บทที่ 853 เธอนอนงีบที่นี่พักหนึ่งได้
เขาสวมชุดขาวโบกพลิ้วอยู่ท่ามกลางราตรีดั่งชุดเซียนเหิน
“ซีจิ่ว อยากออกไปเดินเล่นกับฉันหน่อยไหม?” หลงซือเย่มองเธอด้วยรอยยิ้ม
กู้ซีจิ่วเงยหน้ามองท้องฟ้าตามสัญชาตญาณ “ดึกมากแล้ว…” ตอนนี้เป็นยามกะสามแล้ว
“ดอกเหมยบุหลัน เธออยากเห็นดอกเหมยบุหลันมาตลอดไม่ใช่เหรอ? คืนนี้เป็นวันบานของมัน ถ้าผ่านคืนนี้ไปก็ต้องรออีกสามเดือนเลย”
ใช่แล้ว ดอกไม้ชนิดนี้มีระยะเผลิบานสั้นมาก สามเดือนจะบานครั้งหนึ่ง ทุกๆ ครั้งจะบานหนึ่งวัน แถมยังบานแค่ตอนกลางคืนเท่านั้น หายากกว่าดอกราตรี ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ดอกไม้นี้ไม่เพียงแต่เป็นไม้ประดับชนิดหนึ่งเท่านั้น ยังเป็นตัวยาหายากด้วย ในโอกสถมากมายที่กู้ซีจิ่วอยากหลอมก็ต้องการสิ่งนี้
….
เหมยบุหลันบานอยู่ในซอกเขาแห่งหนึ่งของหุบเขาลึก สถานที่แห่งนี้เปลี่ยวร้างไร้คนย่างกราย กว่าหลงซือเย่สามารถเสาะหาสถานที่แห่งนี้ได้ไม่ง่ายเลยจริงๆ แถมยังคำนวณช่วงผลิบานของมันได้ด้วย
ภานใต้นภาที่จันทราโก้งโค้งดั่งวงคิ้ว ทุ่งดอกไม้ไหวระริกประหนึ่งดวงดาว
ดอกเหมยบุหลันหน้าตาค่อนข้างประหลาด ดอกของมันรูปร่างคล้ายดอกเหมย สีสันคือสีม่วงอ่อน แต่กลีบเลี้ยงกลับดูเหมือนจันทร์เสี้ยวสีทอง ดูเผินๆ ราวกับมีดอกเหมยดอกหนึ่งฝั่งอยู่บนจันทราเสี้ยว
ที่แห่งนี้ที่หลงซือเย่พาเธอมามีดอกไม้ชนิดนี้อยู่ไม่น้อย แผ่ออกไปกว้างไกลพลิ้วไหวหอมรวยริน ท้องนภาแต่งแต้มด้วยหมู่ดาว บุปผาบนผืนดินเปรียบเสมือนสายธารเปี่ยมสีสันที่ไหลริน มองผ่านๆ ราวกับมีพรมบุปผาปูไว้ทั่วพื้นดิน งดงามจนน่าตื่นตะลึง
“ซีจิ่ว ชอบที่นี่ไหม?” หลงซือเย่ยิ้มน้อยๆ พลางเอ่ยถาม
“ชอบสิ! ที่นี่มีดอกไม้เยอะมาก!” กู้ซีจิ่วเริ่มหยิบตะกร้าสมุนไพรออกมา เตรียมเก็บเกี่ยวดอกไม้
“ใจเย็นๆ เดี๋ยวค่อยเก็บก็ยังไม่สาย” หลงซือเย่หยุดยั้งการเก็บเกี่ยวดอกไม้ของเธอ “ดอกไม้ชนิดนี้ยังบานอยู่อีกสามชั่วยาม ปล่อยให้พวกมันเบ่งบานไปสักพักเถอะ ตอนนี้พวกเราชมดอกไม้ไปก่อน”
กู้ซีจิ่วยิ้มออกมาอย่างอดไม่อยู่ “ครูฝึกหลงรักหยกถนอมบุปผาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
เธอจำได้ว่าเมื่อก่อนหลงซีก็เคยพาไปเก็บสมุนไพร ไม่ว่าดอกไม้จะงดงามชวนมองมากขนาดไหนเขาล้วนเด็ดมาอย่างส่งๆ เป็นมือดีด้านการทำลายดอกไม้ ตอนนั้นเธอห้ามเขาไว้ครั้งหนึ่งเขายังตำหนิว่าเธอใจไม่แข็งพอเลย อบรมเธออยู่พักหนึ่ง สอนหลักสูตรนักฆ่าที่ดีให้เธอ…
เธอค่อนข้างง่วง ความจริงอยากเก็บเกี่ยวดอกไม้มากจะได้ไปนอนสักที แถมเช้าวันพรุ่งนี้ยังมีคาบเรียนของตี้ฝูอีด้วย…
เธอโดดเรียนไปแล้วคาบหนึ่ง หากว่ายังโดดคาบที่สองอีก คาดว่าจะมีสหายร่วมชั้นเอาไปนินทาได้
เธอหาวออกมาอย่างควบคุมไว้ไม่ได้
“ง่วงเหรอ?” หลงซือเย่ถามเธอ
“ใช่แล้วๆ” กู้ซีจิ่วพยักหน้า กำลังจะฉวยโอกาสพูดว่า ‘พวกเรารีบเก็บดอกไม้แล้วกลับกันเถอะ’ กลับพบว่าหลงซือเย่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นกระโจมโปร่งหลังหนึ่งปรากฏขึ้นมา ในกระโจมปูด้วยพรมขนสัตว์ผืนหนา เขาดึกเธอเข้าไปข้างใน “มาเถอะ เธอนอนงีบที่นี่พักหนึ่งได้”
ยามที่พูดเขายังชงชาดอกไม้ให้เธอกาหนึ่งด้วย มีขนมอบที่พิถีพิถันบรรจงหลายจานเป็นมื้อดึก
หัวใจกู้ซีจิ่วสั่นไหวแวบหนึ่ง ของพวกนี้เป็นสิ่งที่เธอมักจะจัดเตรียมไว้ในยามที่ต้องอยู่จนดึกดื่นในชาติก่อน เพียงแต่ชาติที่เธอเตรียมไว้ประจำคือชาดอกเบญจมาศ
แต่ยามนี้ชาที่หลงซือเย่เตรียมไว้ให้เธอคือชาบงกชเหมันต์ รสชาติหอมกลมกล่อมกว่าชาดอกเบญจมาศ
ชาติก่อนเพื่อก้าวตามฝีเท้าของหลงซี เธอจึงละทิ้งความชอบที่แท้จริงของตัวเองเสมอ แสร้งว่าตัวเองชอบชาเขียว เธอนึกว่าตัวเองเก็บงำได้อย่างดีมาตลอด นึกไม่ถึงว่าแท้จริงแล้วหลงซีกลับทราบ ดูจากการที่เขาจัดเตรียมชาดอกไม้นี้ให้เธอในยามนี้ก็มองออกแล้ว
บงกชเหมันต์นี้มิใช่สิ่งที่จะเก็บเกี่ยวได้ง่ายๆ หนึ่งดอกมูลค่าสูงถึงพันตำลึงทอง และในกานี้ที่หลงซือเย่ชงให้เธอมีอยู่ยี่สิบดอกเต็มๆ แถมทุกดอกล้วนเป็นของชั้นเลิศในหมู่ของชั้นเลิศอีกทีด้วย
————————————————————————————-
บทที่ 854 เธอไม่โทษฉันจริงๆ เหรอ?
กานี้จึงล้ำค่ายิ่ง กู้ซีจิ่วค่อนข้างอบอุ่นหัวใจ
หลงซือเย่ช่างดีต่อเธอจริงๆ ดีจนทำให้เธอรู้สึกหนักใจ
เธอถอนหายใจ “ครูฝึกหลง ฉันรู้สึกว่าคุณช่างดีต่อฉันเหลือเกิน…อันที่จริงคุณไม่จำเป็นต้องดีกับฉันถึงขนาดนี้…”
หลงซือเย่รินชาให้เธอถ้วยหนึ่ง จากนั้นก็ส่งขนมอบชิ้นหนึ่งให้ “ฉันรู้สึกว่าไม่ว่าฉันจะทำดีกับเธอมากแค่ไหนก็ไม่มากพอ เธอคู่ควรได้รับสิ่งเหล่านี้จากฉัน”
ยิ่งเขาพูดแบบนี้กู้ซีจิ่วก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ ตัดสินใจเจาะเข้าประเด็นอย่างตรงไปตรงมา “เจ้าสำนักหลง วันนั้นข้าบอกเพียงว่าจะลองกับท่านดู แต่ไม่ได้บอกว่าจะตอบรับท่านแน่นอน ท่านปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้…”
“เธอไม่จำเป็นต้องหนักใจ เธอจะยอมรับหรือไม่เป็นเรื่องของเธอ ฉันจะดีหรือไม่ดีต่อเธอก็เป็นเรื่องของฉัน…” หลงซือเย่แววตาจริงใจ
กู้ซีจิ่วเงียบงัน เธอนอนคว่ำลงบนพรมขนสัตว์ผืนนั้นเสียดื้อๆ ไม่พูดไม่จา
หลงซือเย่ก็นอนคว่ำลงบนพรมตามเธอ มองทุ่งดอกไม้ด้านนอกอยู่ข้างๆ เธอ จู่ๆ ก็เอ่ยกระซิบออกมา “ซีจิ่ว ขอโทษนะ”
กู้ซีจิ่วงงงัน “หือ?”
หลงซือเย่ถอนใจพลางเอ่ยว่า “วันนั้นฉันไม่ควรป่าวประกาศเรื่องเล่นละครของพวกเธอโดยไม่ปรึกษากับเธอก่อน เป็นความผิดของฉันเอง ขอโทษนะ”
กู้ซีจิ่วนิ่งงัน
เธอส่ายศีรษะ “ไม่เป็นไร”
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดหัวใจเธอถึงจมดิ่งลงไป ระยะนี้ที่เธอห่างเหินเย็นชากับเขาเป็นเพราะกล่าวโทษที่หลงซือเย่กระทำการโดยพลการจริงๆ น่ะหรือ? ดูเหมือนจะไม่ใช่
ต่อให้ใช่เธอก็รู้ดีเช่นกัน อันที่จริงเรื่องที่หลงซือเย่กระทำลงไปในวันนั้นไม่ผิดเลย ยามนั้นเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการสะสางความเข้าใจผิดเหล่านี้จริงๆ…
เช่นนั้นสรุปแล้วที่ช่วงนี้ตนห่างเหินเย็นชากับเขาเป็นเพราะอะไรกันล่ะ?
แถมความห่างเหินเย็นชานี้ยังเป็นการหมางเมินเขาตามสัญชาตญาณด้วย ราวกับบังคับหาเหตุผลมาเย็นชาต่อเขา
จู่ๆ ความละอายใจก้ผุดวาบขึ้นมาในหัวใจเธอ ดั่งนั้นเธอจึงส่ายศีรษะอีกครั้ง “ไม่เป็นไร ฉันไม่โทษคุณ คุณอย่าคิดมากเลย”
ดวงตาหลงซือเย่ทอประกายทันที “ซีจิ่ว เธอไม่โทษฉันจริงๆ เหรอ?”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ไม่โทษเลย”
หลงซือเย่พรูลมหายใจด้วยความโล่งอก ค่อยๆ เขยิบไปใกล้เธออีกหน่อย “ซีจิ่ว ฉันดีใจมากเลย ดีใจมากจริงๆ”
บนร่างเขามีกลิ่นหอมโอสถจางๆ น่าจะเกี่ยวข้องกับการที่เขาคลุกคลีกับสมุนไพรเป็นประจำ กลิ่นอายบนร่างบางครั้งก็แปรเปลี่ยนไปบ้างเหมือนกัน ต่อให้เป็นกลิ่นโอสถก็เป็นกลิ่นโอสถมากมายหลายชนิด แต่ก็กลิ่นไม่เลวร้ายอะไร
ยามนี้กลิ่นโอสถบนร่างเขาเป็นกลิ่นโอสถหอมเย็นชนิดหนึ่ง อบอวลอยู่ที่ปลายจมูกกู้ซีจิ่ว กู้ซีจิ่วดมกลิ่นบนร่างเขาจู่ๆ ก็ถามออกมาประโยคหนึ่ง “ใช่แล้ว ครูฝึกหลง คุณอยู่ที่โลกนี้นานกว่าฉัน ความรู้ก็มากกว่า เคยเรียกวิชาเรียกวิญญาณมาก่อนด้วย คุณว่าดวงวิญญาณจะมีกลิ่นไหม?”
หลงซือเย่ตะลึงงัน “เรื่องนี้…โดยส่วนใหญ่แล้วดวงวิญญาณจะโปร่งใสมีลักษณะเป็นอากาศธาตุ ไม่มีกลิ่นใดๆ มีเพียงผู้มีพรสวรรค์มาเกิดเท่านั้นถึงจะมีกลิ่นเฉพาะตัว เพียงแต่กลิ่นนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมที่พวกเขาเจริญเติบโต…” สิ่งเขาบอกเธอเป็นความรู้ทั่วไปด้านกลิ่นในเชิงมานุษยวิทยา
กู้ซีจิ่วหลุบตาลง ความรู้เหล่านี้อันที่จริงเธอก็เคยศึกษามาก่อน แต่ว่า…
“ครูฝึกหลงถ้างั้นคุณเคยเจอคนแบบนี้บ้างไหม? กลิ่นบนร่างเขาเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย บางครั้งก็เข้มข้นบางครั้งก็เจือจาง แต่คงที่อยู่เสมอ ถึงขั้นที่ว่าต่อให้เขาสิงสู่ร่างคนอื่นก็จะแผ่กลิ่นหอมชนิดเดิมของตัวเขาออกมา”
หลงซือเย่เลิกคิ้วขึ้น “เป็นไปไม่ได้มั้ง?! ถ้าบอกว่าบนร่างเขากลิ่นหอมบนร่างเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยยังพอเข้าใจได้ เป็นไปได้ว่าเขาอาจชมชอบกำยานหอมเพียงชนิดเดียว แต่ถ้าหากเขาเข้าสิงสู่ร่างกายคนอื่น กลิ่นก็น่าจะเป็นกิล่นดั้งเดิมของร่างคนๆ นั้น นอกเสียจากว่าเขายังคงใช้กำยานหอมชนิดเดิมอยู่ คนนั้นที่เธอพูดถึงคือใครเหรอ?”
————————————————————————————-