บทที่ 857 พวกเราลองดูดีไหม?
เพียงแต่ทั้งสองก็มีจุดที่คล้ายกันอยู่จริงๆ อย่างเช่นการกระจายตัวของหนวดเครา รูปร่างของดวงตาล้วนเหมือนกันมาก
แต่ปลายคางไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่ ปรมาจารย์กู่คางแหลมเรียว แต่คางของของนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้นกลับค่อนข้างเหลี่ยม
ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนข้อมูลและข้ออุปนัยที่ได้รับอยู่ที่นี่ กู้ซีจิ่วเสนอข้อสมมุติฐานที่บ้าบิ่นข้อหนึ่งออกมา “ฉันคิดว่าปรมาจารย์กู่น่าจะป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้น! คุณอย่าลืมนะ ในยุคปัจจุบันการศัลยกรรมเสริมความงามก้าวหน้าไปมากแล้ว ต่อให้คางเหลี่ยมก็สามารถเหลาให้เรียวได้…”
หลงซือเย่รู้สึกว่าร่างกายหนาวยะเยือกอยู่บ้าง “หรือว่านักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้นก็ทะลุมิติมาด้วย?! แถมเขายังค้นคว้าวิชาสิงร่างสำเร็จด้วยใช่ไหม?”
กู้ซีจิ่วพยักหน้า “มีความเป็นไปได้แปดเก้าส่วนว่าเป็นแบบนี้”
หัวคิ้วของหลงซือเย่ขมวดแน่นกว่าเดิม “ดูเหมือนจะไม่ค่อยถูกต้อง ตามที่ตี้ฝูอีบอกไว้ คนๆ นั้นฝึกฝนจนเข้าขั้นทารกก่อกำเนิดถอดร่างแล้ว ต้องรู้ก่อนว่ากว่าจะฝึกฝนถึงขั้นนี้ได้ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งร้อยห้าสิบปีขึ้นไป แบบนั้นอายุก็ต้องมากกว่าฉัน และฉันสามารถยืนยันได้ว่า ในวันที่ฉันตายคนบ้าคนนั้นก็ยังมีชีวิตอยู่ดี!”
กู้ซีจิ่วถอนหายใจ “คุณก็เคยบอกนี่ ต่อให้ตายเวลาเดียวกันก็ยังไม่แน่ว่าจะเกิดใหม่ในยุคสมัยเดียวกัน ต่อให้คนๆ นั้นตายทีหลังพวกเรา ก็มีความเป็นไปได้ที่จะมาเกิดใหม่ก่อนคุณ…”
หลงซือเย่เงียบไปแล้ว
กู้ซีจิ่วก็กำลังใช้ความคิดเหมือนกัน ค่อยๆ ประมวลผล…
เวลาล่วงเลยผ่านไปในความเงียบงันไร้สุ้มเสียงนี้ ไหลผ่านไปเรื่อยๆ
เผลอแปปเดียวก็ผ่านไปสองชั่วยามแล้ว
ท้องฟ้ามืดมนกว่าเดิม ราตรีก็มืดมิดยิ่งขึ้น ทั้งสองคนนอนคว่ำเรียงกันอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าหลงซือเย่เข้าใกล้เธอตั้งแต่เมื่อไหร่ กุมมือของเธอไว้ “ซีจิ่ว ผู้บงการเบื้องหลังคนนั้นอาจยังไม่ตาย มีความเป็นไปได้สูงว่าจะย้อนกลับมาอีก ต่อไปพวกเราต้องระวังให้มากขึ้น ฉันหวังว่าเธอจะสู้เคียงข้างฉัน…”
ฝ่ามือของเขาอบอุ่น มือกู้ซีจิ่วพลันแข็งทื่อเล็กน้อย ชักกลับมา แล้วกล่าวว่า “วางใจเถอะ ฉันก็ไม่อยากให้ไอ้วิปริตนั้นมีชีวิตอยู่เหมือนกัน พวกเราต้องร่วมมือกันแน่นอน ไม่เพียงพวกเราเท่านั้นที่ต้องร่วมมือกัน ยังต้องร่วมมือกับคนอื่นๆ ด้วย…”
หลงซือเย่มองเธอด้วยแววตาเรืองรอง “ฉันไม่สนใจคนอื่น ฉันต้องการแค่ความคิดของเธอเท่านั้น ขอแค่เธอเข้าร่วมกับฉันฉันก็มีความสุขแล้ว”
กู้ซีจิ่วถูกเขามองจนรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลอีกครั้ง ตอนที่เธอคุยเรื่องจริงจังกับเขาเธอปลอดโปร่งมาก แต่ขอเพียงเขาชักนำเข้าสู่ประเด็นความรักเธอก็จะอึดอัดไปทั้งร่าง
เธอไม่อยากให้เขากระอักกระอวน ดังนั้นจึงยิ้มออกมาเช่นกัน “ฉันก็มีความสุขเหมือนกัน”
ล่วงสู่ยามดึก แสงจันทร์ลึกล้ำ
หลงซือเย่มองดูเธอที่นอนคว่ำอยู่ข้างกาย หัวใจพลันรุ่มร้อนขึ้นมา วงแขนโอบรอบเอวเธอ “ซีจิ่ว…” ริมฝีปากร่อนลงบนดวงหน้าเธอ
กู้ซีจิ่วแข็งค้างไปทั้งร่าง!
เธอเอียงหน้าหลบตามสัญชาตญาณ หลบหลีกริมฝีปากเขา เหยียดกายหมายจะลุกขึ้นมา “ฉันรู้สึกว่าควรไปเก็บดอกไม้พวกนั้นได้แล้ว!”
คืนนี้หลงซือเย่กลับคล้ายว่าตัดสินใจอะไรได้แล้ว วงแขนรัดแน่น เธอจึงลุกขึ้นไม่ได้ แถมยังถูกเขาโอบไว้แน่นกว่าเดิม!
“ซีจิ่ว ฉันอยากจูบเธอ…พวกเราลองดูดีไหม?” ลมหายใจเขาร้อนเหมือนไฟ พูดยังไม่ทันขาดคำริมฝีปากของเขาก้ทาบทับลงมาแล้ว!
เดิมทีกู้ซีจิ่วก็คิดจะผลักเขาออกตามสัญชาตญาณ แต่ประโยคสุดท้ายของเขาทำให้หัวใจเธอสั่วไหว!
ตอนที่ตี้ฝูอีบังคับจูบเธอก็เคยเอ่ยถามเธอ ว่าชอบให้หลงซือเย่ปฏิบัติต่อเธอเช่นนี้หรือไม่ ตอนนั้นเธอจินตนาการไม่ออก เนื่องจากเธอไม่เคยจูบกับหลงซือเย่มาก่อน…
บางที ตอนที่เขาจูบเธอเธออาจจะหาความรู้สึกที่ทำให้จิตใจปั่นป่วนว้าวุ่นเช่นนั้นพบกระมัง?
ไม่แน่อาจจะมีความรู้สึกแบบเดียวกัน…
ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไงกัน?!
ช่วงที่เธอตะลึงตะลานอยู่ ริมฝีปากของหลงซือเย่ก็แตะกับริมฝีปากเธอแล้ว…
————————————————————————————-
บทที่ 858 ดูเหมือนเธอจะถูกเขาพูดจี้ใจเข้าแล้ว!
เธอได้กลิ่นโอสถที่อยู่ในโพรงปากของเขาอย่างชัดเจน รับรู้ถึงริมฝีปากร้อนๆ ของเขาได้แจ่มชัด ริมฝีปากเขาร้อนกว่าริมฝีปากของเธอมากนัก และแข็งกว่าริมฝีปากเธอเล็กน้อย
ริมฝีปากของบุรุษถึงจะนุ่มอย่างไรก็คงไม่นิ่มไปกว่าริมฝีปากของสตรี…
ร่างกายเธอแข็งทื่อ ฝืนข่มความปรารถนาจะหลบหนีเอาไว้ สัมผัสรสจูบของเขา…
ลมหายใจของเขาร้อนผ่าว เป่ารดใบหน้าเธอทำให้เธอรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง
ไม่ถูกแล้ว! ไม่รู้สึกใจเต้นตุบตับ ไม่รู้สึกมึนงงวิงเวียน ถึงขั้นที่เธอสามารถสัมผัสได้ว่าอันที่จริงริมฝีปากของเขาค่อนข้างแห้งผาก บดเบียดอย่างลุกลี้ลุกลนอยู่บ้าง
ริมฝีปากเสียดสีกันเพียงสองวินาทีเท่านั้น ทว่ากู้ซีจิ่วกลับทนไม่ไหวอีกต่อไป เงยหน้าขึ้นทันที ผลักหลงซือเย่ออกไปในทันใด! จากนั้นก็ใช้วิชาเคลื่อนย้าย ไปปรากฏอยู่ด้านนอกกระโจม!
“ซีจิ่ว…” หลงซือเย่ใจจมดิ่งลงทันที ตามออกมา
กู้ซีจิ่วว้าวุ่นใจ “เจ้าสำนักหลง ขออภัยด้วย!” จากนั้นก็เคลื่อนย้ายจากไป แม้แต่ดอกไม้ก็ไม่เก็บแล้ว
หลงซือเย่ทึ่มทื่อไปแล้ว ยืนอยู่ที่เดิม สายลมพัดต้องบุปผารอบข้างจนเกิดเสียงดังซวบซาบ ฟ้าสางแล้ว และดอกไม้ที่งดงามจนน่าเหลือเชื่อเหล่านี้ก็ร่วงโรยแล้ว…
หรือความรักของเขาจะเป็นเฉกเช่นดอกเหมยบุหลันนี้เบ่งบานได้เพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น?
นิ้วมือเขาเย็นเฉียบ ทั้งร่างคล้ายว่าอีกก้าวเดียวก็จะร่วงหล่นสู่หุบเหวลึก ความสิ้นหวังถาโถมสู่หัวใจทำให้เขารูสึกหวาดหวั่น
….
ยามที่กู้ซีจิ่วกลับถึงที่พักตนก็ใกล้รุ่งแล้ว ณ เส้นขอบฟ้าแสงอุษาค่อยๆ ทาบทาขึ้นมา เผยให้เห็นลำแสงกระจ่างสายหนึ่ง
หัวใจเธอเต้นโครมคราม มือเท้าเย็นเฉียบ เดิมทีคิดจะนอนงีบสักหน่อย แต่ในทรวงดั่งมีกระแสธารโหมซัดสาด ทำให้เธอหลับไม่ลง
เธอลุกขึ้นนั่งทันที ใช้น้ำเย็นล้างหน้าสักหน่อย และถือโอกาสทำให้สมองที่คุกรุ่นแจ่มใสขึ้นมา
จากนั้นก็นั่งกอดเขาอยู่บนเตียงแล้วเริ่มใช้ความคิด
นำความคิดในสมองที่คล้ายจะสับสนว้าวุ่นมาจัดระเบียบก่อน จากนั้นเธอก็พบกับความสิ้นหวัง ความรู้สึกที่เธอมีต่อตี้ฝูอีและมีต่อหลงซือเย่แตกต่างกันมากจริงๆ!
เธอพบเขาแล้วใจเต้นแรง ยามที่เขาจูบเธอหัวใจเธอว้าวุ่นยิ่งนัก เลือดลมพลุ่งพล่าน สมองว่างเปล่าขาวโพลนได้ง่ายๆ…
อาการเหล่านี้คล้ายบทบรรยายยามชายหญิงอยู่ด้วยกันที่นักเขียนนิยายรักหวานแหววเขียนเอาไว้ เมื่อก่อนเธอคิดอยู่เสมอว่าอาการเหล่านี้เป็นสิ่งที่นักเขียนพวกนั้นปั้นแต่งขึ้น เป็นเรื่องหลอกลวงคน
แต่เธอกลับพบว่าเป็นความจริง!
แต่ยามที่อยู่กับหลงซือเย่เอมีสติมาก ชอบวิเคราะห์เปรียบเทียบยามที่อยู่กับเขา ดูเหมือนตอนที่อยู่ต่อหน้าเขาเธอจะไม่เคยแง่งอนฉอเลาะเลย ส่วนมากจะเห็นว่าเขาเป็นคู่หูที่สามารถเชื่อใจได้สามารถพึ่งพาได้สามารถสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันได้…
ตอนที่หลงซือเย่จูบเธอ เธอยังมีแก่ใจมารับรู้ถึงความร้อนจากริมฝีปากผู้อื่น ความอ่อนความแข็งของริมฝีปาก เถึงขั้นที่ว่าเธอไม่รู้สึกใจเต้นแรงเลยด้วยซ้ำ!
‘ซีจิ่ว เจ้าเข้าใจความรู้สึกที่มีต่อหลงซือเย่ผิดไปหรือเปล่า? เจ้าแน่ใจหรือว่ามิได้ชอบเขาแบบพี่ชาย?‘ นี่คือคำถามที่ตี้ฝูอีถามเธอในตอนนั้น ยามนั้นเธอไม่กล้ายืนยันจริงๆ และรู้สึกพาลโกรธจริงๆ…
ยามนี้กลับดูคล้ายวาจาเตือนสติ ดูเหมือนเธอจะถูกเขาพูดจี้ใจเข้าแล้ว!
หรือว่าตนจะชอบตี้ฝูอีเข้าจริงๆ แล้ว
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา หัวใจเธอก็ตีบตันปานจมน้ำ!
ความรู้สึกนั้นเสมือนตนเดินอยู่ในสวนดอกไม้ที่มีทุ่งหญ้าเหยียดยาววิหคโผบิน จู่ๆ กลับพบว่าใต้ฝาเท้าคือบึงโคลนที่ดูดกลืนมนุษย์ได้ หัวใจที่สงบเยือกเย็นมาลอดพลันร้อนรุ่มขึ้นมาอีกครั้ง!
คนผู้นี้ทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยมั่นคง ยามอบอุ่นก็อ่อนโยนปานสายน้ำ แต่ยามเกรี้ยวกราดขึ้นมาก็ทำให้เธอตกใจยิ่งนัก!
เธอคิดว่ามาตลอดว่าตัวเองชอบปากอ่าวที่เงียบสงบ…
————————————————————————————-