บทที่ 911 เขาพาเธอมาดูอะไรใต้ทะเล
ภายในฟองอากาศกู้ซีจิ่วถึงขั้นขนตาของตี้ฝูอีได้ด้วยซ้ำ ฟองอากาศนี้น่าจะเป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้น เนื่องจากมือข้างหนึ่งของเขาจรดนิ้วทำมุทราอยู่ตลอด ส่วนแขนอีกข้างโอบเธอไว้
เขาพาเธอมาดูอะไรใต้ทะเล?
ชมทิวทัศน์ท้องทะเลในมหาสมุทรลึกหรือ?
หรือพามาดูหอย?
คงไม่ใช่พามาชมวังบาดาลกระมัง?
ถึงอย่างไรวังบาดาลก็เป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างในเทพนิยายเท่านั้น ไม่อาจปรากฏขึ้นได้ในความเป็นจริง
มองจากระดับความลึกที่ลงมาคงหลายร้อยเมตรแล้ว หากเขตแดนฟองอากาศนี้แตกออก คนทั่วไปที่ดำน้ำไม่เป็น จะถูกมวลน้ำกดทับจนแบนเหมือนแผ่นภาพ…
สามารถจินตนาการได้เลยว่าเขตแดนฟองอากาศนี้ได้รับแรงกดดันมากมากแค่ไหน
กู้ซีจิ่วทราบว่ายามนี้ตี้ฝูอีต้องลำบากอยู่แน่ๆ ดังนั้นเธอจึงไม่เอ่ยถามเขา ขอเพียงเขาอยู่ข้างกาย เธอก็ไม่เกิดอันตราย ไม่ว่าด้านหน้าจะมีขวากหนามเภทภัยอันใด เธอล้วนไม่หวั่นเกรง!
ประกายแสงเลือนรางส่องสลัวมาจากด้านล่าง กู้ซีจิ่วมองลงไปแวบหนึ่ง เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ ด้านล่างเป็นสิ่งปลูกสร้างเลือนรางหลังหนึ่ง เป็นสีฟ้าโปร่งแสงทั้งหลัง ทอแสงแวววาวพราวระยับอยู่ในทะเลลึก
เป็นวังบาดาลจริงๆ เหรอ?!
หรือในมหาสมุทรลึกแห่งนี้มีเผ่าเงือกอยู่จริงๆ? มีเจ้าสมุทรอยู่จริงๆ?
อาคารสีฟ้าใสหลังนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ กู้ก็สามารถมองเห็นโครงสร้างของมันชัดขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็ต้องกลั้นหายใจ!
แท้จริงแล้วอาคารหลังนี้เป็นสีดำขลับ มีหยกมรกตเป็นกระเบื้อง มีกระดองเต่ากระเป็นผนัง มีปะการังเป็นต้นไม้…งดงามกว่าวังบาดาลที่กู้ซีจิ่วเคยเห็นในทีวีเสียอีก แถมยังหรูหราด้วย
อาคารหลังใหญ่นั้นตั้งอยู่ใต้น้ำอย่างเงียบสงบ พืชน้ำไม่ทราบชื่อโบกพลิ้วไปตามกระแสน้ำ งดงามดั่งภาพมายา
‘ผลุบ!’ ฟองอากาศราวกับทะลุผ่านบางสิ่ง ดิ่งฉิวมาหยุดหน้าประตูอาคารหลังนั้น แล้วฟองอากาศก็แตกโพละ กู้ซีจิ่วยืดกายขึ้นทันที จากนั้นเธอก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ารอบๆ ตำหนักหลังนี้ไม่มีน้ำเลย ถึงขั้นสามารถหายใจได้ อากาศนั้นเย็นฉ่ำเหมือนอยู่ในป่า สดชื่นรื่นรมย์
นึกไม่ถึงว่าในส่วนลึกของมหาสมุทรนี้จะมีสิ่งปลูกสร้างเช่นนี้อยู่จริงๆ! แถมยังงดงามตระการตาเช่นนี้ด้วย!
กู้ซีจิ่วยืนอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็คว้ามือตี้ฝูอีที่อยู่ข้างกายขึ้นมางับทีหนึ่ง แล้วถามเขาด้วยสายตาแวววาว “เจ็บไหม?”
ตี้ฝูอีไม่พูดอะไร จูงมือเธอก้าวเดิน “วางใจเถอะ นี่ไม่ใช่ความฝัน”
กู้ซีจิ่วเดินตามเขา ใต้เท้าคือคือทางเดินสายเล็กๆ ที่ปูด้วยหยกเขียว เมื่อย่ำลงไปราวกับเหยียบย่างอยู่บนถนนศิลาเขียวของแดนเจียงหนานที่งดงามชวนฝัน สัมผัสถึงความเก่าแก่และเปียกชื้นได้รางๆ ริมถนนหยกเขียวมีปะการังหลากสีสันกระจายตัวอยู่ ซ้ำยังมีหอยกาบที่อ้าฝา เผยให้เห็นไข่มุกที่ส่องประกายวาววามอยู่ด้านใน ราวกับไฟกระพริบดวงเล็กๆ นำไปสู่สวนลึกของลานเรือน
กู้ซีจิ่วเห็นประตูบานใหญ่สีแดงเข้มสองบานนั้นเป็นอย่างแรก ประตูนั้นไม่ทราบว่าทำมาจากวัสดุชนิดใด ดูคล้ายมุกคล้ายหยก มีแสงสีแดงกระจ่างทอประกายออกมาเป็นครั้งคราว ส่องสว่าวไปทั่วอาคาร
เหนือประตูใหญ่สีแดงเข้มมีแผ่นป้ายว่างเปล่าแผนหนึ่งอยู่ และด้านข้างของประตูใหญ่ยังมีหินก้อนใหญ่สีขาวแวววาวก้อนหนึ่งตั้งอยู่ด้วย
“ที่นี่คือ?” จิตใจกู้ซีจิ่วหวั่นไหวเล็กน้อย
“รอให้เจ้มาตั้งชื่อให้มันไง” ตี้ฝูอียังคงโอบเอวเธอไว้
“ให้ข้าตั้งชื่อ…ที่นี่สร้างขึ้นเพื่อข้างั้นหรือ?” หัวใจกู้ซีจิ่วเต้นรัวขึ้นมาอีกครั้ง
“ใช่แล้ว” ตี้ฝูอียิ้มนิดๆ “เจ้าอยากได้วังบาดาลสักหลังมิใช่หรือ? เป็นยังไง? วังบาดาลหลังนี้เจ้าชอบหรือไม่?”
ความอบอุ่นในใจกู้ซีจิ่วเริ่มผุดขึ้นมาอีกครั้ง “ชอบ!”
คนผู้นี้ช่างสมกับเป็นยอดคนอับดับหนึ่งของทวีปนี้ ความสามารถในการสร้างบ้านได้ทุกที่ทุกเวลาช่างไร้ผู้เทียบเทียม!
————————————————————————————-
บทที่ 912 ไม่มีวัฒนธรรมช่างกลัวเสียจริง!
ตอนนั้นเธอแค่พูดกับผู้อื่นไปเรื่อย นึกไม่ถึงว่าเขาจะสร้างวังบาดาลหลังหนึ่งให้เธอได้จริงๆ!
เหมือนฝัน! เหมือนฝันเหลือเกิน!
กู้ซีจิ่วอยากกัดตัวเองสักคำจริงๆ
ตี้ฝูอีเรียกพู่กันพิเศษด้ามหนึ่งออกมา จากนั้นก็มองมาที่เธอ “คิดมาสักชื่อสิ ข้าจะจารึกกป้ายให้เจ้า”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน น่าเสียดายนักถึงเธอจะเรียนรู้มาไม่น้อย แต่ความรู้ด้านวัฒนธรรมมีน้อยนิดจริงๆ ยามนี้จึงนึกคำศัพท์ที่ดูสูงส่งอันใดไม่ออกเลย เธอรีดเค้นสมองคิดออกมาหลายคำ ล้วนถูกตี้ฝูอีติว่าหยาบกระด้างเกินไปแล้วปีดตกเสีย
เธอจึงมีน้ำโหขึ้นมา “ท่านมีวัฒนธรรมมากนัก ท่านก็ตั้งชื่อสิ”
ตี้ฝูอีใคร่ครวญเล็กน้อย “ใช้ชื่อของพวกเรามาตั้งชื่อเอาไหม? วังตี้จิ่ว? วังตี้ซี?”
นัยน์ตากู้ซีจิ่วทอประกายนิดๆ “งั้นก็เรียกว่าวังตี้จิ่วเถอะ ฟ้าดินยั่งยืน[1] ตัวอักษรพ้องเสียงกัน”
มือตี้ฝูอีแข็งทื่อเล็ดน้อย แต่ก็ยิ้มแล้วตอบรับ “ได้ เรียกว่าวังตี้จิ่ว!”
เขาเหินร่างขึ้นไป ใช้พู่กันด้ามนั้นจารึกอักษรลงบนป้ายสามคำ ‘วังตี้จิ่ว’
ตัวอักษรของเขาดั่งหงส์ร่อนมังกรรำ สง่างามมีพลัง เสมือนจะทะลุออกมาจากป้าย ดูทรงอำนาจยิ่งนัก
บนป้ายนั้นสลักลวดลายเถาไม้ไว้ด้วย ลายเถานั้นเก่าแก่เรียบง่ายยิ่ง เข้ากับตัวอักษรของเขาเป็นพิเศษ เพิ่มสีสันให้ตำหนักทั้งหลังไม่น้อย
กู้ซีจิ่วชักสนใจขึ้นมาเช่นกัน แบมือขอพู่กันด้ามนั้นจากเขา “ข้าก็อยากทิ้งอักษรไว้บนหินใหญ่ก้อนนี้เหมือนกัน”
ตี้ฝูอียื่นพู่กันให้เธอ “พู่กันนี้ใช้น้ำหมึกพิเศษ ถ้าเขียนแล้วจะลบอย่างไรก็ไม่ออก เจ้าคิดให้ดีแล้วค่อยเขียน”
“วางใจเถอะน่า!” กู้ซีจิ่วควงพู่กันในมือรอบหนึ่ง ครุ่นคิดเล็กน้อย ยกมือจารึกอัการตัวโตแถวหนึ่งลงบนก้อนหิน ‘เทียนฉางตี้จิ่ว!’[2]
ในลายมือที่งดงามของเธอแฝงพลังไว้ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างหนึ่ง ท่วงท่านการจารึกอักษรขอเธอก็ด้อยกว่าตี้ฝูอีไม่เท่าไหร่
ตี้ฝูอีชื่นชมอักษรสี่ตัวที่เธอเขียนมาก เพียงแต่เขารู้สึกว่ายังไม่หนำใจ “ข้าคิดว่าควรจารึกชื่อพวกเราลงไปด้วย”
“เอาสิ” กู้ซีจิ่วตอบรับ ในสมองจัดเรียงอักษรแถวหนึ่ง เกิดความคิดบรรเจิดขึ้นมาทันที เธอใช้พู่กันจารึกชื่อของทั้งสองคนลงไปบนก้อนหิน ชื่อของตี้ฝูอีอยู่ทางซ้าย ชื่อของเธออยู่ทางขาว แล้ววาดหัวใจดวงหนึ่งไว้ระหว่างชื่อทั้งสอง บนหัวใจมีลูกศรดอกหนึ่งปักอยู่ สื่อถึงศรรักของกามเทพ
การจำรึกนามนี้มีหัวศิลป์มาก กู้ซีจิ่วเรียกให้ตี้ฝูอีมดูอย่างกระตือรือร้น
ตี้ฝูอีมองลูกศรนั้นครู่หนึ่ง ตัวลูกสรปักจากขวาทะลุซ้าย จากนั้นเขาก็มองชื่อทั้งสอง สุดท้ายจึงมองปที่กู้ซีจิ่ว “นี่เจ้าคิดจะยิ่งศรทะลวงหัวใจข้าหรือ?”
ไม่มีวัฒนธรรมช่างกลัวเสียจริง!
กู้ซีจิ่วมองหยามเขา จากนั้นก็อธิบายความหมายเรื่องศรรักกามเทพให้เขาฟัง ตี้ฝูอีเข้าใจในทันที และปรีดายิ่งนัก จากนั้นเขาได้เสนอความเห็นว่า “มิสู้เติมลูกศรอีกดอกให้เป็นคู่กับดอกแรก ทั้งดูงดงามและดูลึกซึ้งกว่า…”
กู้ซีจิ่วหมดคำพูด “นี่ท่านคิดจะแทงหัวใจดวงนี้ให้พรุนหรือไง? ถ้าทำตามความเห็นของท่าน ปักลูกศรลงไปจนเป็นพุ่ม เช่นนั้นก็ไม่เรียกว่าหนึ่งศรรักทะลุใจแล้ว เรียกว่าหมื่นศรทะลวงใจเถอะ…”
ตี้ฝูอีเงียบงัน เอาเถอะ เป็นเขาผิดเอง
เขาจูงนางผลักประตูเข้าไป “มาเถอะ ไปดูข้างในต่อ”
คนทั้งสองเข้าสู่ภายในตำหนัก ในตำหนักมีแนวปะการัง ต้นปะการัง พุ่มปะการัง มีพืชทะเลที่เขียวขจีดั่งหยกพลิ้วไหวตามสายลม…
ในตำหนักก็ออกแบบให้มีลักษณะของโลกใต้สมุทรยิ่งนัก พืชทุกต้นหินทุกก้อนล้วนมีเอกลักษณ์โดดเด่น
ในตำหนักมีสถานที่ให้จารึกถ้อยคำไว้ไม่น้อย ตี้ฝูอีจากลึกไว้หลายแห่ง กู้ซีจิ่วก็จารึกไว้หลายแห่งเช่นกัน ภูเขาจำลองเอย ศาลาเต่ากระเอย ป้ายประตูตำหนักเอย…ฝีพู่กันล้ำค่าของพวกเขาล้วนหลงเหลือไว้ทุกที่
————————————————————————————-
[1] ฟ้าดินยั่งยืน ตัวจีนคือ 天长地久 ออกเสียงว่า เทียนฉางตี้จิ่ว สองตัวหลังพ้องเสียงกับชื่อของพระนาง
[2] เทียนฉางตี้จิ่วในวรรคนี้ ตัวจีนเขียนว่า 天长帝玖 นางเอกเล่นคำ เอาชื่อตัวเองกับพระเอกมาใส่แทนคำเดิมที่พ้องเสียงกัน