บทที่ 899 ความจริงท่านไม่จำเป็นต้องดีกับข้าถึงเพียงนี้
เชียนหลิงอวี่พูดไม่ออก
กู้ซีจิ่วเอ่ยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ว่า “หลิงอวี่ พวกเราเป็นสหายกัน เจ้ากับจิ้งจอกน้อยมากินข้าวกับข้าได้ไม่จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากผู้ใด”
ดวงตาเชียนหลิงอวี่เปล่งประกาย ใช่แล้ว กู้ซีจิ่วในยามนี้ไม่นับว่าเป็นอะไรกับตี้ฝูอีอีกแล้ว มีอิสระเด็ดขาด กินข้าวกับสหายเป็นเรื่องปกติยิ่งนัก
ต่อให้ตี้ฝูอีหมั้นหมายกับกู้ซีจิ่ว เขาก็ไม่อาจขัดขวางไม่ให้นางคบหากับสหายร่วมสำนักตามปกติได้….
น่าชังนัก เหตุใดอีกฝ่ายหลอกล่อด้วยประโยคเดียวตนก็มุดเขาไปเสียแล้ว?!
เชียนหลิงอวี่โมโห แต่หินวิญญาณจ่ายออกไปแล้ว อีกทั้งไม่อาจเรียกคืนได้ เขาต้องกินอาหารให้มากหน่อยเพื่อถอนทุนคืน!
เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วคีบลงไปทันที ตี้ฝูอีเอ่ยเนิบๆ ว่า “หินวิญญาณห้าพันก้อนนั้นของเจ้าสามารถกินได้จานละสามคำ ถ้ากินมากกว่านั้นต้องจ่ายเงินอีก”
ในที่สุดเชียนหลิงอวี่ก็มีโทสะแล้ว “สิ่งเหล่านี้ของท่านเป็นไขหงส์ตับมังกรหรืออย่างไร? ถึงได้แพงขนาดนี้! ยิ่งไปกว่านั้นคือค่าอาหารเหล่านี้ข้าเป็นผู้จ่าย!”
“ถึงแม้มิใช่ไขหงส์ตับมังกร ทว่าล้ำค่ากว่าไขหงส์ตับมังกรนัก หินวิญญาณห้าพันก้อนนั้นของเจ้าเป็นเพียงค่าปรุงอาหาร ราคาที่แท้จริงของวัตถุดิบสูงกว่าค่าปรุงมากนัก คาดว่าถึงเจ้ายืมหินวิญญาณทั้งหมดจากสหายร่วมชั้นทุกคนมา ก็ไม่พอซื้ออาหารสักจานบนโต๊ะนี้ เจ้าแน่ใจหรือว่าจะกิน?”
เชียนหลิงอวี่ตะลึง
ท้ายที่สุดแล้ว เชียนหลิงอวี่กินเพียงคำเดียวก็จากไปอย่างน้ำตานองหน้า
เนื่องจากเขาตบอกพูดเองว่าจะเลี้ยง หากกินจนครบทั้งสามคำ ยังจะนับว่าเลี้ยงอันใดได้อีก?
มีเชียนหลิงอวี่เป็นตัวอย่างอยู่ที่นี่แล้ว คนที่เหลือไหนเลยจะกล้าแกว่งเท้าหาเสี้ยนอีก? ดังนั้นจึงหลีกลี้ให้ห่างโต๊ะนี้ของพวกเขา ด้วยเกรงว่าจะถูกท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเชือดถ้าไปรบกวนเข้า!
ด้วยเหตุนี้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจึงกินอาหารมื้อนี้อย่างสบายอกสบายใจยิ่งนัก
กู้ซีจิ่วกินอาหารทุกอย่างเข้าไปไม่น้อย ทุกคำที่กินล้วนรู้สึกราวกับกินหินวิญญาณสองพันก้อน เธอจะกินถอนทุนคืนแทนพวกเชียนหลิงอวี่เอง
อาหารเหล่านี้เธอกินจนหมดก็ยังไม่รู้ว่าที่แท้แล้วคืออะไร อย่างไรก็ตามทุกรสชาติล้วนมีเอกลักษณ์และเลิศรสยิ่ง ล้วนเป็นอาหารที่เธอไม่เคยกินมาก่อน
เธอก็เคยถามตี้ฝูอีแล้ว ตี้ฝูอีเพียงยิ้มน้อยๆ ตบไหล่เธอแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องถามให้มากความ อาหารพวกนี้เจ้าเสาะหาไม่ได้หรอก เพียงแต่ไม่ชักนำสายฟ้าให้มาผ่าเจ้าอีกแน่นอน แถมยังเหมาะกับสภาพร่างกายเจ้าด้วย เป็นประโยชน์ต่อเจ้า ช่วยเจ้าสกัดเนื้องหงส์ครามได้…”
ที่แท้เขาทำอาหารเหล่านี้เพื่อพัฒนาร่างกายเธอ มิใช่การเลี้ยงอาหารเพียงอย่างเดียวเท่านั้น มิน่าเล่าเขาถึงหาวิธีไล่เชียนหลิงอวี่กับหลานไว่หูไป…
ความอบอุ่นแผ่ซ่านในหัวใจกู้ซีจิ่ว หลุบตาลง “ความจริงท่านไม่จำเป็นต้องดีกับข้าถึงเพียงนี้”
ตี้ฝูอีเขยิบเข้าหาเธอเล็กน้อย “ซาบซึ้งแล้วหรือ?”
กู้ซีจิ่วไม่พูดอะไร แน่นอนว่าเธอซาบซึ้ง ชั่วชีวิตนี้ไม่เคยมีใครดีต่อเธอขนาดนี้มาก่อน เอื้อเอ็นดูเธอจนถึงเนื้อใน
ชาติก่อนหลงซีก็ยังไม่เคยเอ็นดูเธอถึงขนาดนี้ หลงซีในยามนั้นมักจะปฏิบัติต่อเธออย่างเดี๋ยวใกล้เดี๋ยวไกลเดี๋ยวอบอุ่นเดี๋ยวห่างเหิน ดูแลเธออย่างยิ่ง และรวมทุกข์ร่วมสุขกับเธอหลายครั้ง แต่ช่วงเวลาส่วนใหญ่เป็นเธอที่วอแวอยู่รอบตัวเขา ทำนู้นทำนี้ให้เขา เรื่องที่หลงซีทำให้เธออันที่จริงมีน้อยมาก
ไหนเลยจะเหมือนตี้ฝูอี ปฏิบัติต่อเธออย่างรักใคร่เอ็นดูโดยตรง ทำให้เธอซาบซึ้ง รู้สึกราวกับฝันอยู่
ถึงแม้เธอต้องการแข็งแกร่ง ถึงแม้จะสุขุมเยือกเย็น แต่เนื้อในเธอก็เป็นเด็กสาวคนหนึ่งเหมือนกัน ลึกๆ ในใจก็ปรารถนาจะถูกผู้อื่นเอื้อเอ็นดู โดยเฉพาะถูกคนที่ชอบ รักใคร่เอ็นดู
ยามที่ถูกคนที่ชอบรักใคร่เอ็นดูถึงเพียงนี้ ความอบอุ่นในใจนั้นราวกับจะเอ่อล้นทรวงออกมา…
“ถ้าซาบซึ้งก็แต่งกับข้าดีไหม?” ตี้ฝูอียิ้มละไมเขยิบเข้าใกล้เธอ
กู้ซีจิ่วตะลึงงัน!
….
————————————————————————————-
บทที่ 900 เจ้าไม่อยากจริงๆ หรือ
แต่งงาน?!
ตี้ฝูอีมองแววตาตกตะลึงของนาง มุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อย “ตกใจหรือ?”
หัวใจกู้ซีจิ่วเต้นรัวยิ่งนัก นี่จะเร็วเกินไปแล้ว! เป็นการแต่งงานสายฟ้าแลบที่ยิ่งกว่าสายฟ้าแลบ! เมื่อคืนเพิ่งจะปรับความเข้าใจกันวันนี้เริ่มหารือเรื่องวิวาห์แล้วหรือ? ต่อให้เป็นการแต่งงานสายฟ้าแลบในยุคปัจจุบันก็ไม่เร็วขนาดนี้!
เธอเอ่ยไปตามสัญชาตญาณ “ข้าเพิ่งสิบห้า…”
“สิบห้าปักปิ่นแล้ว สำหรับผู้บำเพ็ญพลังวิญญาณบรรลุขั้นสี่ก็สามารถแต่งานได้แล้ว ตามเงื่อนไขเจ้าสามารถแต่งงานได้แล้ว” ตี้ฝูอีมองนางยิ้มๆ “เจ้าไม่ยอมตกลงเป็นเพราะยังไม่มั่นใจในตัวข้าใช่ไหม?”
น้ำเสียงเขาอ่อนโยน แต่สำเนียงกลับหนักแน่นมั่นคง
เขาเป็นคนทำอะไรแน่วแน่ไม่ลังเลมาโดยตลอด ในเมื่อทราบความรู้สึกตนแน่ชัดแล้ว เขาก็คิดจะรั้งอีกฝ่ายไว้ข้างกายอย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ ไม่คิดรั้งรออีกต่อไป
โดยเฉพาะหลังจากผ่านเหตุกรณ์เมื่อคืนมาแล้ว เขาพบว่าความคิดที่ต้องการครอบครองนางท่วมท้นยิ่งนัก ความปรารถนานั้นแทบจะเผาผลาญเขา ทำให้เขานอนไม่หลับทั้งคืนเช่นนกัน
เขานำดัชนีต่างๆ ในร่างนางมาคำนวณดูรอบหนึ่ง นางสามารถมีความสัมพันธ์แนบแน่นถึงที่สุดกับเขาได้ พูดอีกอย่างคือสามารถบำเพ็ญร่วมคู่กับเขาได้!
ต่อให้เขาครอบครองนางก็จะไม่เป็นอันตรายใดๆ ต่อนาง ไม่แน่วิชาบำเพ็ญร่วมคู่อาจทำให้พลังยุทธ์ของนางเพิ่มขึ้นอีกขั้น
เขาไม่ต้องการเป็นคนที่ไม่มีฐานะพันธะอันใดก็ครอบครองนางเสียแล้ว เขาต้องการให้นางเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมของตน เช่นนั้นเขาก็สามารถทำกับนางตามความปรารถนาได้แล้ว…
กู้ซีจิ่วไหนเลยจะคาดถึงว่าเขาคิดไปไกลถึงเพียงนี้แล้ว?
สัญชาตญาณเธอรู้สึกว่าไม่เหมาะสม ถึงอย่างไรเธอก็เป็นคนหัวสมัยใหม่ มารดามันเถอะอายุสิบห้ายังเป็นเด็กอยู่นะ! หากเป็นยุคปัจจุบันมรความสัมพันธ์กับเด็กอายุสิบห้า ไม่ว่าเด็กหญิงจะสมัครใจหรือไม่ล้วนถือว่าเป็นการข่มกระทำชำเราทั้งสิ้น…สามารถดำเนินคดีได้!
อีกอย่างการขอแต่งงานหนนี้ของเขารวดเร็วเกินไปหน่อยจริงๆ! เร็วกว่าจรวดเสียอีก! กู้ซีจิ่วค่อนข้างรับไม่ทัน
เธอสูดหายใจนิดๆ ไตร่ตรองคำพูดออกมา “มิใช่ข้าไม่มั่นใจในตัวท่าน แต่ท่านทำเช่นนี้เร็วเกินไปแล้ว! ข้ายังไม่ได้ขบคิดตระเตรียม อีกอย่างข้ายังต้องเล่าเรียนที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์อยู่นะ ท่านก็รู้นี่ ระหว่างที่เล่าเรียนไม่อนุญาตให้แต่งงาน ข้าไม่อยากแหกกฎ…”
แววตาตี้ฝูอีสลัวลงนิดๆ มองดูเธอ “กฎของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ขอเพียงเจ้าตกลงแต่งกับข้าข้าย่อมีวิธี ไม่ปล่อยให้เจ้าละเมิดกฎแน่นอน ส่วนที่ว่าเร็วเกินไป…อันที่จริงก็ไม่นับว่าเร็ว เจ้ากับข้ารู้จักกันเกือบหนึ่งปีแล้ว ต่อให้ตระเตรียมเรื่องวิวาห์ในยามนี้ก็ไม่ดูฉุกละหุกเกินไป เว้นแต่เจ้าไม่อยากออกเรือนกับข้าในยามนี้จริงๆ เจ้าไม่อยากจริงๆ หรือ?”
เส้นเลือดบนหน้าผากกู้ซีจิ่วเต้นตุ้บๆ ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ขอเธอแต่งงานอยู่กระมัง วิธีขอแต่งงานเช่นนี้ของเขาช่างแปลกประหลาดโดยแท้ เหมือนอกับเธอ บังคับให้เธอแต่ง….
กู้ซีจิ่วไม่อยากเป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่ตลอดเช่นนี้ เธอโบกมือไปมา กล่าวอย่างจริงจังยิ่ง “ไม่อยาก”
ตี้ฝูอีไม่พูดอะไรอีก…
….
สุดท้ายกู้ซีจิ่วก็ไม่ได้ย้ายห้อง ตอนแรกเธอย้ายห้องเพื่อหลีกหนีตี้ฝูอี แต่ตอนนี้เธอคืนดีกับเขาแล้ว ถ้าย้ายห้องอีกจะดูทำเกินเหตุไปหน่อย
ยิ่งไปกว่านั้นคือตี้ฝูอีก็เคยพูดกับเธอไว้เช่นกัน ว่าถึงเธอย้ายห้องไปเขาก็ตามไปเปิดสอนวิชาหรือไม่ก็หาทางไปสอนเสริมให้เธอ…
ถ้าเป้นเช่นนี้การย้ายห้องของเธอจะกลายเป็นการหลีกหนีเชียนหลิงอวี่แทน…
เป็นครั้งแรกที่เชียนหลิงอวี่ก็ขบคิดเรื่องนี้เหมือนกัน ดังนั้นหลังเลิกเรียนวันนั้น เชียนหลิงอวี่ก็วิ่งมาหาเธออย่างร้อนรนใจหารือกับเรื่องว่าไม่จำเป็นต้องย้ายห้องแล้ว จิ้งจอกน้อยก็ไม่อยากแยกกับเชียนหลิงอวี่เช่นกัน จึงสนับสนุนด้วย
กู้ซีจิ่วใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วน แล้วพาหลานไว่หูกับเชียนหลิงอวี่ไปหากู่ฉานโม่ด้วยกัน…
กู่ฉานโม่เป็นผู้ที่ข่าวสารฉับไวคนหนึ่ง เรื่องที่กู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอีไปกินข้าวด้วยกันตอนเช้าเขาก็ได้ยินนานแล้ว
————————————————————————————-