บทที่ 939 พี่สาวมิใช่ของตายของเจ้า!
แต่ในเมื่อเธอกลับมาแล้ว ถ้าไม่มาดูเสียหน่อยคงไม่แล้วใจ ดังนั้นเธอจึงมา
เธอเคยชินกับการสอบถามข่าวคราวตี้ฝูอีให้ชัดเจนไปเสียแล้ว หากว่าเขากลับมา ประตูใหญ่ของวังค้ำนภาจะเปิดอ้า ขอเพียงเขาไม่อยู่ ประตูใหญ่ของที่นี่ถึงจะปิดไว้แน่นหนา…
ถึงแม้จะทราบว่าเข้าไปแล้วก็มีความเป็นไปได้แปดเก้าส่วนที่ต้องกลับไปด้วยความผิดหวัง แต่กู้ซีจิ่วเป็นประเภทที่ไม่ถึงที่สุดไม่หันหลังกลับ ดังนั้นเธอจึงใช้วิชาเคลื่อนย้ายเข้าไปในวังคำนภา
โครงสร้างสถาปัตยกรรมในวังค้ำนภายังคงเป็นเช่นเดียวกับเมื่อก่อน ไม่เปลี่ยนไปเลย
สาวใช้ข้างในก็ยังคงเป็นสาวใช้เหล่านั้น ทุกคนต่างจัดการเรื่องราวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เก็บกวาดลานเรือน เช็ดถูราวบันได กู้ซีจิ่วสาวใช้ที่คุ้นตาอยู่หลายนาง…
เคราะห์ดีที่ยามนี้วรยุทธ์เธอสูงมากแล้ว ทั้งยังชำนาญปกปิดอำพรางตน ประกอบกับมีวิชาเคลื่อนย้ายที่ไปมาไร้ร่องรอย ดังนั้นคนในวังนี้จึงไม่พบเห็นคนนอกเช่นกู้ซีจิ่ว
แถมกู้ซีจิ่วก็ได้ยินบทสนทนาของพวกนางอยู่หลายประโยคด้วย ทราบจากบทสนทนาของพวกนางว่าตี้ฝูอีไม่ได้มาที่นี่เป็นเวลาหนึ่งปีครึ่งแล้ว สาวใช้เหล่านี้ก็คำนึงถึงผู้เป็นนายยิ่งนักเช่นกัน…
กู้ซีจิ่วยังไปดุที่ห้องนอนของตี้ฝูอีด้วย แน่นอนว่ายังคงผิดหวังตามเคย
อาจเป็นเพราะเขาจากไปเนิ่นนานเหลือเกิน ภายในห้องนอนแม้แต่กลิ่นอายของเขาก็ไม่มีแล้ว
มือเธอลูบผ้าห่มของเขาเล็กน้อย จากนั้นก็จ่อปลายจมูกสูดดม ไม่ได้กลิ่นอะไรเลย
จึงทอดถอนใจเบาๆ “ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ผู้เฒ่าเช่นท่านลึกลับซับซ้อนเกินไปหน่อยแล้ว!”
เธอนั่งครุ่นคิดบนเก้าอี้ที่เขานั่งเป็นประจำครู่หนึ่ง จู่ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในสมอง ตี้ฝูอีจะฝึกฝนอยู่ที่วังบาดาลใต้มหาสมุทรลึกแห่งนั้นหรือเปล่า?
เรื่องถูกกำหนดให้ปริศนาที่ไม่อาจคลี่คลายได้ เนื่องจากถ้าไม่มีเขาเป็นผู้นำทาง ต่อให้เธอทราบว่าเขาอยู่ในวังบาดาลแห่งนั้น เธอก็เข้าไปไม่ได้อยู่ดี
ตี้ฝูอี หวังว่าจะไม่ใช่อีกสามปีให้หลังเจ้าถึงจะมาปรากฏตัวต่อหน้าข้านะ มิเช่นนั้นข้าผู้เฒ่าจะซัดเจ้าให้กระเด็นซะ!
แถมข้าจะออกเรือนกับผู้อื่นให้เจ้าดูด้วย! ทำให้เจ้ารู้ว่าพี่สาวมิใช่ของตายของเจ้า!
เธอส่ายหน้านิดๆ จัดการความคิดนางร้ายของตน หมุนกายคราหนึ่งเคลื่อนย้ายจากไป
….
รถม้าขนาดกะทัดรัดคันหนึ่งเหาะเหินอยู่ในอากาศ
สัตว์ที่ลากรถคือสิงโตเวหาตัวหนึ่ง
ความเร็วในการเหินบินของสิงโตชนิดนี้เร็วกำลังดี ไม่ด้อยไปกว่าเพรียกวายุของกู้ซีจิ่ว แต่เพรียกวายุตัวนั้นเป็นสัตว์บก วิ่งไปตามท้องถนนจะสะดุดตาเกินไป ตกเป็นเป้าสายตาได้ง่ายๆ ดังนั้นยามที่กู้ซีจิ่วมาจึงเช่ารถโดยสารระดับสูงที่ลากโดยสิงโตเวหาคันนี้มา
รถลากสิงโตเวหาชนิดนี้มักปรากฏตัวกลางนภา ดังนั้นพวกเขาจึงไปมาได้โดยไม่มีใครรู้
ที่กู้ซีจิ่วค่อนข้างฉงนก็คือ ยามที่เธอกับอิงเหยียนนั่วโดยสารรถคันนี้มา อิงเหยียนนั่วใช้สารพัดวิธีเพื่อนั่งในรถกับเธอ หาข้ออ้างอันยอดเยี่ยมมามากมาย
ยกตัวอย่างเช่นผิวพรรณเขาบอบบางเกินไป ไม่อาจต้องลมบ่อยๆ ได้
หรืออย่างเช่นสิงโตเวหาชนิดนี้สติปัญญาสูงส่ง ไม่จำเป็นต้องมีคนบังคับอยู่นอกรถ ขอเพียงออกไปชี้ทางบ้างเป็นครั้งคราวก็พอ…
สารพัดเหตุผลไม่รู้จบรู้สิ้น
แต่หนนี้เมื่อออกเดินทางอีกครั้ง เจ้าเด็กคนนี้กลับรับหน้าที่เป็นสารถีบังคับรถอยู่ด้านนอกด้วยตัวเอง
ความเร็วของรถม้ารวดเร็วยิ่ง สายลมย่อมกรรโชกยิ่งนัก เส้นขนบนร่างสิงโตตัวนั้นโบกไสวอยู่ในสายลม
กู้ซีจิ่วเลิกผ้าม่านรถมุมหนึ่งออกเอ่ยถามอิงเหยียนนั่วที่นั่งอยู่ด้านหน้ารถม้า “อิงเหยียนนั่ว…”
“หือ? ลูกพี่กู้มีอะไร?”
“เจ้าไม่กลัวลมกรรโชกพัดกรีดผิวอันบอบบางของเจ้าแล้วหรือ?”
“หา? แหะๆ ไม่กลัวหรอก พวกเราทั้งสองต้องมีคนใดคนหนึ่งที่บังคับรถ มิเช่นนั้นหากสิงโตตัวนี้เตลิดขึ้นมาไม่รู้ว่าจะลากพวกเราไปไหนบ้าง”
“เจ้าบอกเองมิใช่หรือว่าชี้ทางสิงโตเวหาใช้เวลาแค่หนึ่งถ้วยชาก็พอแล้ว?”
อิงเหยียนนั่วชะงักไปครู่หนึ่ง สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง “นั่นต้องคุ้นทางถึงจะทำได้ สถานที่ที่พวกเราจะไปมิใช่เส้นทางที่สิงโตตัวนี้คุ้นเคยแล้ว ดังนั้นต้องคอยควบคุมทิศทางของมันตลอดเวลา”
————————————————————————————-
บทที่ 940 พวกเราสงบเสงี่ยมหน่อยได้หรือไม่?
กู้ซีจิ่วมองแผ่นหลังเขา เจ้าเด็กนี่นั่งเหยียดเอวตรงแน่วอยู่ตรงนั้นดั่งทหาร ยามที่สะบัดมือ แส้ก็จะกระจายออกมาเป็นพุ่มกลมๆ กลมเสียยิ่งกว่าวาดด้วยวงเวียน…
นัยน์ตาลุกวาบแวบหนึ่ง ขยับกายเล็กน้อย วินาทีต่อมาเธอพลันปรากฏตัวขึ้นข้างกายอิงเหยียนนั่ว นั่งเคียงข้างเขา
คงเป็นเพราะเธอโผล่มากะทันหันเกินไป ร่างกายอิงเหยียนนั่วคล้ายจะแข็งทื่อไปทันที ส่ายโงนเงน เกือบจะร่วงจากหน้ารถแล้ว!
กู้ซีจิ่วยื่นมือออกไป ดึงแขนเขาไว้ “ระวังหน่อยสิ!”
อิงเหยียนนั่วประหนึ่งถูกผึ้งต่อย รีบชักมือกลับทันที หลีกห่างจากมือเธอ เอนตัวไปด้านข้าง “เจ้า…เจ้าออกมาทำไม? ด้านนอกลมแรง เจ้ากลับไปนั่งในรถม้าเถอะ”
เมื่อครู่ร่างกายกู้ซีจิ่วแทบจะแนบชิดอยู่บนร่างเขา เธอลอบดมกลิ่นบนร่างเขาทันที…
อันที่จริงน่าประหลาดยิ่งนัก กลิ่นของตี้ฝูอีที่เธอได้กลิ่นคล้ายจะเป็นกลิ่นอายดวงวิญญาณของเขา แต่พอดมกลิ่นผู้อื่นก็เป็นกลิ่นกายปกติทั่วไป เหมือนบนร่างของอิงเหยียนนั่วในยามนี้ เป็นกลิ่นหอมสดชื่นของใบไผ่ชนิดหนึ่ง หอมยิ่งนัก แต่ไม่ใช่เขาแน่นอน…
เด็กน้อยอิงเหยียนนั่วผู้นี้รสนิยมค่อนข้างพิเศษ เขาชมชอบกำยานหอม แถมยังเป็นกำยานหอมหลายชนิดด้วย ด้วย ดังนั้นกู้ซีจิ่วมักจะได้กลิ่นกำยานที่แตกต่างกันไปบนร่างเขา
เธอยิ้มนิดๆ วางมือพาดบ่าเขา “อิงเหยียนนั่ว เจ้าเคยพบว่าจริงๆ แล้วตัวเองเป็นคนสองบุคลิกบ้างหรือเปล่า?”
อิงเหยียนตัวแข็งทื่อ “อ…อะไรนะ?”
กู้ซีจิ่วเพ่งพิศเขาจากบนจรดล่าง เพ่งพิศจนเส้นขนเขาลุกชันถึงเอ่ยอย่างอ้อยอิ่ง “ข้ารู้สึกว่าในตัวเจ้ามีวิญญาณอยู่สองดวง ร่างเล็กๆ นี้ของเจ้ามักจะมีดวงวิญญาณคอยสลับกันควบคุม…”
อยู่ในระยะประชิด กู้ซีจิ่วไม่เห็นว่าบนหน้าเขามีหน้ากากหนังมนุษย์อันใด ดูเหมือนจะเป็นผิวหนังของเขาจริงๆ ไม่ ไม่คล้ายว่าเป็นผู้อื่นปลอมตัวมา…
หรือว่าคนผู้นี้เป็นคนสองบุคลิกที่ร่ำลือกันจริงๆ?
อิงเหยียนนั่วเลิกคิ้วมองเธอครู่หนึ่ง ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “อันที่จริงคนในครอบครัวข้าก็เคยกล่าวทำนองนี้กับข้าเหมือนกัน บางครั้งข้าก็หลงลืมเรื่องที่ตัวข้าเองกระทำไปอยู่บ่อยๆ ต่อให้ผู้อื่นเอ่ยเตือนข้าข้าก็นึกไม่ออกเท่าไหร่…แต่ข้ารู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่ในร่างจะมีวิญญาณอยู่สองดวง บางที…บางทีอาจเป็นคนสองบุคลิกเช่นที่เจ้าว่าจริงๆ กระมัง?”
สหายน้อยมู่เตี่ยนยังคงเฉลียวฉลาดนัก ปฏิกิริยาตอบสนองก็ว่องไวยิ่ง รีบตีงูที่พันกิ่งทันที ไหลตามคำพูดของกู้ซีจิ่วไป
อันที่จริงไม่ว่าจะเป็นกริยาท่าทางหรือว่าการเคลื่อนไหวของเขาล้วนแตกต่างกับอิงเหยียนนั่วเลย ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวน่าจะเป็นท่าทีที่มีต่อกู้ซีจิ่ว
นายท่านของเขาสามารถใกล้ชิดกู้ซีจิ่วอย่างไร้ข้อจำกัดได้ สามารถตัวติดกับนางได้ แต่เขาน่ะไม่กล้า! ต่อให้สวมรอยเป็นอิงเหยียนนั่วก็ไม่กล้าอยู่ดี…
นายท่าน ท่านบอกข้าน้อยไว้มิใช่หรือ ว่าท่านจะไม่สนิทสนมชิดเชื้อนางจนเกินไปเลี่ยงไม่ให้ฐานะถูกเปิด?
เหตุใดแม่นางกู้ผู้นี้มีท่าทีราวกับท่านเกาะติดดั่งแผ่นยาหนังสุนัขเล่า?
นายท่าน ต่อหน้าแม่นางกู้ผู้นี้ พวกเราสงบเสงี่ยมหน่อยได้หรือไม่?
มิเช่นนั้นในสายตาแม่นางกู้ ภาพลักษณ์ของอิงเหยียนนั่วคงย่อยยับไปหมดแล้ว!
ขณะที่เขาจมอยู่ในภวังค์ความคิด จู่ๆ ก็มีมือข้างหนึ่งพาดลงบนข้อมือ เขาสะดุ้งโหยง เกือบจะซักฝ่ามือใส่อีกฝ่ายแล้ว เคราะห์ที่เขายั้งไว้ทัน มองกู้ซีจิ่วด้วยร่างกายที่แข็งทื่อ “ท่าน…ท่านจะทำอะไร?”
สวรรค์ แม่นางกู้ผู้นี้คงไม่คิดจะแทะโลมเขากระมัง?!
เขาควรยอมตายดีกว่ายอมศิโรราบหรือว่าแบ่งรับแบ่งสู้ดี?
กู้ซีจิ่วเหลืบมองใบหน้าที่เดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีดของเขาแวบหนึ่ง “อย่าขยับ! ข้าจะตรวจสอบว่าในร่างเจ้ามีวิญญาณดวงอื่นอยู่หรือไม่”
เธอเคยเรียนวิชาปราบวิญญาณมานิดหน่อย หากมีวิญญาณดวงอื่นอยู่ในร่าง เธอยังพอตรวจสอบได้
มู่เตี่ยนย่อมทราบความสามารถของนางดี จึงไม่กล้าขัดขืน ยอมให้นางตรวจสอบอย่างว่าง่าย
————————————————————————————-