บทที่ 809 ท่านอย่ามารุ่มร่าม
คำถามนี้ของตี้ฝูอีตอบไม่ได้ง่ายๆ กู้ซีจิ่วค่อนข้างใจลอยอยู่บ้าง
ตี้ฝูอีรออยู่สักครู่ ไม่ได้รับคำตอบจากเธอเลย จึงหัวเราะขื่นๆ คราหนึ่ง “ข้าเข้าใจแล้ว!”
กู้ซีจิ่วเงยหน้ามอง เขาเข้าใจอะไร?
ตี้ฝูอีตอบอย่างเฉยเมย “สุดท้ายแล้วข้าก็ไม่ใช่เจียงไท่กง และเจ้าก็มิใช่อ๋องโจวเหวิน…”
ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด กู้ซีจิ่วจึงฟังความรู้สึกอ้างว้างจากสองประโยคนี้ของเขาออก หัวใจวูบโหวงขึ้นมาอย่างน่าประหลาด!
เขากลับลุกขึ้นแล้วเอ่ยว่า “อันที่จริงข้าไม่ได้สนใจการตกปลา ถึงขั้นไม่ใคร่ชอบกินปลาด้วยซ้ำ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องตกแล้ว! ไปเถอะ ไปสลับร่างคืนกัน ควรจะกลับไปเป็นตัวเองกันได้แล้ว!”
พลางสาวเท้าออกไป
….
ทั้งสองนั่งประจันหน้ากันอีกครั้ง ตี้ฝูอีสอนให้เธอใช้ร่างของเขาร่ายวิชาสลับร่างคืนอย่างไรไปทีละขั้นๆ คนหนึ่งตั้งใจสอน อีกคนก็ตั้งใจฟัง ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงจับเคล็ดได้รวดเร็วยิ่ง
หลังจากสอนจบเขาก็ให้เธอลองทำให้ดูหนึ่งรอบ หลังจากยืนยันได้ว่าไม่มีข้อผิดพลาด ถึงให้เธอสำแดงออกมา
เป็นครั้งที่กู้ซีจิ่วได้ใช้ร่างของตี้ฝูอีสำแดงวิชาคาถาของเขา หลังคาถาที่ซับซ้อนชุดนั้นถูกเธอร่ายออกมา ร่างกายของทั้งสองก็เปล่งแสงสีรุ้งออกมา…
หลังจากแสงนั้นโอบล้อมพวกเขาไว้ กู้ซีจิ่วก็รู้สึกว่าเบื้องหน้าพลันมืดมนลง ร่างกายเบาหวิว ต่อมาถึงรู้สึกว่ากลับมาเหยียบอยู่บนพื้นอีกครั้ง…
เธอลืมตาขึ้น จากนั้นก็เห็นตี้ฝูอีที่อยู่ตรงข้ามเพิ่งลืมตาขึ้นมาเช่นกัน
ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่ง กู้ซีจิ่วถอนหายใจยาวๆ เฮือกหนึ่ง “ในที่สุดก็สลับคืนได้แล้ว!” พลางเอนกายไปด้านหลัง ล้มตัวนอนบนเตียงของตน คงจะเกี่ยวกับการที่เพิ่งสลับร่างคืนได้ เธอเลยรู้สึกว่าร่างกายของตนค่อนข้างอ่อนล้า เส้นเอ็นและกระดูกปวดร้าวอยู่บ้าง ถึงขึ้นรู้สึกหลอนว่าบังคับแขนขาไม่ได้…
ตี้ฝูอีสะบัดแขนเสื้อนิดๆ สำแสงสีขาวสายหนึ่งพุ่งออกมาดั่งวารี กวาดผ่านร่างกายเธอไป ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงไม่อาจขยับเขยื้อนได้!
เธอตกตะลึง มองกู้ซีจิ่วที่อยู่ตรงกันข้ามลุกขึ้นมา เอ่ยถามออกไป “ท่านทำอะไร?” อยู่ดีๆ ทำไมถึงสกัดจุดเธอล่ะ?
ตี้ฝูอีเข้ามาใกล้เธอ หลุบตามองเธอ ริมฝีปากแดงเรื่อหยักโค้งนิดๆ “เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรล่ะ?”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน
พอคนผู้นี้กลับสู่ร่างเดิม กลิ่นอายความมีอำนาจนั้นก็แผ่ออกมาทันที!
แถมวิชานี้ที่เขาใช้ก็ล้ำเลิศนัก สามารถควบคุมผู้อื่นได้สบายๆ
ทว่าตอนที่เธออยู่ในร่างนั้นของเขากลับใช้วิชาอันใดไม่ได้เลย ตามที่ตี้ฝูอีว่าไว้คือ ดวงวิญญาณของเธอแบกรับไม่ไหว ต่อให้อยู่ในสังขารเทพเซียน ก็ใช้วิชาเทพเซียนไม่ได้ ดีไม่ดีอาจถูกเวทวิชาสะท้อนกลับได้ ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่ยอมสอนให้เธอ
ถึงแม้เธอจะอยู่ในร่างเทพเซียนนี้เกือบครึ่งเดือน ก็ทำได้เพียงแสร้งวางท่าต่อหน้าผู้อื่นเท่านั้น…
และยามที่ตี้ฝูอีอยู่ในร่างเธอ เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่นนอกจากไม่ค่อยใกล้ชิดผู้อื่นแล้ว กริยาท่าทางอย่างอื่นล้วนเหมือนเธอทุกประการ ถึงแม้เมื่อกลับถึงเรือนนี้เขาจะเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา แต่ก็แค่เฉื่อยชาไปนิด ชอบเย้าหยอกผู้อื่นไปหน่อย แถมบางครั้งยังแสร้งอ่อนแอต่อหน้าเธอด้วย ทำให้เธอตกใจไปบ้าง ฝีมือการแสดงของคนผู้นี้สามารถสยบจักรพรรดิจอเงินได้เลยด้วยซ้ำ!
ตอนนี้เขากลับคืนร่างของเขาเองแล้ว ความทรงอำนาจที่เคยมีก็ปรากฏขึ้นมาทันที!
นี่ถึงจะเป็นตี้ฝูอีที่เธอคุ้นเคย และทำให้เธอรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง…
เขานั่งหน้าร่างเธอ ยิ้มน้อยๆ มองดูเธอ “ซีจิ่ว เจ้าคิดว่าตอนนี้ข้าอยากทำอะไรเจ้าล่ะ?”น้ำเสียงแฝงเสน่ห์ดึงดูด เจือแววบีบคั้นผู้อื่นรางๆ
ท่าทางและการกระทำเช่นนี้ของเขายากนักที่จะทำให้ผู้อื่นไม่คิดเหลวไหล!
ร่างกายกู้ซีจิ่วเคลื่อนไหวไม่ได้ ทว่ายังคงพูดได้ “ท่านอย่ามารุ่มร่ามนะ!”
————————————————————————————-
บทที่ 810 เป็นเด็กที่แก่แดดเสียจริง
จู่ๆ สมองก็นึกถึงถ้อยคำที่ตี้ฝูอีเคยเตือนไว้ ‘ข้ามีเป็นหมื่นวิธีที่สามารถแยกพวกเจ้าออกจากกันได้ รวมถึงการครอบครองเจ้าโดยตรงหรือไม่ก็สังหารเขาซะ!’
หรือว่าตอนนี้เขาคิดจะข่มเหงเธอ?
เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทั้งร่างกู้ซีจิ่วล้วนแข็งทื่อ “ตี้ฝูอี ท่านอย่ามารุ่มร่ามนะ! ท่านเพิ่งจะออกจากร่างนี้ไป ก็เหมือน…ก็เหมือนเป็นร่างของท่านเองเหมือนกัน ท่านไม่ควรจะเกิดความสนใจ…”
ตี้ฝูอีเงียบงัน ยกมือขึ้นมา ค่อยๆ ยื่นเข้าหาทรวงอกเธอ…
จะอย่างไรกู้ซีจิ่วก็นึกไม่ถึงเลยว่าพอสลับร่างคืนแล้วจะประสบพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ แทบจะโง่งมไปแล้ว อดไม่ได้ที่กรีดร้องว่า “ตี้ฝูอี ต่อให้เจ้าได้ร่างข้าไปก็จะไม่ได้หัวใจข้าด้วย!”
ตี้ฝูอียิ้ม ดรรชนีพลันจี้ออกมาติดๆ กัน กระแสลมจากดรรชนีเหล่านั้นซัดใส่ร่างเธอ กู้ซีจิ่วรู้สึกเพียงว่าชีพจรทั้งร่างที่ค่อนข้างเคร่งตึงคล้ายจะเปิดโล่งขึ้นมาทันที มีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
ความอ่อนล้า ปวดเมื่อยที่เคยครอบงำร่างเธอ ดั่งหิมะที่ละลายในฤดูใบไม้ผลิ สลายไปกับกระแสดรรชนีของเขา
เขายกมือขึ้นคลายจุดเธอ พลางเอ่ย “ลองลุกขึ้นมาเดินสิ ยังมีจุดไหนที่รู้สึกไม่สบายอยู่หรือไม่?”
กู้ซีจิ่วชะงักไปครู่หนึ่ง ลงจากเตียงทันที ลองขยับแขนขยับขาอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกปลอดโปร่งผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กระทั่งพลังวิญญาณก็เปี่ยมล้นมีชีวิตชีวากว่าแต่ก่อนไม่น้อย
เธอสงบใจแล้วตรวจสอบรากฐานวิญญาณของตนดูตามสัญชาตญาณ นัยน์ตาพลันเปล่งประกาย!
ขั้นหกแล้ว! ช่วงเวลาหลายวันมานี้เขายกระดับร่างนี้ให้เธอ! เธอไม่เห็นเลยว่าเขาไปฝึกฝนตอนไหน….
เธอปลาบปลื้มอยู่ในใจ เอ่ยขอบคุณเขาโดยตรง “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ขอบพระคุณ ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจ” ตี้ฝูอีตอบอย่างไม่อินังขังขอบ
“เมื่อครู่เหตุใดข้าถึงมีสภาพเช่นนั้นหรือ?” กู้ซีจิ่วยังคงฉงนอยู่บ้าง
“ข้ายกระดับร่างกายของเจ้า แต่ดวงวิญญาณของเจ้ายังมิได้ยกระดับ เมื่อเข้าไปเข้ากันไม่ค่อยได้ เมื่อครู่ข้าใช้วิชาเสริมพลังให้ดวงวิญญาณของเจ้าเล็กน้อย อาการจึงหายไป” ตี้ฝูอีอธิบายแก่เธอ
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!
กู้ซีจิ่วลองขยับแขนขาดูอีกครั้ง แล้วเพ่งพิศตี้ฝูอีต่อหลายครา “นึกไม่ถึงว่าท่านจะฟื้นฟูได้รวดเร็วยิ่ง ไม่เกิดสภาวะเข้ากันไม่ได้สักนิดเลย”
ตี้ฝูอีเอ่ยเรียบๆ ว่า “อืม เนื่องจากร่างนี้ของข้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากแต่ก่อนเลย และเจ้าก็ไม่ได้ยกระดับอะไรมัน อีกทั้งดวงวิญญาณของข้าก็แข็งแกร่ง ย่อมเข้ากันได้ดีอย่างยิ่ง” เขายังคงถ่ายทอดความรู้ให้เธอ
นี่เขากล่าวโทษที่เธอไม่ได้ยกระดับให้เขาใช่ไหม? แต่พลังวิญญาณของเขาเลิศล้ำไร้เทียมทานเกินไป ล้ำลึกดั่งร่องลึกก้นสมุทร เธอไม่รู้เลยว่าสรุปแล้วตอนนี้ระดับของเขาอยู่ที่ขั้นใด…
“เอาเถิด นอนซะ เจ้าเพิ่งกลับเข้าร่างต้องพักผ่อนสักหน่อยถึงจะดี” ตี้ฝูอีก็ขึ้นเตียงของตน ยามที่เขาจะปลดม่านเตียงลงมาจู่ๆ ก็เอ่ยถามเธอขึ้นมาประโยคหนึ่ง “ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าเสริมพลังให้วิญญาณเจ้า เจ้ากล่าวอันใดออกมา?”
กู้ซีจิ่วนิ่งงัน
ตี้ฝูอีกล่าวเนิบๆ อีกครา “เมื่อครู่เจ้าคงคิดเหลวไหลกระมัง? เป็นเด็กที่แก่แดดเสียจริง!”
กู้ซีจิ่วน้ำท่วมปาก
เป็นเขาที่จงใจทำตัวคลุมเครือเองมิใช่หรือ?! จะมาโทษว่าเธอคิดเหลวไหลได้ยังไง?
เธอดึงผ้าห่มมาคลุมหน้าอย่างหงุดหงิด จากนั้นเธอก็ดมร่างตัวเองอยู่ในผ้าห่ม
แปลกนัก กลิ่นหอมพิศวงนั้นหายไปแล้ว…
ยามที่ตี้ฝูอีอยู่ในร่างนี้ของเธอ เมื่อเข้าใกล้เธอ เธอจะได้กลิ่นหอมน่าหลงใหลชนิดนั้นที่มีเฉพาะบนร่างเขา ทำให้เธอรู้สึกว้าวุ่นอย่างน่าประหลาด ยังนึกอยู่ว่าเขาใช้กำยานหอมพิเศษอะไรบางอย่าง แต่ตอนนี้เมื่อทั้งสองสลับร่างคืน ว่ากันตามเหตุผลแล้ว กลิ่นหอมนี้ก็ไม่ควรจะติดตัวเขาไปด้วยสิ แม้แต่กลิ่นหอมก็หายไปด้วยได้ยังไงกันนะ?