บทที่ 839 เธอไม่สบายใจยิ่งนัก!
เนื่องจากเป็นการเล่นไปตามสถานการณ์ กู้ซีจิ่วที่ยามนั้นยังอยู่ในร่างของตี้ฝูอี เธอย่อมไม่คัดค้านอะไร
ทว่าตี้ฝูอีกลับเอ่ยเพียงประโยคเดียวว่า “ข้าไม่เห็นด้วยเรื่องการเล่นละครกับนาง เจ้าสำนักหลงไม่จำเป็นต้องรับบทน่ารันทดนี้”
ยามนั้นหลงซือเย่ก็ยิ้มแวบหนึ่งแล้วตอบว่า “ผู้แซ่หลงรับบทนี้มิใช่เพื่อท่าน แต่เพื่อซีจิ่ว เพื่อทั้งใต้หล้า คนผู้นี้จิตใจทะเยอทยาน จะต้องมีขุมอำนาจหนุนหลังอยู่เป็นแน่ ครั้งนี้เป้าหมายที่เขาจะลงมือคือท่าน หากปล่อยให้เขาทำสำเร็จ เป้าหมายต่อไปน่าจะเป็นพวกเราแล้ว สานุศิษย์สวรรค์ตามหลักแล้วย่อมเป็นพวกเดียวกัน สมควรช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เรื่องนี้ข้าไม่ทราบก็แล้วไปเถิด ทว่าในเมื่อทราบแล้วย่อมต้องช่วยอย่างมิอาจปัดความรับผิดชอบได้”
วาจานี้กล่าวอย่างเร่าร้อนฮึกเหิม ทำให้กู้ซีจิ่วประทับใจในตัวเขาเช่นกัน
กู้ซีจิ่วที่เดิมทีไม่ได้บอกเรื่องการสลับร่างให้เขาทราบแต่เนิ่นๆ ในใจจึงค่อนข้างรู้สึกผิดต่อเขา ในเมื่อเขาเสนอแผนการนี้ออกมา เธอย่อมเห็นด้วยอยู่แล้ว
ด้วยเหตุนี้แผนการนี้จึงถูกวางขึ้น
ตอนนี้ผู้ที่บงการเบื้องหลังก็ฮุบเหยื่อโผล่หัวออกมาแล้ว แม้แต่ลูกน้องของเขาหุ่นเชิดของเขาก็นับว่าถูกกวาดล้างจนสิ้นซากแล้ว ดังนั้นแผนการนี้ถือว่าประสบความสำเร็จยิ่งนัก ยามนี้หลงซือเย่เปิดเผยออกมาที่นี่ก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม และนับว่าเป็นการอธิบายความสนิทชิดเชื้อระหว่างเธอกับตี้ฝูอีให้กระจ่างชัดเจน แน่นอน วาจาประโยคนี้ของเขาเท่ากับเป็นการบังคับให้ความสัมพันธ์นี้สิ้นสุดลงด้วย
กู้ซีจิ่วก็ทราบว่าให้หลงซือเย่เอ่ยออกมาในยามนี้คือโอกาสที่เหมาะสมที่สุด เธอก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องคัดค้าน และแน่นอนว่าเธอย่อมไม่ปฏิเสธเช่นกัน
อย่างไรเสียก่อนที่จะสลับร่างเธอก็ตัดสินใจสานสัมพันธ์กับหลงซือเย่แล้วจริงๆ ตนมีความคิดว่าจะลองอยู่ร่วมกับเขาดู ถึงแม้จะไม่ได้ทำอะไร แต่ก็นับว่ามีความสัมพันธ์กึ่งๆ คนรักแล้ว
เป็นเพราะต่อมาเกิดเรื่องสลับร่างขึ้นถึงทำให้เธอต้องมีความสัมพันธ์ที่ดูคลุมเครือกับตี้ฝูอีอีกครั้ง…
คำอธิบายของหลงซือเย่ในยามนี้ช่วยคลายปมที่ฝูงชนคิดว่าเธอโลเลไปมาเมื่อหลายวันก่อนได้พอดี ตอนนี้เธอกับตี้ฝูอีก็นับว่าอยู่ใครอยู่มันแล้ว ละครก็ปิดฉากลงแล้ว ตามหลักก็ควรกลับไปใช้ชีวิตตามวิถีของแต่ละคน…
สิ่งที่หลงซือเย่ทำนั่นไม่ผิดเลย แต่ว่า…
เธอไม่สบายใจยิ่งนัก!
ในบรรดาฝูงชนที่อยู่ที่นี่หลานไว่หูกระโจนออกมาเป็นคนแรก สาวน้อยยิ้มตาหยีพลางกล่าวว่า “ซีจิ่ว ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง หลายวันก่อนข้าเข้าใจเจ้าผิดไปแล้ว”
เชียนหลิงอวี่ก็วิ่งเข้ามาเหมือนกัน “ซีจิ่ว ที่แท้พวกเจ้าก็เล่นละครนี่เอง ฮ่าๆ เจ้าแสดงได้สมบทบาทจริงๆ!”
กู้ซีจิ่วพูดอะไรไม่ออก
เธอฝืนข่มความว้าวุ่นในจิตใจลงทันที ยิ้มแวบหนึ่ง “โชคดีที่ละครฉากนี้จบลงแล้ว ซีจิ่วมีวาสนา ได้รับการสนับสนุนจากท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายและเจ้าสำนักหลงจึงเล่นละครฉากนี้ได้ เอาล่ะ ข้าเหนื่อยแล้ว ขอตัวลากลับก่อนแล้วกัน”
พลันหมุนกาย ใช้วิชาเคลื่อนย้ายจากไป
หลงซือเย่เงียบงัน หัวใจของเขาจมดิ่งนิดๆ ซีจิ่วกล่าวโทษที่หนนี้เขาเจ้ากี้เจ้าการทำโดยพลการใช่ไหม?
แต่ถ้าไม่ทำเช่นนี้ก็ไม่สามารถสยบเรื่องยุ่งเหยิงนี้ได้ เขาไม่อยากเสียเธอไป ดังนั้นจึงทำได้เพียงอาศัยจังหวะที่อยู่ที่นี่ตัดความสัมพันธ์ทุกอย่างระหว่างเธอกับตี้ฝูอีเสีย…
เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปทางตี้ฝูอีแวบหนึ่ง ตี้ฝูอีกลับกล่าวอย่างเฉยชาเพียงประโยคเดียว “ข้าไม่เคยเล่นละครเลย” จากนั้นสั่งการลูกน้อง “ไปเถอะ ข้าก็ล้าแล้วเหมือนกัน”
ผู้คุ้มกันทั้งสี่ของเขาย่อมตอบรับอย่างผ่อนคลาย ยกตั่งนุ่มของตี้ฝูอีจากไปปานสายลมหอบหนึ่ง
หลงซือเย่หลุบตาลงนิดๆ ความรู้สึกวิกฤตของเขาเริ่มปะทุขึ้นแล้ว!
….
ชีวิตของกู้ซีจิ่วกลับเป็นปกติอีกครั้ง
เธอย้ายออกจากเรือนหลังนั้นของตี้ฝูอี เธอมีข้าวของไม่มาก ส่วนใหญ่ล้วนเก็บไว้ในถุงเก็บของ ดังนั้นพอต้องย้ายออกก็ไม่ต้องไปที่เรือนของเขาอีก ตกค่ำก็กลับไปพักผ่อนที่เรือนของตนได้เลย
————————————————————————————-
บทที่ 840 บุตรชายผู้โง่เขลาของตระกูลที่ร่ำรวย
เนื่องจากตอนนี้เธอเป็นศิษย์ชั้นเมฆาม่วงแล้ว ดังนั้นเธอจึงได้รับจัดสรรเรือนเดี่ยวหลังหนึ่ง
เรือนเดียวหลังนี้ย่อมเทียบกับคฤหาสน์อันหรูหราหลังนั้นของตี้ฝูอีไม่ติด แต่ดีร้ายอย่างไรเธอก็มีเรือนส่วนตัวแล้ว เธอสามารถจัดแต่งด้วยตัวเองได้แล้ว
และเพื่อฝึกฝนความสามารถแขนงต่างๆ ของศิษย์ เรือนที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์จัดสรรให้ศิษย์จึงมีเพียงข้าวของที่เป็นพื้นฐานสุดๆ เท่านั้น คล้ายกับห้องเปล่าในยุคปัจจุบันมาก สามารถอยู่อาศัยได้ เพียงแต่ถ้าใครมีความคิดหน่อยก็ล้วนออกแบบและตกแต่งใหม่ทั้งนั้น
ตามกฎของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ ขอเพียงลักษณะภายนอกของเรือนเดี่ยวที่มอบให้ศิษย์เหล่านี้ยังอยู่ในสภาพเดิม ภายในจะตกแต่งอย่างไรก็แล้วแต่พวกเขาเถิด
อย่างไรเสียหากไม่มีเหตุเหนือความคาดหมายอันใด ก็จะเป็นเรือนที่ต้องอาศัยไปอีกแปดเก้าปี ดังนั้นเหล่าศิษย์จึงยังคงพิถีพิถันทุ่มเทในด้านนี้ยิ่งนัก
ส่วนใหญ่ล้วนยึดตามหลักเกณฑ์ความชอบของตน
ยกตัวอย่างเช่นเรือนของเยี่ยนเฉินที่เรียบง่ายบรรยากาศดี
เชียนหลิงอวี่เดิมทีก็เป็นคุณชายน้อยจากตระกูลมั่งคั่งอยู่แล้ว นิสัยเขาชมชอบความหรูหรา ดังนั้นภายในเรือนเขาจึงตกแต่งอย่างงดงามโอ่อ่ายิ่งนัก
กู้ซีจิ่วที่ตกอยู่ภายใต้การเชื้อเชิญอย่างกระตือรือร้นของเขาก็เคยไปเยี่ยมชมภายในเรือนที่เขาตกแต่งไว้อย่างดีมาแล้วรอบหนึ่ง เชียนหลิงอวี่รอให้เธอกล่าววิจารณ์สักประโยคด้วยสีหน้าที่เปี่ยมด้วยความคาดหวัง
กู้ซีจิ่วไม่ได้วิจารณ์เรือนของเขา แต่กลับวิจารณ์ตัวเขา “หลิงอวี่ ทำไมเจ้าดูเหมือนบุตรชายผู้โง่เขลาของตระกูลที่ร่ำรวยเลยล่ะ?”
เชียนหลิงอวี่พูดไม่ออก
กู้ซีจิ่วตบไหล่เขา “ไอ้หนู ร่างกายของเจ้าในยามนี้ยังไม่โตพอ ห้องนี้ของเจ้าเจิดจ้าวาววับถึงเพียงนี้ ก่อให้เกิดแสงที่เป็นมลภาวะได้ง่าย ส่งผลเสียต่อการพักผ่อน ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเจ้า”
เชียนหลิงอวี่ฟังเธอพูดอย่างเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง เพียงแต่หลังจากมองสีหน้าของเธออยู่พักหนึ่ง เขาก็รู้สึกซึ้งใจมาก “ซีจิ่ว ในที่สุดเจ้าก็กลับมาเป็นซีจิ่วคนเดิมแล้ว! เจ้าไม่รู้หรอกว่าท่าทางในหลายวันมานี้ของเจ้าทำร้ายผู้อื่นมากแค่ไหน…ข้านึกว่าเจ้าไม่นับข้าเป็นเพื่อนซะแล้ว!”
หลานไว่หูชอบโทนสีอบอุ่นแต่นางตกแต่งด้วยตัวเองไม่ได้ ดังนั้นเยี่ยนเฉินจึงช่วยนางออกแบบทั้งหมด สุดท้ายก็ออกแบบได้เป็นห้องนอนที่มีลักษณะอบอุ่นและมีความเป็นสาวน้อยยิ่งนัก ทำให้หลานไว่หูพอใจอย่างยิ่ง
แน่นอนว่าการตกแต่งยังคงเป็นเรื่องที่ฟุ่มเฟือยเงินทองมาก หินวิญญาณถูกใช้จนเกลี้ยง หลานไว่หูไม่มีเงิน และเนื่องจากเยี่ยนเฉินถูกเจ้าหอยยักษ์ปอกลอกไปแล้ว แทบจะไม่เหลือเงินเลย แต่เขาก็ไม่อยากปล่อยให้ที่อยู่ของจิ้งจอกน้อยซอมซ่อเกินไป ดังนั้นเขาจึงไปยืมเงินกู้ซีจิ่ว
เขานึกว่าจะถูกจอมหน้าเลือดตัวน้อยอย่างกู้ซีจิ่วปอกลอกอีกครั้งเสียแล้ว นึกว่าต้องลงนามในหนังสือสัญญาที่น่าอัปยศอดสูอันใดอีก นึกไม่ถึงว่าหนนี้กู้ซีจิ่วกลับใจกว้างยิ่งนัก นางไม่เอ่ยถึงเงื่อนไขอะไรเลย มอบหินวิญญาณสองพันก้อนให้เขาทันที แม้แต่ดอกเบี้ยก็ไม่เอา ซ้ำยังให้เขาไม่ต้องคืนเร็วนัก นางไม่รีบร้อนอะไร
ยากนักที่จะได้เห็นนางใจกว้างเช่นนี้ เยี่ยนเฉินค่อนข้างฉงนอยู่บ้าง โดยเฉพาะเมื่อเห็นชัดเจนว่ากู้ซีจิ่วก็ไม่ได้ตกแต่งอะไรเลยเหมือนกัน ที่พักซอมซ่อจนไม่อาจซอมซ่อไปมากกว่านี้ได้แล้วก็ยิ่งฉงน เขานึกว่ากู้ซีจิ่วก็ไม่เข้าใจเรื่องการตกแต่งเรือนเหมือนกัน ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยถามนาง “ต้องการให้ผู้แซ่เยี่ยนช่วยเจ้าออกแบบหรือไม่? ตอนที่ยังไม่เข้าสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ผู้แซ่เยี่ยนเคยร่ำเรียนการตกแต่งกับปรมาจารย์ท่านหนึ่งมา เจ้าต้องการลักษณะไหนก็สามารถออกแบบตามลักษณะนั้นได้…”
ยากนักที่จะได้เห็นเยี่ยนเฉินกระตือรือร้นถึงเพียงนี้ ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงกล่าวความต้องการของตนออกมา “ข้าชอบลักษณะแบบตำหนักสระหยก[1] มีปะการังเป็นต้นไม้ หยกมรกตเป็นกระเบื้อง กระดองเต่ากระเป็นเตียง มีไข่มุกราตรีเป็นโคมไฟ ได้ยินเรื่องตำหนักเจ้าสมุทรตงไห่[2] หรือไม่? ถ้าเจ้าสามารถออกแบบตามลักษณะนั้นให้ข้าได้ ข้าจะยกหินวิญญาณสองพันก้อนให้เจ้าไปใช้ได้ตามใจชอบเลย…”
ใบหน้าคมคายของเยี่ยนเฉินเขียวคล้ำทันที รูปแบบที่นางบอกมานั้นอย่าว่าแต่หินวิญญาณสองพันก้อนเลย ต่อให้มีหินวิญญาณสองหมื่นก้อนก็ไม่พอ!
เขาบอกกับนางอย่างจริงใจ “เจ้าอาศัยอยู่ในรังสุนัขแห่งนี้ต่อไปเถิด!” จากนั้นเขาก็หันหลังจากไปอย่างว่องไวปานเหินบิน
————————————————————————————-
[1] ตำหนักสระหยก เป็นที่พำนักของเทพมารดรซีหวางหมู่
[2] ตำหนักเจ้าสมุทรตงไห่ เป็นที่พำนักของพญามังกรผู้ดูแลทะเลจีนตะวันออก