเค่อ เจ้าทำพิธีเรียกวิญญาณกู้ซีจิ่วอยู่ในเรือนของตน บนโต๊ะวางเครื่องเซ่นไว้ห้าจาน เรียงตามลำดับคือ…” เขาพูดชื่อและลักษณะของผลทั้งห้าจานออกมา “ทำพิธีสามครั้ง ล้วนล้มเหลวทั้งสามครั้ง”

หลงซือเย่หน้าเปลี่ยนสี “เจ้ารู้ได้ยังไง…”

ตี้ฝูอีไม่สนใจเขา พูดต่อไป “เมื่อคืนยามจื่อ เจ้าไปตรวจสอบอวิ๋นชิงหลัวตอนกลางคืน ใช้ธูปหอมสลายกำลังทำให้นางสลบ ค้นถุงเก็บหุ่นเชิดของนาง พบหุ่นเชิดสองตัว วิญญาณหุ่นเชิดสามดวง ยันต์อาคมยี่สิบแผ่น…” เขาร่ายรายชื่อชุดหนึ่งออกมาอีกครั้ง ตรงกับทุกอย่างที่หลงซือเย่ค้นพบเมื่อคืนไม่มีผิด!

หลงซือเย่ทึ่มทื่อไปพักหนึ่ง “เจ้าจับตามองความเคลื่อนไหวข้า! ตี้ฝูอี ที่แท้เจ้าไม่เคยเชื่อถือข้าเลย!”

ตี้ฝูอีเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “เจ้าก็ไม่เชื่อถือข้าเหมือนกันมิใช่หรือ? มิเช่นนั้นเมื่อเจ้าพบว่าซีจิ่วผิดปกติ อีกทั้งเห็นว่านางเข้ามาพักอยู่ในเรือนข้า เหตุใดไม่มาเตือนเล่า? แถมยังแอบไปตรวจสอบลับหลังอีกมิใช่หรือ? เจ้าไม่เกรงว่าวิญญาณร้ายที่สิงสู่ร่างนางจะปองร้ายข้าระหว่างที่เจ้าสืบหาอยู่หรือ? บางทีลึกๆ ในใจของเจ้า อันที่จริงคงหวังให้ ‘วิญญาณร้าย’ ตนนี้กำจัดข้าไปเสียกระมัง?”

หลงซือเย่เงียบงัน ปลายนิ้วเขาเย็นเฉียบ แม้แต่ตัวเขาเองก็บรรยายถึงส่วนลึกในจิตใจตนไม่กระจ่าง คล้ายว่าจะมีความคิดซ่อนเร้นเช่นนั้นอยู่บ้างจริงๆ

บนร่างเขามีหยาดเหงื่อเย็นเฉียบซึมออกมา ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้น่าหวาดหวั่นเหนือธรรมดาจริงๆ! แถมยังเข้าใจสภาพจิตใตผู้อื่นอย่างลึกซึ้งด้วย!

ตี้ฝูอีเอนกายพิงด้านหลัง พลางเอ่ยว่า “เจ้าดูสิ อันที่จริงเข้าก็ไม่เชื่อถือข้าเหมือนกัน แล้วจะอาศัยสิ่งใดให้ข้าเชื่อถือในตัวเจ้า?”

ถึงแม้จะถูกตี้ฝูอีคาดเดาความคิดที่ซ่อนเร้นไว้ในใจได้ แต่หลงซือเย่กลับไม่อยากยอมรับ “เจ้าคิดมากไปแล้ว! ด้วยฝีมืออันเก่งกาจของเจ้า ต่อให้นางถูกวิญญาณร้ายสิงสู่จริง มีหรือจะทำอันใดเจ้าได้? หากว่าวิญญาณร้ายดวงนั้นสามารถทำอะไรเจ้าได้ เจ้าคงไม่มีชีวิตอยู่มาถึงตอนนี้หรอก!”

ตี้ฝูอีหัวเราะ โคลงจอกสุราในมือ “นับว่าเจ้ายังพอรู้จักข้า มาเถอะ คารวะเจ้าหนึ่งจอก!”

หลงซือเย่ไม่พูดอะไร แต่ก็ชนจอกกับเขา

เมื่อทั้งสองคนดื่มสุราเสร็จ หลงซือเย่ก็มองไปที่กู้ซีจิ่ว “ซีจิ่ว เธอมีอะไรจะพูดกับฉันไหม?”

กู้ซีจิ่วหยักยิ้มบางๆ ชูจอกสุราขึ้น “ครูฝึกหลง ซีจิ่วผิดต่อคุณ! จอกนี้ขอคารวะคุณ!”

ตั้งแต่ตนสลับร่างด้วยเกรงว่าจะเผยพิรุธจึงเย็นชากับเขามาตลอด เพื่อรักษาคำพูดที่ให้ไว้กับตี้ฝูอี เลยปิดบังเขามาโดยตลอด เห็นความระทมขมขื่นของเขาอยู่ตำตาก็ต้องทำเป็นเฉยเมย ทว่าในมุมของหลงซือเย่ เขากลับวิ่งวุ่นเพื่อเรื่องของเธออยู่ตลอด…

เรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกผิดต่อสหาย!

ดวงตาหลงซือเย่ส่องประกายแวบหนึ่ง ยิ้มนิดๆ “ซีจิ่ว เธอไม่จำเป็นต้องขอโทษฉันเลย ฉันรู้นิสัยเธอดี ไม่ว่าจะทำอะไรล้วนมีเหตุผลเสมอ ฉันจะไม่ต้อนถาม และจะไม่ระแวงในตัวเธอ”

กู้ซีจิ่วแย้มยิ้มอีกครั้ง “ประโยคนี้ของคุณทำให้ฉันรู้สึกว่าควรจะคารวะคุณอีกจอก!” ขณะที่เธอกำลังจะเงยหน้าดื่ม ตี้ฝูอีก็ยกแขนเสื้อขึ้นจับข้อมือเธอไว้ “ซีจิ่ว เจ้าไม่เหมาะจะดื่มสุรามากเกินไป เอาแค่พอเหมาะเถอะ”

กู้ซีจิ่วยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับส่งไปไม่ถึงดวงตา “วางใจเถิด ข้าย่อมทราบข้อนี้ดี และที่ดื่มก็มิใช่สุรา เป็นน้ำเปล่า”

ตี้ฝูอีพูดไม่ออก…

….

ไข่มุกราตรีทอแสงอ่อนละมุน ประกายแสงนุ่นนวลไม่แยงตา อีกทั้งสามารถส่องสว่างได้ทั่วห้อง

กู้ซีจิ่วก้มหน้าศึกษาบันทึกบทเรียนของชั้นเรียนเมฆาม่วงที่อยู่บนโต๊ะ

————————————————————————————-

บทที่ 798 พวกเราเริ่มกันเถอะ

บันทึกบทเรียนนี้เป็นสิ่งที่ตี้ฝูอีจดมาให้ตอนเข้าเรียนในร่างของเธอ เขียนอย่างบรรจงเป็นระเบียบงดงามนัก แถมยังเป็นลายมือของเธอด้วย ดังนั้นต่อให้มีสหายร่วมชั้นเห็นตอนเขาเขียนก็ไม่พบความผิดปกติ

ภายในห้องค่อนข้างเงียบ ตี้ฝูอีคัด ‘คัมภีร์สวรรค์[1]’ เหล่านั้นอยู่พักหนึ่ง ก็เงยหน้ามองนาง เขาสามารถรับรู้ถึงควาเงียบงันจากนางได้ชัดเจน

แตกต่างกับสองวันก่อน ที่นางจะเข้ามาดูเขาเขียน ‘คัมภีร์สวรรค์’ บ้างเป็นครั้งคราว บางครั้งยังขอคำชี้แนะจากเขาสองสามประโยคด้วย แต่วันนี้หลังจากหลงซือเย่จากไป นางก็ไม่พูดเรื่อยเปื่อยกับเขาอีกเลยสักประโยค

เขานึกว่านางจะคิดบัญชีเขาเสียอีก…

ถึงอย่างไรเรื่องที่เขาทำเหล่านั้นก็ไม่ได้ปิดบังพียงหลงซือเย่ ยังปิดบังนางด้วยเช่นกัน ทำให้นางเหมือนหูหนวกตาบอด ปิดบังเรื่องนี้ไว้

ทุกอย่างดูเหมือนเขาไม่ไว้ใจหลงซือเย่ และไม่ไว้ใจนางด้วย…

ด้วยนิสัยของนาง ย่อมต้องซักไซ้ติเตียนเขาสักหลายประโยค ไม่แน่หากว่าโกรธขึ้งอาจจะแตกหักกับเขาเสียด้วยซ้ำ!

ดังนั้นตี้ฝูอีจึงรออยู่ตลอด รอให้นางซักถาม

กลับนึกไม่ถึงว่ากู้ซีจิ่วจะไม่ซักไซ้เขาเลย นางไม่กระทำสิ่งใดเลย แค่เงียบขรึมลงไปมากเท่านั้น

นางอ่านบันทึกบนเรียนเหล่านั้นอยู่ตลอด ตั้งใจศึกษา ไม่เงยหน้าขึ้นมาเลยทั้งคืน

ตี้ฝูอีสอบถามนางหลายประโยค อย่างเช่นมีตรงไหนที่นางไม่เข้าใจบ้าง? ต้องการดื่มน้ำหรือไม่? เป็นต้น เขาหาข้ออ้างมากมายเพื่อพูดคุยกับนาง แต่นางล้วนตอบสั้นๆ ไม่กี่คำเท่านั้น ไม่มี ไม่เอา ขอบคุณ…

เมื่อเห็นว่าล่วงเข้ายามดึกแล้ว ใกล้จะถึงเวลาฝึกฝน ในที่สุดตี้ฝูอีก็ทนไม่ไหว “เสี่ยวซีจิ่ว เจ้ากำลังโกรธใช่ไหม?”

นางเงยหน้ามอง ดวงตาคู่นั้นดำมืดเป็นพิเศษ และนิ่งสงบยิ่งนัก “จะโกรธท่านทำไม?”

“โกรธที่ข้าปิดบังเรื่องทุกอย่างกับเจ้า โกระที่ข้าส่งคนไปจับตามองหลงซือเย่…”

กู้ซีจิ่วยิ้มจางๆ แวบหนึ่ง “ไม่มีอะไรต้องโกรธนี่ ท่านมีความกังวลของท่าน ท่านไม่เชื่อใจข้า ไม่เชื่อใจหลงซือเย่ก็เป็นเรื่องปกติยิ่ง ข้าคิดดูแล้ว ไม่มีอะไรทำให้ท่านเชื่อถือได้เลยจริงๆ” เธอเงยหน้ามองท้องฟ้าด้านนอก “เอาล่ะ ดึกแล้ว ควรฝึกวรยุทธ์ได้แล้ว! ยิ่งฟื้นฟูได้เร็วพวกเราก็สามารถสลับร่างคืนได้เร็วยิ่งขึ้น ต่างคนต่างอยู่”

นั่งขัดสมาธิลงบนเตียง ทำสมาธิด้วยท่าทางจริงจังยิ่ง “พวกเราเริ่มกันเถอะ!”

ตี้ฝูอีเงียบงัน

ดูเหมือนหนนี้จะล่วงเกินนางเข้าเสียแล้ว

หากนางเอะอะโวยวายกับเขาระบายอารมณ์ใส่เขายังพอว่า แต่นางกลับเริ่มห่างเหินหมางเมินใส่เขาอย่างแท้จริงแล้ว…

เขาคิดไม่ออกชั่วขณะว่าต้องทำอย่างไรถึงจะกลับมาใกล้ชิดกันอีกครั้งได้

เขามีฐานะสูงส่งมาชั่วชีวิต คุ้นเคยกับการทำตามอำเภอใจมาโดยตลอด กล่าวได้ว่าค่อนข้างยึดตนเองเป็นที่ตั้ง กระทำการใดพิจารณาเพียงว่าถูกหรือผิด ใคร่ครวญหาทางลักที่รวดเร็วที่สุด ไม่เคยคำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่น และไม่เคยสนใจความรู้สึกของผู้อื่นเลย…

ยามนี้เป็นครั้งแรกที่เขามีคนที่ใส่ใจ และอบรมเพียงนาง เอ็นดูเพียงนาง ชมชอบเพียงนาง หยอกเย้าเพียงนาง แต่ยามที่จัดการเรื่องราวยังคงใคร่ครวญไปตามความเคยชิน ใช้วิธีตามความเคยชิน…หากว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กสาวน่ารักซื่อใสไร้เดียงสาคนหนึ่งก็แล้วไปเถิด นางจะเติบโตอย่างสงบสุขปลอดภัยภายใต้ปีกของเขา หากนานๆ ทีโป้ปดนางบ้างสักครั้ง พนันได้เลยว่าอย่างมากนางก็แค่แง่งอนเล็กน้อย กระเง้ากระงอดใส่เขา ขอเพียงเขาปลอบประโลมสักหน่อยก้กล่อมได้แล้ว

แต่อีกฝ่ายกลับเด็ดเดี่ยวห้าวหาญ เป็นเด็กสาวที่กล้าได้กล้าเสีย ความคิดละเอียดลออพอๆ กับเขา หากล้ำเส้นนางเข้า คิดจะกล่อมอีกครั้งก็ยากแล้ว…

ยิ่งไปกว่านั้นคือ บางเรื่องค่อนข้างเกี่ยวพันใหญ่โตเกินไป เขาไม่สามารถอธิบายกับนางได้จริงๆ

ช่างเถิด! ปล่อยให้นางเงียบขรึมไปก่อนสักสองสามวัน เดี๋ยวเขาค่อยๆ ตะล่อมนางไปช้าๆ ก็ได้

ตอนนี้ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ

ตอนนี้นางคุ้นเคยกับการฝึกฝนแล้ว ตี้ฝูอีแค่ชี้แนะนางบ้างเป็นบางครั้ง จากนั้นก็จับตามองความคืบหน้าในการฝึกฝนของนางก็พอ

————————————————————————————-

[1]  คัมภีร์สวรรค์ อุปมาถึงเรื่องที่ซับซ้อนเข้าใจยาก

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset