บทที่ 851 สามารถเป็นคนกลางจับคู่ให้ได้หรือไม่
ตี้ฝูอีไม่ออกปากให้แยกย้ายกันไป อีกสามคนก็ไม่กล้าเสียมารยาทเอ่ยขึ้น
ด้วยเหตุนี้จึงล่วงเลยไปจนดึกดื่นโดยไม่ทันรู้ตัว
คนหนุ่มคนสาวง่วงงุนแล้ว อีกอย่างยังมีการบ้านของวันพรุ่งนี้อีกด้วย ดังนั้นพวกกู้ซีจิ่วทั้งสี่หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้วสนทนาสนุกสนานเรียบร้อยแล้ว สุดท้ายก็ทนอยู่ไม่ไหวออกมาขอตัวอำลากับสานุศิษย์สวรรค์ทั้งสี่
หลงซือเย่อาศัยจังหวะนี้ลุกขึ้นมา “ข้าจะไปส่งพวกเจ้า”
กู้ซีจิ่วยังไม่ทันพูดอะไร เชียนหลิงอวี่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “เจ้าสำนักหลง ไม่ต้องหรอกขอรับ เส้นทางไม่ยาวไกล พวกเราหลับตาเดินก็สามารถคลำกลับไปได้ ไม่จำเป็นต้องให้ท่านไปส่งจริงๆ พวกท่านยังมีเรื่องที่ต้องหารืออยู่…”
เชียนเยวี่ยหร่านมองเชียนหลิงอวี่แล้วปวดศีรษะขึ้นมา ดังนั้นเขาจึงโน้มน้าวหลงซือเย่เช่นกัน “วางใจเถิด เด็กๆ เหล่านี้ล้วนเป็นอัจฉริยะผู้มีความสามารถ ไม่เกิดเรื่องขึ้นหรอก อีกอย่างเด็กๆ ก็ชอบเล่นสนุกกับคนวัยเดียวกัน ตาเฒ่าอย่างพวกเราอย่าตามไปแทรกแซงพวกเขาเลย ปล่อยให้คนหนุ่มสาวอยู่ด้วยกันให้มากหน่อยเถิด”
สีหน้าหลงซือเย่ทะมึนแล้ว!
ตาเฒ่าหรือ? เขายังไม่รู้สึกว่าตนแก่เลย!
เขากำลังจะเปิดปากเอ่ย เชียนหลิงอวี่ก็ถือโอกาสตีงูที่พันกิ่งแล้ว “ใช่แล้วๆ ท่านปู่น้อยของข้าพูดถูก ให้เวลาชนรุ่นหลังอย่างพวกเราได้อยู่กันเองบ้างเถิด พวกท่านผู้อาวุโสก็เล่นด้วยกันไป ไม่ต้องสนใจพวกเราหรอก พวกเราต่างคนต่างเล่นเถอะ”
ดังนั้นเด็กทั้งสี่จึงพากันขอตัวจากไป
เชียนเยวี่ยหร่านส่ายหน้าพลางทอดถอนใจ “เฮ้อ วัยหนุ่มสาวช่างดีจริงๆ! พวกเราเมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว…เฮ้อ เป็นตาแก่! ข้าจำได้ว่ามีครั้งหนึ่งที่ข้ากลับบ้านตระกูลเชียน เจ้าเด็กนี่เพิ่งตัวนิดเดียวเอง เหมือนอิฐศิลาเขียวก้อนเล็กๆ ไม่นึกเลยว่าผ่านไปชั่วพริบตาเดียวจะเติบใหญ่ถึงเพียงนี้แล้ว!”
ทุกคนเงียบงัน ทั้งสามคนที่อยู่เบื้องหน้าเขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเขาเลยสักคน ประหนึ่งมีสายลมหนาวยะเยือกพัดผ่านที่แห่งนี้
เชียนเยวี่ยหร่านยังคงปลดปลงอยู่เช่นเดิม “ใช่แล้ว พวกท่านดูออกหรือไม่ เจ้าหลานกะล่อนของข้าคนนี้ดูเหมือนจะสนใจแม่นางกู้อยู่บ้าง เจ้าเด็กนี้สายตาชี้สูงเหนือศีรษะมาโดยตลอด มีเด็กสาวไล่ตามเขามากมายถึงเพียงนี้เขาล้วนไม่มีทีท่าว่าจะหวั่นไหวเลย ข้ายังนึกว่าเจ้าเด็กนี่ปิดประตูความรักเสียแล้ว บัดนี้ดูเหมือนในที่สุดเขาก็เปิดประตูแล้ว! เจ้าเด็กนี่สายตาไม่เลว แม่นางกู้สง่างามเพียบพร้อม ได้มาเป็นสะใภ้ตระกูลเชียนของพวกเราก็คงยอดเยี่ยมนัก หรือข้าควรจะส่งจดหมายให้พ่อของหลิงอวี่สักฉบับ ให้เขาไปทาบทามกับจวนแม่ทัพไว้ก่อน…”
เขาพูดๆ อยู่ ทันได้นั้นก็บังเอิญความคิดอันชาญฉลาด มองไปทางตี้ฝูอีและหลงซือเย่อย่างกระตือรือร้น “ข้าว่าทั้งสองท่าน ตอนนี้พวกท่านเป็นอาจารย์ของเด็กทั้งสองคน สามารถเป็นคนกลางจับคู่ให้ได้หรือไม่?”
ฮวาอู๋เหยียนหมดคำพูดกับประสาทรับรู้ของเชียนเยวี่ยหร่านจริงๆ!
อดไม่ได้ที่จะส่งกระแสเสียงไปหาเขา ‘เหล่าเชียน เจ้าโง่หรือเปล่า? เจ้าดูไม่ออกหรือว่าเจ้าสำนักหลงมีความรู้สึกพิเศษต่อแม่นางกู้ผู้นั้น?’
‘หา?’ เชียนเยวี่ยหร่านเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ มองหลงซือเย่ เอ่ยถ้อยคำที่ยังไม่ผ่านการกลั่นกรองจากสมองออกมา “พี่หลง ท่านคงมิใช่กระมัง? ท่านสนใจแม่นางกู้หรือ? ท่านอายุเท่าใด? นางอายุเท่าใด? ท่านคิดจะเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อนหรือ?”
ใบหน้าหลงซือเย่เขียวคล้ำแล้ว!
ตี้ฝูอีเริ่มเก็บชุดกาสุราของตนแล้ว เขาไม่คิดจะเปลืองสมองพูดคุยอีกต่อไป เลี่ยงไม่ให้ปัญญาตนถูกฉุดต่ำลง
เชียนเยวี่ยหร่านยังคิดจะหาพันธมิตรอยู่ ด้วยเหตุนี้จึงอ้าปากกล่าวรั้งเขาไว้ “พี่ตี้ ท่านว่า อย่างพี่หลงใช่โคแก่กินหญ้าอ่อนหรือไม่? ข้าคิดว่าท่านต้องโน้มน้าวเขาสักหน่อย…”
ตี้ฝูอีกล่าวอย่างเย็นชายิ่งนักว่า “ต่อไปตาเฒ่าจวนเข้าโลงอย่างเจ้าก็สนทนากับข้าให้น้อยลงเถอะ!” จากนั้นพลันหมุนกายหายลับไป
เขียนเยวี่ยหร่านนิ่งงัน
เขาพูดอะไรผิดไปหรือ?
ดังนั้นเขาจึงมองไปที่หลงซือเย่ “พี่หลง?”
มอบวาจาโหดเหี้ยมประโยคหนึ่งให้เขา “ข้าก็ไม่อยากสนทนากับตาเฒ่าจวนเข้าโลงเช่นกัน!” จากนั้นเคลื่อนกายจากไป
….
————————————————————————————-
บทที่ 852 เจ้าหลอกลวงข้าหรือ
“มู่อวิ๋น ไสหัวออกมาหาข้าซะ!” เมื่อตี้ฝูอกลับถึงเรือนตนก็ตวาดออกมาประโยคหนึ่ง
มู่อวิ๋นปรากฏตัวออกมาทันที ค้อมกายเอ่ย “นายท่าน มีเรื่องใดจะสั่งการหรือขอรับ?”
ตี้ฝูอีมองพิศเขาหัวจรดเท้าแวบหนึ่ง “เจ้าหลอกลวงข้าหรือ?”
มู่อวิ๋นสะดุ้งโหยง รีบกล่าว “ข้าน้อยไหนเลยจะกล้า?! นายท่านผิดปกติที่ใดขอรับ?”
ตี้ฝูอีขมวดคิ้ว “เจ้ามอบความคิดเน่าๆ ให้ข้า บอกว่ากับสตรีต้องใช้กลยุทธ์ปล่อยเพื่อจับอันใดนั่น เหตุใดข้ารู้สึกว่านางยิ่งออกห่างจากข้าไปเรื่อยๆ กัน?!”
ในบรรดาสี่ทูตมู่อวิ๋นคือผู้เชี่ยวชาญด้านความรัก เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง กล่าวว่า “นายท่าน ข้าน้อยคิดว่าต่อให้ใช้กลยุทธ์ปล่อยเพื่อจับก็ต้องใช้ยาแรงด้วยนะขอรับ นายท่านอาจยังปล่อยไม่พอ…”
ตี้ฝูอีเลิกคิ้วขึ้น “ยังไม่พอหรือ? จะต้องปล่อยสักแค่ไหน?” สาวน้อยผู้นั้นเริ่มโดดเรียนคาบของเขาแล้ว! ถึงแม้จะโดดแค่คาบเดียว แต่ก็ทำให้จิตใจเขาค่อนข้างระส่ำระส่าย คาบนั้นเขาไม่มีอารมณ์จะสอนเลย
อย่างไรก็ตามมู่อวิ๋นมีอุบายในการตามตื้อหญิงสาวเสมอมา กล่าวกันว่ากระทั่งสตรีเย็นชาปานภูเขาน้ำแข็งที่ยากจะเกี้ยวพาก็ยังหวั่นไหวต่อเขา ดังนั้นตี้ฝูอีจึงเชื่อถือกลยุทธ์ของมู่อวิ๋นยิ่งนัก
มู่อวิ๋นย่อมทุ่มเทกายใจให้ปัญหานี้ของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ด้วยเหตุนี้เขาจึงคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้นว่า “นายท่านขอรับ ท่านสามารถ…”
เขาเอ่ยความคิดของตนออกมา ตี้ฝูอีขมวดคิ้ว “แบบนี้จะใช้ได้หรือ?”
มู่อวิ๋นรับประกัน “ใช้ได้แน่นอนขอรับ!”
….
ความจริงแล้วในแง่ของความรักกู้ซีจิ่วค่อนข้างหวั่นไหวอยู่บ้างเสมอ แถมเธอยังเป็นคนที่ค่อนข้างรักมั่นยืนยาวด้วย ชาติก่อนเธอวางแผนไล่ตามหลงซีอยู่หกปี ชาตินี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะสะสางความเข้าใจผิดได้ ดังนั้นทั้งสองจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่แยกจากกัน
เธอไม่คิดจะสิ้นเปลืองความคิดกับความรักมากนัก และเธอก็ไม่คิดว่าเธอต้องการความรักเร่าร้อนเป็นตายไม่แปรผันเหมือนนิยายของคุณยายฉยงเหยาด้วย เธอรู้สึกว่าความรักเช่นนี้ของเธอกับหลงซือเย่ดีมากแล้ว ความรู้สึกที่ค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้นทีละน้อยถึงจะยืนยาวไปตลอดชีวิต ดังนั้นเธอจึงเตรียมที่จะรับรักหลงซือเย่ จากนั้นทั้งสองก็จะท่องโลกนี้ไปด้วยกัน ตัวคนเดียวบนโลกนั้นเหน็บหนาวเกินไป เธอจึงคิดจะหาคู่ชีวิตสักคน…
แต่ตอนนี้พออยู่กับหลงซือเย่เข้าจริงๆ บางครั้งทั้งสองคนจะพบหน้าเพื่อทานข้าวด้วยกันบ้างเป็นครั้งคราว แต่เธอรู้สึกราวกับว่ามีอะไรบางอย่างขาดหายไป
เธอถึงขั้นหาความรู้สึกตอนที่อยู่กับหลงซือเย่เมื่อก่อนไม่เจอแล้ว…
ถึงแม้หลงซีกับหลงซือเย่จะยืนยันได้ว่าเป็นคนเดียวกันแต่ต่างกันที่บุคลิก แต่เธอก็รุ้สึกอยุ่ตลอดว่าไม่ค่อยถูกต้อง
หรือเป็นเพราะรูปลักษณ์ของหลงซีกับหลงซือเย่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง?
ถึงแม้เหตุผลนึกคิดจะทราบว่าพวกเขาคือคนเดียวกัน แต่ด้านความรู้สึกเธอกลับรู้สึกเหมือนคบหาอยู่กับพี่น้องฝาแฝดของหลงซี…
ดังนั้นระยะนี้เธอจึงถึงขั้นหลบเลี่ยงหลงซือเย่ตามสัญชาตญาณ ทุกครั้งที่เขามาหาเธอจะรู้สึกเหนื่อยใจอยู่บ้าง ต้องรวบรวมกะจิตกะใจเพื่อรับมืออยู่เสมอ
เธอเข้าใจความรู้สึกของตัวเองผิดไปหรือเปล่านะ?
เรื่องความรู้สึกมิใช่สิ่งที่คิดว่าเป็นเช่นนั้นก็จะเป็นเช่นนั้น และไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำอย่างไรก็สามารถทำอย่างนั้นได้
‘ซีจิ่ว เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้ารักหลงซือเย่จริงๆ? ความรู้สึกที่เจ้ามีให้เขาคล้ายความชอบที่มีต่อพี่ชายที่โตมาด้วยกันมกกว่า…’ ถ้อยคำที่ตี้ฝูอีเคยกล่าวแว่วอยู่ข้างหูเธออีกครั้ง
เธอยกผ้าห่มขึ้นคลุมหัวอย่างว้าวุ่นใจ
มิน่าเล่าคนโบราณถึงมีสุภาษิตยอดนิยมที่กล่าวไว้ว่า ‘ตัดไม่ขาด จิตใจย่อมว้าวุ่น’ ความรู้สึกเช่นนี้คล้ายจะสับสนว้าวุ่นจริงๆ ความรู้สึกกับความมีเหตุผลไปกันคนละทิศละทางอยู่เสมอ…
เธอรู้สึกว่าช่วงนี้ตนคล้ายจะเป็นโรคประสาทแล้ว
เธอรู้ว่าไม่ควรกล่าวโทษที่หลงซือเย่กระทำด้วยพลการ แต่ว่า…
ขณะที่เธอกำลังนอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงข่มตาหลับไม่ลง นอกหน้าต่างก็มีเสียงเคาะดังขึ้นสามครั้ง เบาสองครั้งหนักหนึ่งครั้ง เป็นวิธีเคาะที่หลงซือเย่ใช้เวลามาหาเธอ
เธอนวดคลึงหว่างคิ้ว เปิดประตูออกมา ผู้ที่ยืนอยู่นอกประตูคือหลงซือเย่จริงๆ ด้วย
————————————————————————————-