บทที่ 945 ไร้ทางหนี
ได้ยินเพียงเสียง ‘กร็อบ!’ ‘กร็อบ!’ ดังอยู่ไม่ขาดหู ผีดิบสิบกว่าตัวที่ปิดล้อมพวกเขาล้วนถูกหักคอจนล้มกองอยู่บนหิมะ
เสียงเอะอะต่อสู้แว่วมากจากบ้านเรือนจุดหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกล มีปะกายแสงของเวทวิชาวาบออกมาท่ามกลางพายุหิมะบ้างเป็นครั้งคราว ราบกับสายฟ้าที่แลบแปลบปลาบในยามราตรี
ชัดเจนยิ่งนักว่ากลุ่มของหลานไว่หูถูกขังซ้ำยังถูกตัวประหลาดประเภทนี้ล้อมไว้ด้วย…
“ไป ไปช่วยคน!” กู้ซีจิ่วฉวยมือมู่เตี่ยนไว้ เคลื่อนย้ายไปยังทิศทางนั้นทันที…
ขอบฟ้าบุเมฆาหน้าแดงฉาน หิมะโปรยปรายลงมาอย่างหนัก
หนนี้เชียนหลิงอวี่ออกมากับเล่อจื่อซิ่งและเล่อชิงซิ่ง หน้าที่ของพวกเขาคือไปตรวจเรื่องที่มีศพในสนามรบฝั่งอาณาจักรเฮ่าเยวี่ยสูญหายไป ทั้งสามมาที่ค่ายทัพของอาณาจักรเฮ่าเยวี่ย เชียนหลิงอวี่ได้พบท่านอาของตนผู้นำทัพออกรบ อาของเขาบอกเขาว่า ในสงครามสองสามครั้งที่ผ่านมานี้ ทางพวกเขานับไว้ชัดเจนว่ามีผู้เสียชีวิตในสงครามหนึ่งหมื่นเจ็ดพันแปดร้อยยี่สิบคน แต่รายงานการทหารที่ส่งกลับไปทางนั้นกลับมีเพียงหนึ่งหมื่นห้าพันสองร้อยคนเท่านั้น ศพอีกสองพันคนที่เหลือหายอย่างไร้ร่องรอย
พวกเชียนหลิงอวี่รุดไปที่สนามรบทันที กลับนึกไม่ถึงว่าจะหลงทางอยู่ในทุ่งรกร้างแห่งหนึ่งราวกับถูกผีบังตา
ตอนที่พวกเขาเพิ่งเข้ามาสถานที่แห่งนี้คือทุ่งรกร้างไร้ผู้คนชัดๆ แต่หลังจากพวกเขามุดเข้ามา กลับพบว่าที่นี่คือเมืองร้างแห่งหนึ่ง ภายในเมืองหิมะโปรปรายอย่างหนักล่องลอยดั่งปุยนุ่น
ขณะที่พวกเขาคิดจะตรวจสอบดู เพื่อค้นหาทางออก ผีดิบชุดขาวกลุ่มหนึ่งที่แทบจะกลมกลืนไปกับหิมะก็กระโจนออกมา โจมตีพวกเขา
ผีดิบชุดขาวเหล่านี้กลืนไปกับพายุหิมะ ซ้ำยังเคลื่อนไหวว่องไว ด้วยมีพายุหิมะเป็นเกราะกำบังพวกเขาจึงสังหารไม่ได้เลยสักตัว
แถมผีดิบพวกนี้ยังไม่เกรงกลัวเปลวไฟ ไม่เกรงกลัวการฟาดฟัน ไม่เกรงกลัวน้ำ ไม่เกรงกลัวการทุบตี ไม่ว่าจะทำอย่างไรล้วนฆ่าไม่ตาย พวกเขาทำได้เพียงหลบหนี แต่ระหว่างที่หลับหนีก็เป็นการรบกวนผีดิบชุดขาวตัวใหม่ด้วย ด้วยเหตุนี้หลังจากพวกเขาหลบหนี ผีดิบชุดขาวที่ไล่ตามพวกเขาก็มากขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่หลบหนีจนอ่อนล้า พวกหลานหลายไว่หู จางฉูฉู่และเยี่ยนเฉินทั้งสามได้มุดเข้ามาด้วยเช่นกัน…
ทั้งสองกลุ่มรวมตัวเข้าด้วยกัน ยังคงหาวิธีรับมือผีดิบชุดขาวเหล่านี้ไม่ได้เช่นเดิม ระหว่างที่ต่อสู้เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าแทงถูกจุดสำคัญของมันแล้ว เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าแทงจนได้เลือด ทว่าพวกมันกลับไม่ตาย…
หลายคนเคยลองตัดหัวหัวมันดู แต่หัวและคอของพวกมันราวกับทำมาจากเหล็กกล้า ไม่มีทางฟันขาดได้ อย่างมากก็ฟันจนมีเลือดเน่าๆ กระฉูดออกมาปากแผลเท่านั้น
ที่สำคัญกว่านั้นคือ เมืองแห่งนี้เห็นกันอยู่ชัดเจนว่าไม่ใหญ่โต ทว่าวิ่งไปวิ่งมาอยู่ในนี้กลับไม่พบจุดสิ้นสุดเสียที
บ้านเรือนเอย ร้านค้าเอย หมู่ตึกเอย ถนนใหญ่เอย ตรอกซอกซอยเอย…
ท่ามกลางพายุหิมะเหล่านี้ดูไปแล้วไม่แตกต่างจากเมืองอื่นๆ เลย แต่ไม่ว่าพวกเขาจะหนีไปทางไหน สุดท้ายก็พบว่าวนเวียนอยู่ภายในเมืองตลอด ก็คือหาทางออกไม่พบเลย…
พวกเชียนหลิงอวี่ล้วนเคยเรียนวิชาค่ายกลมา และทราบว่าเมืองนี้น่าจะเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ ทว่าไม่ว่าจะหาอย่างไรก็หาตาค่ายไม่พบ ย่อมไม่มีวิธีทำลายค่ายกล…
พวกเขาวิ่งวนไปวนมาอยู่ในนี้หนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว ทุกคนล้วนเหนื่อยล้าอ่อนแรง เริ่มแรกพวกเชียนหลิงอวี่ทั้งสามเข้ามาพร้อมกับนายทหารหกคนที่ท่านอาของเขาส่งมา นายทหารหกคนนี้ก็ถูกขังไว้ที่นี่เช่นเดียวกับพวกเชียนหลิงอวี่ทั้งสาม
พวกเชียนหลิงอวี่ทั้งสามแม้แต่ตัวเองก็เอาแทบไม่รอดแล้ว อีกทั้งวรยุทธ์ของนายทหารหกคนนี้ก็ไม่เข้าขั้น ระหว่างที่หนีเอาชีวิตรอด หลายคนที่เลื่อนไหวช้าก็ถูกผีดิบชุดขาวเล่านั้นตะครุบไว้ ฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ ทันที
————————————————————————————-
บทที่ 946 นภาไร้ทางหนี พสุธาไร้ทางรอด
เมื่อพวกเชียนหลิงอวี่และเยี่ยนเฉินรวมตัวกัน หกคนนั้นก็เหลือรอดเพียงคนเดียว แต่คนผู้นี้ภายหลังก็พลาดท่าถูกตะครุบไว้ระหว่างที่หลบหนี ถึงแก่ความตาย…
เชียนหลิงอวี่ก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แขนเขาถูกผีดิบกระชากจนเป็นแผลใหญ่ ขาข้างหนึ่งก็หักด้วย เป็นเยี่ยนเฉินที่แบกเขาหนีอยู่ตลอด…
ในบรรดาคนกลุ่มนี้ เยี่ยนเฉินแข็งแกร่งที่สุด อายุก็มากที่สุด ย่อมต้องพึ่งพาให้เขาเป็นผู้นำ แต่ต่อให้เป็นเขา ยามนี้ก็ค่อนข้างสิ้นหวังเช่นกัน
ระห่างหลบหนีพวกเขาใช้วิธีทำลายค่ายกลสารพัดวิธี แต่เมืองผีสางนี้ก็ยังตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าพวกเขา พวกเขาไม่มีทางหนีได้เลย
พวกเขาเคยลองยิงพลุสื่อสารระหว่างศิษย์ร่วมสำนักขึ้นฟ้าแล้ว แต่ถึงแม้พลุจะพุ่งขึ้นไปบนฟ้า ทว่าพุ่งไปได้ครึ่งทางก็ราวกับชนสิ่งกีดขวางอันใดเข้าร่วงหล่นลงมา สัญญาณก็ส่งออกไปไม่ได้เช่นกัน
ทุกคนในที่นี้ล้วนเคยฝึกฝนร่ำเรียนวิชาเหินหาวมาแล้ว ล้วนสามารถเหาะเหินบนท้องฟ้าสูงหายสิบจั้งได้ เยี่ยนเฉินถึงขั้นสามารเหาะได้สูงถึงร้อยจั้ง แต่เยี่ยนเฉินเคยทดลองดูแล้ว ยามที่เขาเหาะขึ้นสูงสามสิบห้าจั้งก็ชนเข้ากับเขตแดนโปร่งแสงที่ยืดหยุ่น เขตแดนนั้นไม่ทราบว่าก่อขึ้นจากเวทวิชาชั่วร้ายอันใด เมื่อซัดฝ่ามือใส่จะแนบติดทันที ไม่มีทางโจมตีให้เปิดออกได้
เยี่ยนเฉินทุ่มเทพละกำลังมหาศาล ผิวหนังตรงฝ่ามือแทบหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ แล้ว
นภาไร้ทางหนี พสุธาไร้ทางรอด
ต่อให้เป็นเยี่ยนเฉินที่พบพานมรสุมจนคุ้นชินแล้ว วินาทีนี้ก็ค่อนข้างสิ้นหวังเช่นกัน
จิ้งจอกน้อยติดตามอยู่ข้างกายเขาตลอด อันที่จริงสาวน้อยขี้ขลาดนัก ก่อนเข้าสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์แม้แต่ไก่สักตัวนางก็ยังไม่กล้าฆ่า หลังจากอยู่ภายใต้การอบรมสั่งสอนของกู้ซีจิ่ว เธอจึงกล้าต่อสู้ กล้าลงมือ แต่สุดท้ายแล้วก็ยังไม่เคยมีประสบการณ์ต่อสู้ที่โหดร้ายทารุณจริงๆ นางได้เห็นกับตาว่านายทหารที่เคลื่อนวไหวช้าไปเล็กน้อยเพราะบาดเจ็บผู้นั้น ถูกผีดิบชุดขาวของตัวตะครุบไว้ ถูกฉีกเป็นสองท่อนทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่…
ยามนั้นนางหวาดกลัวนัก! น้ำตาไหลพราก สองขาอ่อนยวบ หากมิใช่เยี่ยนเฉินคอยปกป้องนางอย่างไม่คิดชีวิตอยู่ตลอด เกรงว่านางคงถูกผีดดิบชุดขาวตะครุบไปฉีกเป็นชิ้นๆ แล้ว
ยามนี้พวกเขาหกคนถูกผีดิบจากรอบทิศบีบต้อนจนถอยหนีมาที่แท่นสูงแห่งหนึ่ง
การเคลื่อนไหวของผีดิบถึงแม้จะว่องไว แต่เนื่องจากแขนขาของพวกมันแข็งทื่อ ปีนขึ้นที่สูงค่อนข้างลำบาก และบนแท่นสูงก็มีเสาธงต้นหนาเท่าปากชามต้นหนึ่งอยู่ เสาธงสูงประมาณสิบห้าจั้ง ไม่รู้ว่าสร้างมาจากอะไรจึงเกลี้ยงเกลาเป็นมันอย่างยิ่ง
แท่นสูงด้านล่างเสาธงมีผังลวดลายที่ประหลาดยิ่งนักจำนวนหนึ่งอยู่ พายุหิมะหนักหนาถึงเพียงนี้ ทว่าไม่ได้กลบฝังลวดลายเหล่านั้นเลย
อันที่จริงระหว่างที่หนีเอาชีวิตรอดพวกเยี่ยนเฉินมองเห็นที่นี่นานแล้ว แต่เนื่องจากรู้สึกว่าแท่นสูงนี้ค่อนข้างประหลาด จึงไม่กล้าหนีขึ้นไปเสมอมา
ยามนี้จนปัญญาที่ถูกผีดิบบีบต้อนมาจากทุกทิศ จึงทำได้เพียงถอยหนีขึ้นไปยังเสาธงบนแท่นสูง…
ด้วยวรยุทธ์ของทุกคน การเหินไต่ขึ้นไปบนเสาธงไม่นับว่าเป็นเรื่องยาก เล่อจื่อซิ่งเล่อชิงซิ่งจางฉูฉู่ทยอยไต่ขึ้นไป
จิ้งจอกน้อยสีห้าซีดเผือด แม้แต่เท้าก็อ่อนแรง นางก็พยายามไต่ขึ้นไปด้วยตัวเองอย่างสุดชีวิต แต่เนื่องจากมือไม้อ่อนเกินไป จึงหวิดจะลื่นหลุดลงไปจากเสาอีกครั้ง
เคราะห์ดีที่เยี่ยนเฉินซึ่งแบกเชียนหลิงอวี่ไต่เหินขึ้นมาทันกาล คว้าตัวนางเอาไว้ทันที ทั้งหกคนเกาะอยู่บนเสาธงต้นนั้นปานตุ๊กแก
หลานไว่หูพยายามระงับอาการสั่นสะท้านไว้สุดกำลัง บังเอิญเงยหน้าขึ้น ทันทีที่เห็นเชียนหลิงอวี่บนหลังเยี่ยนเฉิน ก็ตกตะลึงจนแข็งทื่อไปทั้งตัว
ใบหน้าหล่อเหลาของเชียนหลิงอวี่ซีดเซียว นัยน์ตาดำมืด ริมฝีปากก็กลายเป็นสีดำ สองมือที่โอบคอเยี่ยนเฉินไว้เล็บเริ่มกลายเป็นสีเขียวแล้ว บาดแผลบนแขนเขาที่ถูกจัดการอย่างลวกๆ มีโลหิตสีดำไหลซึมออกมาไม่ขาดสาย…
หากกวาดตามองเผินๆ ค่อนข้างคล้ายคลึงกับผีดิบชุดขาวที่อยู่ด้านล่าง…
เชียนหลิงอวี่ยังคงมีสติอยู่ เริ่มแรกเขาไม่รู้สึกว่ามีอะไร แค่รู้สึกละอายใจเท่านั้น ละอายใจที่ทำให้สหายเดือดร้อน
————————————————————————————-