บทที่ 817 สละทุกสิ่งเพื่อนางได้ไหม
หากความรักทำให้คนประหม่ากังวล ทำให้จิตใจคนไม่สงบ ทำให้คนทุกข์ร้อน เสมือนอยู่บนปากเหว…ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไม่ต้องการความรักเช่นนี้!
เขารักเธอ? สามคำนี้ง่ายดายนัก แต่เขารักเธอจริงๆ น่ะหรือ? ประโยคนี้เขาเคยเอ่ยกับสตรีมามากน้อยเพียงใดแล้ว?
ส่วนความรู้สึกรักใครที่มีต่อคนผู้หนึ่งที่เขาพูดเหล่านั้น ล้วนเป็นถ้อยคำเสกสรรปั้นแต่งของพวกนักเขียนนิยาย ไม่ใช่ความจริงเลย! ต่อให้มีก็เป็นเพียงอารมณ์เร่าร้อนชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น เป็นเพราะฮอร์โมนในร่างกายทำงานผิดปกติ ไม่ยั่งยืนนาน…
พวกเธอเป็นนักฆ่าได้มีความรักเรียบง่ายก็เพียงพอแล้ว โลกนี้สงบยั่งยืน ถ้าถือได้ต้องวางเป็น ต่อให้สูญเสียไปก็ไม่รู้สึกว่าโลกนี้ดับสลาย ยิ่งไม่อาจรักจนบ้าคลั่งได้ ความรักเช่นนี้ถึงจะเหมาะกับตัวเธอ…
เธอไม่อยากคุยกับเขาต่อ พลันหันหลังให้ จากไปทันที
ตี้ฝูอียืนอยู่ที่เก่า มองดูเงาหลังของนางห่างออกไปอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นอย่างเฉยชา “ออกมาได้แล้ว! แอบดูอยู่นานถึงเพียงนี้เจ้าไม่เหนื่อยบ้างหรือ?”
บนต้นไม้ใหญ่มีเงาร่างคนปรากฏขึ้น ท่ามกลางรัตติกาลอาภรณ์ขาวดั่งหิมะโดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ เป็นหลงซือเย่
เขากระโดดลงมา มองตี้ฝูอีด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “ตี้ฝูอี ที่แท้เจ้าพบข้าตั้งนานแล้ว!”
ตี้ฝูอียิ้มมุมปากแวบหนึ่ง “วิชาพรางกายของเจ้าเป็นข้าที่สอนให้ เจ้านึกว่าจะเล็ดรอดสายตาข้าไปได้หรือ?”
“เมื่อครู่ที่เจ้าทำเช่นนั้นกับนางก็เพราะเจตนาทำให้ข้าเห็นสินะ? จงใจจูบนางต่อหน้าข้า บีบคั้นนางต่อหน้าข้า…” นิ้วมือของหลงซือเย่กำแน่น
ตี้ฝูอีนั่งลงบนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง “ยามที่ข้าจูบนางนึกว่าเจ้าจะทนไม่ไหวจนพุ่งออกมา คาดไม่ถึงว่าความอดทนของเจ้าสูงนัก ข่มกลั้นโทสะไว้ได้ นี่ก็คือความรักของพวกเจ้าหรือ?”
ริมฝีปากบางของหลงซือเย่เม้มแน่น “ความรู้สึกระหว่างข้ากับนางเจ้าไม่เข้าใจหรอก”
ตี้ฝูอีหัวเราะเหอะคราหนึ่ง “ใช่แล้ว ข้าไม่เข้าใจพวกเจ้าจริงๆ…หลงซือเย่ เจ้ารักนางจริงๆ หรือ?”
หลงซือเย่หน้าซีดเผือด กลับไม่อยากตอบ
สายของตี้ฝูอีจับจ้องเขา “นางรักเจ้าหรือไม่นั้นละไว้ก่อนชั่วคราว เจ้ารักนางจริงหรือ?”
หลงซือเย่ขมวดคิ้ว ตอบอย่างไม่ลังเล “ยังต้องพูดอีกหรือ?! ข้ารักนาง!”
“รักจนสามารถสละทุกสิ่งเพื่อนางได้ไหม?”
หลงซือเย่ชะงักไปแวบหนึ่ง “เจ้าหมายความว่ายังไง?”
“หากว่ารักนางแล้วต้องละวางฐานะสานุศิษย์สวรรค์เล่า? ต้องละทิ้งเกียรติยศทั้งหมดของเจ้าเล่า?”
คิ้วหลงซือเย่ขมวดมุ่น “นี่เกี่ยวอะไรกับฐานะสานุศิษย์สวรรค์?”
“อาจจะเกี่ยวก็ได้…” น้ำเสียงตี้ฝูอีเฉยเมย “หลงซือเย่ ข้าเคยบอกเจ้าไว้นานแล้ว เจ้ากับนางไร้วาสนาต่อกัน หากเจ้าดึงดันจะครอบครองวาสนานี้อาจต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลที่ทัดเทียมกัน! ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วว่ายินยอมจ่ายค่าตอบแทนนี้หรือไม่ เจ้าพูดมาก่อนสิว่าเจ้ายินยอมไหม?”
หลงซือเย่กระอักกระอ่วนแล้ว “ข้าไม่เชื่อ! ตอนนี้ระหว่างข้ากับนางไม่มีอุปสรรคใดๆ แล้ว ต่อให้เจ้ามิให้พวกเราแต่งกันพวกเราก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ ภายภาคหน้าข้าไม่แต่งงานนางไม่ออกเรือนก็พอแล้ว ข้าจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้นาง ทำไมข้าต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลอะไรนั่นด้วย? คำพูดนี้ของเจ้าไม่มีข้อพิสูจน์เลย!”
ตี้ฝูอีจ้องมองเขา “อันที่จริงเจ้ากำลังหลบเลี่ยงคำถามนี้อยู่สินะ?”
หลงซือเย่สะบัดแขนเสื้อจากไป “เพราะคำถามนี้ของเจ้าไม่มีทางเกิดขึ้น ข้าจึงไม่จำเป็นต้องตอบเจ้า!”
“หลงซือเย่ ข้าจะแข่งขันกับเจ้าอย่างเป็นธรรม จะไม่ปล่อยนางไป!” ตี้ฝูอีเอ่ยไล่หลังเขา
หลงซือเย่ร้องหึอย่างเย็นชาคราหนึ่ง “เจ้าจะต้องผิดหวัง!” เงาร่างวูบไหวในราตรี หายลับไป
ตี้ฝูอียืนอยู่ริมลำธารมองเขาจากไป ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย
————————————————————————————-
บทที่ 818 บางทีสายธารก็คงมีรักเช่นกัน
แม้แต่ถามเขายังไม่กล้าถามเลย หากเขาต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลเช่นนั้นเขาจะยินยอมหรือ? ความรักที่เขามีต่อกู้ซีจิ่วล้ำลึกถึงเพียงนั้นจริงๆ น่ะหรือ?
บางทีความรู้สึกที่หลงซือเย่มีต่อสาวน้อยผู้นั้นอาจไม่ล้ำลึกดั่งที่เขาจินตนาการไว้กระมัง?
อย่างน้อยก็ไม่ล้ำลึกเท่าตัวเขาตี้ฝูอี!
หากว่าสาวน้อยผู้นั้นมีความรู้สึกต่อหลงซือเย่จริงๆ หากแยกจากกันแล้วพวกเขาทั้งสองจะเศร้าหมองตรอมใจ เช่นนั้นเขาสามารถใคร่ครวญเรื่องการรามือจากคู่รักคู่นี้โดยสมบูรณ์ได้
แน่นอนว่าเขาย่อมเป็นทุกข์ แต่เพื่ออนาคตอันงดงามของนางเขาก็ทำได้เพียงพยายามอย่างสุดความสามารถ ต่อให้กระอักโลหิตก็ต้องกล้ำกลืนไว้ ขอเพียงนางมีความสุขจริงๆ ก็พอแล้ว
แต่ยามนี้เห็นได้ชัดว่ามิใช่ ความรู้สึกที่กู้ซีจิ่วมีต่อหลงซือเย่คล้ายว่าเป็นความเคยชินอย่างหนึ่ง หรือไม่ก็เป็นเกราะป้องสำหรับหลบเลี่ยงตัวเขาตี้ฝูอี นางชมชอบหลงซือเย่จริงๆ แต่คล้ายจะเป็นความชื่นชอบและพึ่งพาอาศัยแบบพี่ชายมากกว่า ดูเหมือนไม่ได้ตกหลุมรักเขาจริงๆ…
ส่วนหลงซือเย่…เขารักกู้ซีจิ่วจริงๆ แต่ความรักของเขาเกรงว่าจะไม่มั่นคงมากขนาดนั้น หากสายลมโหมกระหน่ำต้นหญ้าย่อมสั่นไหว เขาจะทิ้งนางหรือไม่ก็บอกได้ยากนัก…
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจะรามือไปทำไมเล่า?!
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องคว้าเอาไว้ถึงจะไม่ผิดต่อตัวเอง!
ยามนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วง ใบเฟิงสีแดงดั่งเปลวเพลิงร่วงหล่นลงบนผิวน้ำเป็นครั้งคราว สายธารพัดพาใบไม้ลอยไปไกล
“บุปผาร่วงโรยด้วยมีใจ สายธารหลั่งไหลกลับไร้รัก…” ตี้ฝูอีพึมพำสองวลีนี้ออกมา สายตาเหม่อมองใบเฟิงนั้น
สายธารไร้รักจริงหรือ? บางทีสายธารก็คงมีรักเช่นกัน เพียงแต่มันไม่รู้ตัวเท่านั้น
เขายืนเหม่ออยู่ตรงนั้น ใบเฟิงปลิดปลิวรอบกายเขาดั่งภาพวาด เขายกมือขึ้นเงียบๆ ดีดปลายนิ้วคราหนึ่ง ยิงลงสู่น้ำ สายน้ำสั่นไหวก่อเกิดระลอกคลื่น สายน้ำที่อ่อนโยนพัดพามันไหลไปเบื้องหน้าต่อ…
“นายท่าน ดึกมากแล้ว ท่านกลับไปพักผ่อนสักหน่อยดีไหมขอรับ?” มู่เฟิงที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน ยืนอยู่ข้างกายเขา
ตี้ฝูอีพลันเอ่ยถาม “จัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยหรือยัง?”
“นายท่านโปรดวางใจ! จะไม่เกิดความผิดพลาดเด็ดขาดขอรับ!” มู่เฟิงรับประกัน
ตี้ฝูอีพยักหน้านิดๆ “ผู้ใดจับตาดูอวิ๋นชิงหลัว?”
“เป็นหลิงซีขอรับ นายท่าน วิชาหุ่นเชิดของหลิงซีล้ำเลิศกว่าอวิ๋นชิงหลัว การจับตามองอวิ๋นชิงหลัวของนาง ไม่เกิดข้อผิดพลาดขอรับ”
ตี้ฝูอียิ้มบางๆ “ยอดเยี่ยม! ข้าค่อนข้างปรารถนาให้วันพรุ่งนี้มาถึงโดยเร็ว”
ดวงตามู่เฟิงส่องประกายวาววับ “ข้าน้อยก็ปรารถนาเช่นกันขอรับ! ปากถุงเปิดอ้าไว้แล้ว แค่รอให้เหยื่อมุดเข้ามาเท่านั้น!”
….
ยามที่ตี้ฝูอีกลับไปถึงที่พักของตนก็พบว่ากู้ซีจิ่วไม่อยู่ด้านในแล้ว บนเตียงที่อยู่ตรงข้ามกันก็ไม่มีนางแล้ว
เขาทำให้นางขวัญเสียหรือ? ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่กล้ากลับมาสินะ? ยามนี้ยังเตร็ดเตร่อยู่ด้านนอกหรือเปล่านะ?
ดูเหมือนเขาจะทำเกินเหตุไปหน่อย…
แต่ด้วยสภาพเช่นนั้นของนางหากไม่ใช้ยาแรงกับนางนางก็คงไม่มอบโอกาสใดๆ ให้เขา…
เขาย่างออกมา ลองสัมผัสดูครู่หนึ่ง แล้วหันหลังก้าวไปทางศาลากลางน้ำ
กู้ซีจิ่วงีบอยู่ในศาลาหลังนี้จริงๆ ภายในศาลาค่อนข้างหนาวเย็น แต่ด้วยสภาพร่างกายของนางในยามนี้ ความหนาวเย็นนี้ย่อมไม่นับว่าเป็นอันใดเลย
ในศาลามีมานั่งยาว มีตั่งคนงาม เป็นสถานที่ที่เหมาะให้คนพักผ่อนนัก
ยามนี้นางนอนอยู่บนตั่งคนงาม ตัวตั่งค่อนข้างกว้าง เพียงพอให้ใช้มันเป็นเตียงพักผ่อนได้
หลังจากถูกตี้ฝูอีสอบสวนและบังคับจูบ กู้ซีจิ่วก็รู้สึกว่า การนอนร่วมห้องกับเขาต่อไปไม่ค่อยปลอดภัย และค่อนข้างอึดอัดใจ ดังนั้นหลังจากกลับมาเธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ออกมาจากห้องพักนั้น
เธอทราบดีว่ายามนี้อยู่ในสถานการณ์พิเศษ เป็นคืนก่อนศึกใหญ่ เธอไปจากที่นี่ไม่ได้ เลี่ยงมิให้ผู้อื่นสงสัยขึ้นมาจนล้มเหลวในก้าวสุดท้าย ดังนั้นเธอจึงมานอนที่ศาลากลางน้ำหลังนี้