บทที่ 887 เขาคงไล่ล่าเพียงชนิดเดียวกระมัง?
หัวใจตี้ฝูอีดิ่งวาบ เมื่อครู่เขาใช้วิชายุทธ์ที่เป็นความสามารถของเทพศักดิ์สิทธิ์ออกมาด้วยความเดือดดาล เพียงแต่วิชายุทธ์นี้ของเขาไม่เคยใช้ต่อหน้าผู้ใดมาก่อน สาวน้อยผู้นี้น่าจะมองไม่ออกกระมัง?
กู้ซีจิ่วสูดหายใจเฮือกหนึ่ง ดิ้นรนจนหลุดจากอ้อมกอดเขา มองไปด้านนอกอย่างหวาดผวาอยู่ “ทำไมสายฟ้าน้ถึงผ่าข้าล่ะ?”
ตี้ฝูอีคาดเดา “คงเป็นเพราะเจ้ากินหงส์ครามกระมัง?”
กู้ซีจิ่วค่อนข้างฉงน “แต่เห็นกันอยู่ชัดๆว่าท่านเป็นคนย่าง มันควรจะผ่าผู้ที่ริเริ่มมิใช่หรือ?”
ตี้ฝูอีถอนหายใจ “มันคงกริ่งเกรงผู้แข็งแกร่งรังแกผู้อ่อนแอ ถึงแม้ข้าจะเป็นผู้ริเริ่ม แต่ผู้ที่กินเนื้อหงส์ครามเข้าไปจริงๆ คือเจ้า หากสวรรค์จะลงทัณฑ์ ข้าคือผู้ต้องหาส่วนเจ้าก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด…”
มุมปากกู้ซีจิ่วกระตุก “ข้ากินปีกแค่คู่เดียวนะ แถมยังกินเข้าอย่างรู่เท่าไม่ถึงการณ์ด้วย เช่นนี้สวรรค์ไม่อยุติธรรมเกินไปหน่อยหรือ? มีคำกล่าวไว้ว่าผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด…”
“เจ้ายังกินน่องอีกคู่หนึ่งด้วย” ตี้ฝูอีเตือนนาง
“ข้ากินที่ไหนกัน…” วาจาโต้แย้งของกู้ซีจิ่วหยุดลงเมื่อเห็นกระดูกน่องนกคู่หนึ่งบนแท่นศิลา
ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้เธอจะฟังตี้ฝูอีพูดจนใจลอย จากนั้นก็หยิบน่องนกคู่นั้นมากิน…
“ที่แท้ถ้ากินปีกกับน่องของหงส์ครามจะต้องโดนฟ้าผ่า…”
เธอกลัวฟ้าผ่าเป็นที่สุด หรือต่อไปเธอต้องตื่นตระหนกว่าจะโดนฟ้าผ่าอยู่ตลอด?
“วางใจเถอะ ผ่าแค่ตอนนี้เท่านั้น ต่อไปไม่ผ่าแล้ว” ตี้ฝูอีปลอบโยนเธอ
กู้ซีจิ่วมองเขาอย่างเคลือบแคลง “ท่านรู้มากเหลือกินนะ ดูเหมือนจะท่านจะรู้อยู่แล้วว่าจับสิ่งนี้กินจะต้องถูกฟ้าผ่า…”
ตี้ฝูอีถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “ใช่แล้ว ซาบซึ้งหรือไม่? ข้ายอมเสี่ยงถูกฟ้าผ่าไปจับนกตัวนั้นเพื่อให้เจ้าได้กินอย่างเปรมปรีดิ์…”
กู้ซีจิ่วเงียบไปครู่หนึ่ง “แค่กินอย่างเปรมปรีด์หรือ?”
ตี้ฝูอีพยักหน้า “เจ้าไม่รู้สึกหรือว่าเนื้อมันอร่อยมาก? เลิศรสอย่างหาสิ่งใดเทียมมิได้ใช่ไหมล่ะ?”
กู้ซีจิ่วเงยหน้ามองเขา “เช่นนั้นท่านบอกข้ามาตามตรง ท่านถูกฟ้าผ่าเพราะเรื่องนี้หลายครั้งแล้วสินะ?”
ตี้ฝูอีใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง “อันที่จริงก็ไม่เท่าไหร่นะ ไม่เกินยี่สิบครั้ง…”
“…ล้วนเป็นการจับหงส์ครามหรือ?” เขาคงไล่ล่าเพียงชนิดเดียวกระมัง?
ตี้ฝูอีกล่าวหน้าตายว่า “ข้าไหนเลยจะกินเพียงอย่างเดียว? อันที่จริงข้าคิดจะลิ้มรสสัตว์วิเศษสารพัดชนิด ปกติถ้าเคยกินไปครั้งหนึ่งแล้วก็จะไม่กินซ้ำอีก เว้นแต่ว่าเลิศรสเป็นพิเศษ ถึงจะมีวาสนาถูกข้าจับเป็นครั้งที่สอง…”
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าสามมุมมองพังทลายลงแล้ว!
ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะถูกฟ้าผ่า พฤติกรรเช่นนี้ช่างทำให้สวรรค์แค้นคนเคืองโดยแท้!
“เช่นนั้นตอนที่ฟ้าผ่าท่านใช้วิชายุทธ์อันใดตอบโต้กลับไป?”
กระบวนท่าที่เขาห่อหุ้มสายฟ้าไว้เมื่อครู่ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก เธอมองอย่างตื่นตาตื่นใจ
ตี้ฝูอีกระแอมคราหนึ่งเอ่ยตอบว่า “ปกติแล้วข้าไม่ยุ่งกับมันเท่าไหร่”
วิชายุทธ์เมื่อครู่สิ้นเปลืองพลังวิญญาณเกินไป หากมิใช่เห็นว่าเกือบผ่าใส่กู้ซีจิ่วแล้ว เขาก็คงไม่เดือดดาลจนใช้วิชานั้นออกมา
ในสถานการณ์ปกติทั่วไป เขาล้วนหลบหนีไปเรื่อยๆ ให้ผ่านพ้นไป และถือเป็นการไว้หน้าสวรรค์ด้วย
ผ่าใส่เขาน่ะไม่เป็นไร แต่จะผ่าใส่นางไม่ได้!
นางยังเป็นเพียงต้นกล้าน้อยๆ ที่บอบบาง ไม่อาจต้านรับความสนิทสนมเช่นนี้จากสวรรค์ได้…
ปัจจุบันพลังยุทธ์ของเขาฟื้นฟูกลับมาสองในสามแล้ว หลังจากใช้วิชานั้นออกไป เขารู้สึกว่าร่างกายอ่อนแอลงเล็กน้อย
ดูเหมือนซีจิ่วจะยังติดใจวิชาเมื่อครู่ของเขาอยู่ “วิชานั้นของท่านประกายแสงเป็นสีรุ้ง ข้าจำได้ว่าเวทวิชาที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ใช้ก็เป็นสีรุ้งเช่นกัน…”
ตี้ฝูอีใจเต้นแรงแวบหนึ่ง มองดูนาง
กู้ซีจิ่วหันมามองเขา “วิชานั้นของท่าน…ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ถ่ายทอดให้ท่านใช่หรือไม่?”
————————————————————————————-
บทที่ 888 เป็นฝ่ายจูบข้าก่อนดีหรือไม่?
ตี้ฝูอีถอนหายใจด้วยความโล่งอก “วิชานั้นเป็นวิชายุทธ์ของเขาจริงๆ นั่นแหละ เรียนรู้ได้ยากนัก…รอจนระดับพลังวิญญาณของเจ้าพียงพอ ข้าจะสอนให้เจ้า”
ดวงตากู้ซีจิ่งเปล่งประกาย “ต้องมีพลังวิญญาณเท่าไหร่ถึงจะใช้ได้?”
ตี้ฝูอีถอนหายใจ กล่าวอย่างทีเล่นทีจริง “อย่างน้อยพลังวิญญาณต้องบรรลุขั้นสิบ ดังนั้นเจ้าต้องขยันเข้าล่ะ”
ทั้งสองพูดคุยกันอยู่สักพัก ทันใดนั้นกู้ซีจิ่วก็รู้สึกว่าในกระเพาะร้อนผ่าว เลือดลมพลุ่งพล่านเล็กน้อย
เธอค่อนข้างประหลาดใจ ทว่าตี้ฝูอีกลับดูคล้ายเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว จูงมือเธอให้เธอนั่งลงดีๆ บนเบาะกลมอันหนึ่ง “ยามนี้สมควรฝึกฝนพลังยุทธ์โคจรพลังกลั่นเนื้อหงส์ครามนั้นได้แล้ว เจ้าทำตามที่ข้าบอกนะ”
ถึงแม้ในใจกู้ซีจิ่วยังคงมีข้อสงสัยอยู่ แต่ก็สายเกินไปที่จะถามแล้ว ต้องทำใจให้สงบตั้งใจฝึกฝนพลังยุทธ์ตามที่เขาบอก
การฝึกนี้กินเวลาเกือบหนึ่งชั่วยาม ยามที่กู้ซีจิ่วลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง สัมผัสได้เพียงว่ากระดูกเบาโหวงขึ้นหลายจิน เลือดลมทั่วร่างราบรื่นเป็นพิเศษ พลังวิญญาณไหลเวียนอยู่รอบกาย สบายอย่างยิ่ง
เธอพริ้มตาลงสัมผัสพลังวิญญาณในร่างตน เบิกตากว้างทันที “พลังวิญญาณของข้าบรรลุขั้นหกกับอีกเจ็ดแปดส่วนแล้ว!”
ตี้ฝูอีทาบนิ้วลงบนข้อมือเธอเบาๆ ตรวจสอบเล็กน้อย ยิ้มนิดๆ แล้วกล่าวว่า “เป็นขั้นหกกับอีกเก้าส่วน!”
ดวงตากู้ซีจิ่วพราวระยับทันที!
ไม่ต้องถามเลย นี่คืออานุภาพของหงส์ครามตัวนั้น นึกไม่นึกว่าเนื้อนกชนิดนี้จะยกระดับพลังวิญญาณได้มากขนาดนี้!
เธออดไม่ได้ที่จะมองดูตี้ฝูอี ในใจรู้สึกซาบซึ้งนัก ดูเหมือนเมื่อก่อนเธอจะเข้าใจเขาผิดไปจริงๆ เขาคิดเพื่อเธอจริงๆ…
“ขอบคุณท่านมาก” กู้ซีจิ่วกล่าวขอบคุณเขาอย่างจริงใจ
ตี้ฝูอียิ้มมิเชิงยิ้ม “ข้าไม่รับคำขอบคุณด้วยวาจา…มีสิ่งที่มีประโยชน์กว่านี้หรือไม่?”
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วขึ้นด้วยความฉงน “ท่านต้องการผลประโยชน์อันใด?”
ตี้ฝูอีจึงเอ่ยว่า “เป็นฝ่ายจูบข้าก่อนดีหรือไม่?”
เขานึกว่ากู้ซีจิ่วะตอบกลับมาตรงๆ ว่า ‘ท่านฝันหวานไปแล้ว’ กลับนึกไม่ถึงว่านางจะพุ่งเข้าใส่โดยไม่พูดไม่จา ริมฝีปากแตะหน้าผากเขาเบาๆ เขายังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนอง นางก็ใช้วิชาเคลื่อนย้ายออกไปจากถ้ำอย่างสง่างามแล้ว…
จุมพิตนั้นแผ่วเบาปานแมลงปอแตะผิวน้ำ แต่หัวใจตี้ฝูอีกลับแปรปรวนดั่งกระแสธารา
นี่เป็นครั้งแรกที่นางเป็นฝ่ายเข้ามาใกล้ชิดเขาก่อน ถึงแม้จูบนี้จะขี้โกงยิ่งนัก แต่ก็เพียงพอให้เขาปรีดาแล้ว
ทันใดนั้นกู้ซีจิ่วที่อยู่ด้านนอกก็หวีดร้องออกมาเบาๆ ตี้ฝูอีรีบออกจากถ้ำ ไปปรากฏข้างกายนางทันที “เป็นอะไร?”
กู้ซีจิ่วมองไปที่ฝั่งตรงข้าม “หน้าผา…หน้าผาหายไปแล้ว”
ฝั่งตรงข้ามเดิมทีเป็นหน้าผาที่เหล่าศิษย์ทั้งหลายใช้ฝึกฝน แต่ยามนี้พังถล่มอย่างสมบูรณ์แล้ว มองรูปร่างในอดีตไม่ออกอีกต่อไป
อันที่จริงนี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด ที่สำสำคัญคือ เขาลงโทษเธอให้ใช้วิชาเหินหาวขึ้นลงหน้าผานั้นสิบรอบ แต่ตอนนี้หน้าผาหายไปแล้ว…
เช่นนั้นบทลงโทษนี้จไม่นับแล้วหรือเปล่า?
ตี้ฝูอีเสมือนเป็นพยาธิในท้องเธอเอ่ยขึ้นว่า “บทลงโทษของข้าไม่เคยมีการลดหย่อนผ่อนผัน หน้าผานี้ไม่มีแล้วก็ไม่เป็นไร พวกเราไปที่อื่นกัน”
พลันยกมือโอบเอวเธอแล้วเหินขึ้นสู่ท้องนภาทันที…
….
กู้ซีจิ่วมองหน้าผาเบื้องหน้าที่สูงกว่าหน้าผาเดิมเกือบเท่าตัวรู้สึกท้อแท้ขึ้นมา “เฮ้ ที่นี่สูงเกินไปกระมัง?!”
หน้าผานั้นเธอยังเหาะไม่ขึ้นเลย ตอนนี้จให้เธอเหาะขึ้นที่นี่หรือ?
ตี้ฝูอีตบไหล่เธอเบาๆ “เด็กน้อย เจ้าทำได้ ข้าจะไปรอเจ้าข้างบนนะ” เขาเหาะขึ้นไปแล้วหายลับไปทันที
หัวใจกู้ซีจิ่วสั่นไหวเล็กน้อย ตอนนี้พลังวิญญาณเธอก้าวหน้าขึ้นเกือบบรรลุอีกขั้นแล้ว อาจจะทำได้จริงๆ ล่ะมั้ง?
ความจริงได้รับการพิสูจน์แล้ว ตี้ฝูอีผู้นี้สายตาแหลมคมยิ่งนัก หน้าผานี้ที่เขาเลือกเป็นระดับความสูงที่กู้ซีจิ่วต้องทุ่มเทอย่างสุดกำลังเท่านั้นถึงจะสามารถเหาะขึ้นไปได้…
————————————————————————————-