บทที่ 971 อันคำว่าเซียน 3
และสัตว์ประหลาดน่าหวาดผวาที่กำลังไล่ล่าทุกคนอยู่ในขณะนี้ก็มุดออกมาจากโพรงใหญ่แห่งนั้น สัตว์ประประหลาดมีสองตัว แต่ละตัวรูปร่างพิลึกพิลั่น สูงใหญ่บึกบึนอย่างยิ่ง
ตัวหนึ่งดูคล้ายกับมังกรอยู่บ้าง ทว่าเป็นจระเข้ตีนเป็ดตัวหนึ่ง ตัวโตมโหฬารปานไดโนเสาร์ มีสิ่งที่ดูเหมือนเกล็ดปกคลุมอยู่ทั่วร่างซึ่งความจริงแล้วมิใช่เกล็ด แต่เป็นมือคน…
อีกตัวดูคล้ายกับพญาหงส์ และมีความแตกต่างกับพญาหงส์ของจริง เหมือนจะใช้ร่างคนมาก่อขึ้นตามแบบอย่างลวกๆ
สองตัวนี้ล้วนมีร่างกายใหญ่มหึมายิ่ง และมีกำลังรบเป็นเลิศ อ้าปากคราหนึ่งสามารถใช้ไอศพสีดำปานน้ำหมึกหลอมละลายทุกสิ่งได้ เมื่อกวาดหางผ่านคราหนึ่ง ภูผาก็จะถล่มลงมาทันที!
เจ้าสองตัวนี้มุดออกมาจากใต้พื้นหลังจากที่ฝูงผีดิบถูกล่อออกไป พอมุดออกมาก็ออกล่าสังหารอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เป้าหมายคือไล่ล่าสังหารสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวได้ทั้งหมด!
ยามที่พวกมันมุดออกมา พวกหลานไว่หูไม่ได้อยู่ใกล้ๆ และเชื่อฟังคำสั่งของกู้ซีจิ่ว ขับรถม้าออกไปไกลสิบกว่าลี้ หาสถานที่ปลอดภัยแห่งหนึ่งแล้วร่อนลงจอด ทุกคนได้พักหายใจ ขณะที่กำลังหารือกันว่าจะขับรถม้าไปหาพวกกู้ซีจิ่วดีไหม ไปดูว่าสามารถช่วยเหลืออะไรได้บ้างไหม ยังไม่ทันได้อภิปรายหาข้อสรุป ก็ได้ยินเสียงประหลาดดังมาจากทางด้านนั้น พื้นดินก็สั่นไหวอย่างรุนแรง จากนั้นก็ได้ยินเสียงต่อสู้โวยวายแว่วมาจากทางทิศนั้นรางๆ มีแสงวิชายุทธ์พวยพุ่งขึ้นสู่ฟ้าเป็นครั้งคราว…
พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น มองจากระยะไกลก็เห็นไม่ชัดเจน สงสัยว่าอาจเป็นพวกกู้ซีจิ่วต่อสู้กับผีดิบขึ้นมาอีกครา
ดังนั้นทุกคนจึงหารือกันครู่หนึ่ง แล้วขึ้นรถอีกครั้ง ให้สิงโตเวหาลากรถเหาะกลับมาอีก
แผนที่พวกเขาวางไว้คือ หากว่าเป็นพวกกู้ซีจิ่วที่กำลังต่อสู้กับผีดิบอยู่ เช่นนั้นทุกคนก็สามารถให้ความช่วยเหลือได้ ทุกคนจะเผชิญความลำบากไปด้วยกัน
หากว่าไม่ใช่กู้ซีจิ่ว เช่นนั้นพวกเขาก็เหาะกลับมาเพื่อดูว่าที่แท้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อถึงเวลาค่อยดูว่าช่วยเหลือได้หรือไม่ ถึงอย่างไรรถที่โดยสารอยู่คันนี้ก็เหาะได้ ต่อให้มีผีดิบนับไม่ถ้วนมุดออกมาอีกก็ไล่ตามพวกเขาไม่ได้
สุดท้ายแล้วทุกคนในกลุ่มก็ยังเป็นหนุ่มสาวอ่อนประสบการณ์ ล้วนเป็นเด็กน้อยอายุสิบกว่าปีทั้งสิ้น หุนหันพลันแล่นอยากรู้อยากเห็นได้ง่ายๆ อันตรายอันใดก็กล้าเสี่ยง…
แผนที่พวกเขาวางไว้ไม่เลวเลย แต่พอเห็นสิ่งที่ต่อสู้เบื้องหน้าชัดๆ ทุกคนล้วนตัวแข็งทื่อไปหมด!
กลุ่มที่ประกอบด้วยหนึ่งหงส์หนึ่งมังกรสีสันทึมทึบกำลังล้อมโจมตีสตรีที่ขี่มังกรเจียวนางนั้นกับคนยักษ์เกราะทองผู้เป็นข้ารับใช้ของนางอย่างดุเดือดอยู่…
เห็นได้ชัดว่าว่าสตรีขี่เจียวนางนั้นนึกไม่ถึงว่าจะมีเจ้าสองตัวนี้มุดออกมาจากใต้ดินเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเจ้าสองตัวนี้ทำให้นางสะอิดสะเอียน ดวงหน้าเฉิดฉันของนางซีดเซียวอย่างยิ่ง
นางยังคงมีฝีมือนัก ฝ่ามือส่งสายฟ้าออกไปเส้นแล้วเส้นเล่า ทิ้งรอยไหม้เกรียมน่าดูชมไว้บนร่างของหนึ่งหงส์หนึ่งมังกร ภายในอากาศคลุ้งไปด้วยกลิ่นเนื้อไหม้
คนยักษ์เกราะทองผู้นั้นก็ควงง้าวจันทร์เสี้ยวปานกงล้อไฟ คมง้าวเส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งออกมาจากง้าวจันทร์เสี้ยว บางครั้งก็ฝากทักทายลงบนร่างสัตว์ประหลาดทั้งสอง และทิ้งรอยแผลไว้บนร่างสัตว์ประหลาดพวกนั้น โลหิตสีดำปานน้ำหมึกทะลักออกมา…
แต่ไม่ว่าจะเป็นดรุณีขี่เจียวผู้นั้นหรือว่ามังกรเจียวและข้ารับใช้ของนาง ล้วนโจมตีให้สัตว์ประหลาดสองตัวนั้นถึงแก่ชีวิตอย่างแท้จริงไม่ได้ กลับทำให้สัตว์ประหลาดสองตัวนั้นบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม พ่นเมฆหมอกโอบล้อมสตรีนางนั้นไว้แล้วเข้าโจมตี!
ขณะที่สตรีนางนั้นค่อนข้างเข้าตาจนแล้ว รถลากสิงโตของพวกหลานไว่หูก็ปรากฏขึ้นไม่ไกล
ความคิดของสตรีนางนี้แล่นวาบ ส่งสัญญาณให้ข้ารับใช้ของนาง จากนั้นก็เผยจุดอ่อน ฝืนพุ่งฝ่าวงล้อมของสัตว์ประหลาดสองตัวนั้น มุ่งเข้าหารถลากสิงโตคันนี้!
————————————————————————————-
บทที่ 972 อันคำว่าเซียน 4
สัตว์ประหลาดสองตัวนั้นไม่จำหน้าผู้ใด โจมตีอย่างไม่ละเว้น
ด้วยเหตุนี้ ยามสตรีนางนั้นกับข้ารับใช้ของนางพุ่งผ่านข้างรถลากสิงโตไป เหินทะยานขึ้นสู่นภาสูง รถลากสิงโตคันนั้นก็กลายเป็นเป้าหมายโจมตีของสัตว์ประหลาดทั้งสอง…
สัตว์ประหลาดสองตัวนี้คือสิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายยิ่ง สัตว์ทั่วไปเมื่อพบเห็นพวกมันล้วนตกใจจนขี้แตกฉี่ราด อย่าว่าแต่หนีเลย แม้แต่จะขยับก็ยังไม่กล้าด้วยซ้ำ
ต่อให้เป็นมังกรเจียวที่เพิ่งเผชิญหน้ากับการต่อสู้มาหยกๆ ของสตรีนางนั้น ก็ยังเคร่งเครียดจนแผ่นเกล็ดทั่วร่างล้วนลุกชันขึ้นมา! ร่างกายก็แข็งทื่อไปพักหนึ่ง หากมิใช่เพราะถูกฝึกฝนมาอย่างดี เกรงว่ามันคงตกใจจนหล่นลงมาคลุกฝุ่นแล้ว…
แต่สิงโตเวหาที่ลากพวกเชียนหลิงอวี่หลบหนีครานี้ ในยามที่ตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้กลับระเบิดความกล้าหาญออกมาแตกต่างจากสัตว์ทั่วไป ไม่เพียงไม่ตกใจจนตกลงไปเท่านั้น มันยังลากรถหนีอย่างมีลูกไม้ด้วย!
ประเดี๋ยวก็บินซิกแซก ประเดี๋ยวก็บินเป็นรูปเลขแปด ประเดี๋ยวก็บินเป็นรูปตัวเอส…
หลบหนีการปิดล้อมไล่ล่าของสัตว์ประหลาดทั้งสองอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะดูดุร้ายอันตรายอย่างยิ่ง แต่สัตว์ประหลาดสองตัวนั้นก็สัมผัสไม่ได้แม้แต่สักล้อของมัน…
บนโลกนี้สิงโตเวหาเป็นสัตว์พาหนะของชนชั้นสูง มีอยู่มากมายทั่วแผ่นดิน ถึงแม้จะนับว่าล้ำค่าเช่นกัน แต่ก็ไม่นับว่าเป็นสัตว์หายาก แม้กระทั่งสัตว์ระดับต่ำที่สุดที่เหล่าผู้อาวุโสของสามสำนักขี่ยังสูงส่งกว่าสิงโตเวหาเสียอีก
ยามที่พวกเชียนหลิงอวี่เห็นว่าสัตว์ประหลาดสองตัวนั้นพุ่งเข้ามาประหนึ่งหัวรถไฟ ยังนึกอยู่ว่าหนนี้พวกตนคงตายแน่แล้ว!
ทว่ายังคงพากันออกกระบวนท่าสกัดกั้น คิดจะขวางให้ฝีเท้าของสัตว์ประหลาดสองตัวนี้ชะชอลงบ้าง
แต่สัตว์ประหลาดสองตัวนี้ร้ายกาจเกินไปจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นฝีมือหรืออานุภาพของพวกมันล้วนถึงขั้นดุร้ายกว่าสัตว์ร้ายขั้นแปดภายในป่าทมิฬเสียอีก กำแพงที่พวกหลานไว่หูปลดปล่อยออกมาเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกมันก็เหมือนกระดาษ ทะลวงครั้งเดียวก็แหลกสลาย!
พวกหลานไว่หูเบิกตามองกำแพงถูกซัดกระเด็น ยามที่ฟันคมกริบของสัตว์ประหลาดสองตัวนั้นอยู่เบื้องหน้า หัวใจทุกคนล้วนหนาวยะเยือก รู้สึกว่าครั้งนี้จบสิ้นแน่แล้ว!
นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ สิงโตเวหาตัวนั้นจะหมุนตัวคราหนึ่ง ลากรถพุ่งผ่านช่องว่างระหว่างสัตว์ประหลาดทั้งสอง หางสิงโตยังฟาดลงบนดวงตาของจระเข้ตีนเป็ดตัวนั้นด้วย ทำให้มันคำรามอย่างบ้าคลั่ง…
หงส์มังกรคู่นั้นถูกยั่วโมโหจนถึงขีดสุดแล้ว ตามติดอยู่ด้านหลังรถลากสิงโตเวหาไม่ยอมปล่อย สิงโตเวหาถูกฝึกฝนอย่างดีเหนือธรรมดา ในสถานการณ์คับขันมักจะหลบเลี่ยงการโจมตีของพวกมันได้เสมอ
ชัดเจนยิ่งนักว่าสิ่งโตเวหาตัวนี้ไม่ใช่สินค้าทั่วไป
รถคันนี้ก็เห็นได้ชัดว่ามิใช่รถธรรมดา สิงโตเวหาลากมันหมุนวนหลบหลีกปานกังหัน ทว่ารถนั้นกลับไม่ถูกเขย่าคลอนจนหลุดเป็นชิ้น แม้แต่พู่ห้อยรถก็แข็งแรงนักแกว่งไกวไปมาแต่ว่าไม่หลุดออกไป ที่ทุกข์ทรมานมีเพียงทั้งสี่คนในรถ ถูกเขย่าจนเกือบขย้อนน้ำดีขมๆ ออกมา มือของพวกเขายึดตัวรถไว้แน่น ร่างกายส่ายไปมาอย่างรุนแรง กระแทกโดนกันบ้างเป็นครั้งคราว
โชคดีที่วรยุทธ์ของทั้งสี่คนล้วนไม่เลวยิ่ง มิเช่นนั้นคงถูกสะบัดออกจากรถไปนานแล้ว กลายเป็นอาหารของสัตว์ประหลาดสองตัวนั้น
ถึงอย่างไรสิงโตเวหาก็ลากมนุษย์สี่คนอยู่ ดังนั้นมันจึงไม่ได้ปลดปล่อยความเร็วที่เร็วที่สุดของมันออกมา สัตว์ประหลาดสองตัวนั้นกัดไม่โดนมัน แต่มันก็สลัดการไล่ล่าโจมตีของสัตว์ประหลาดสองตัวนั้นไม่พ้นไประยะหนึ่ง…
ยามที่กู้ซีจิ่วตามมาถึง รูปการณ์ทั้งหมดที่ได้เห็นคือดังนี้
สิงโตเวหาลากรถสับสนวุ่นวานอยู่บนฟ้า สัตว์ประหลาดรูปร่างอัปลักษณ์ยิ่งนักสองตัวไล่กัดมันอยู่…
และสตรีขี่เจียวนางนั้นกับข้ารับใช้ของนางก็ยืนอยู่ในชั้นเมฆที่สูงลิบลิ่ว ซ่อนตัวอยู่ในหมู่เมฆมองอยู่ตรงนั้น นิ่งเฉยดูดายโดยแท้ ไม่มีทีท่าว่าจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือเลยสักนิด
สิงโตเวหาหลบหนีอย่างหวาดเสียว
————————————————————————————-