บทที่ 973 อันคำว่าเซียน 5
สิงโตเวหาหลบนี้อย่างน่าหวาดเสียว ทั้งสี่คนบนรถตกอยู่ในอันตรายจากการถูกกลืนกิน
และดรุณีนางนั้นก็เฝ้ามองอยู่ตลอด กำลังศึกษากระบวนการโจมตีของสัตว์ประหลาดสองตัวนั้น ในใจใคร่ครวญหาวิธีรับมือกับพวกมันอยู่
ในสายตานาง มนุษย์ไม่กี่คนที่อยู่บนรถก็คือมดปลวก จึงโยนออกไปเป็นตัวทดสอบ ชีวิตของพวกเชียนหลิงอวี่ในสายตาดรุณีนางนี้ไม่ไม่นับว่ามีค่าอันใด!
เมื่อกู้ซีจิ่วเห็นสถานการณ์นี้ก็คาดเดาเรื่องราวออกแปดเก้าส่วน ไม่อาจข่มกลั้นความโกรธไว้ได้!
เทพเซียนเสียที่ไหน เป็นตัวสารเลวชัดๆ!
นัยน์ตาของเธอมีแววขุ่นแค้นวาบผ่าน ซัดฝ่ามือใส่สัตว์ร้ายสองตัวนั้นที่อยู่บนนภาทันที!
เธอยืนอยู่บนเนินเขา ส่วนสัตว์ร้ายทั้งสองบินเหินอยู่ในอากาศ ถึงแม้พลังฝ่ามือเธอจะแกร่งกล้ายิ่ง แต่ยามที่โจมตีขึ้นไปบนฟ้า กลับไม่ทรงอานุภาพสักเท่าไหร่ เพียงดึงดูดความสนใจจากสัตว์ร้ายสองตัวนั้นได้สำเร็จ
สัตว์ร้ายสองตัวนั้นเนื่องจากไล่ตามสิงโตเวหาไม่ทันจึงกำลังหงุดหงิดงุ่นง่าน ทันทีที่เห็นว่ามีมนุษย์ยืนอยู่ที่เนินเขาด้านล่าง ย่อมปรีดายิ่ง เพลิงโทสะที่ลุกโหมถูกโยกย้ายไปที่กู้ซีจิ่ว สัตว์ร้ายทั้งสองกู่ร้องเสียงยาว ละทิ้งการไล่ล่าสิงโตเวหาตัวนั้นต่อ หมุนกายคราหนึ่ง โผลงมาทางกู้ซีจิ่ว!
ร่างของสัตว์ร้ายทั้งสองใหญ่ยักษ์ เมื่อโผลงมาเช่นนี้ ร่างกายของพวกมันยังคงอยู่กลางอากาศ รอบกายแฝงด้วยพายุโหมกรรโชกพัดพาหินบนพื้นปลิวว่อน ม่านหิมะฟุ้งตลบ
กู้ซีจิ่วยืนอยู่ท่ามกลางพายุ อาภรณ์ถูกลมพัดจนโบกสะบัดอย่างรุนแรง ทว่าเธอไม่หลีกหนี เมื่อเห็นกรงเล็บของสัตว์ร้ายสองตัวนั้นที่กำลังจะซัดลงบนร่างเธอ เธอจึงใช้วิชาเคลื่อนย้ายทันที!
‘ตึง!’ ‘ตึง!’
สัตว์ร้ายทั้งสองยั้งไม่ทัน ชนกันเข้าอย่างจัง และกระแทกลงบนพื้นอีกที!
พสุธาสั่นสะเทือน ถูกเจ้าสองตัวนี้กระแทกจนเกิดหลุมใหญ่สองหลุม!
แรงปะทะนี้มหาศาลยิ่ง สัตว์ร้ายสองตัวนี้ถึงแม้จะหนังเหนียวเกล็ดหนา แต่การที่หัวกระแทกอย่างรุนแรงถึงเพียงนี้ ก็ทำให้หัวแตกเลือดอาบ สมองมึนงง
สัตว์ร้ายสองตัวนี้โหดเหี้ยมอย่างยิ่ง งุนงงหัวหมุนอยู่เพียงครู่เดียวก็กระโดดขึ้นมาจากหลุมทันที นัยน์ตาแดงก่ำสองคู่จับจ้องร่างกู้ซีจิ่วที่เคลื่อนย้ายออกไปสามลี้!
จากนั้นต่างคำรามออกมาด้วยความโกรธพุ่งเข้าใส่กู้ซีจิ่วอีกครั้ง
กู้ซีจิ่วยังใช้อุบายเดิม ยามที่ทั้งสองตัวพุ่งมาถึงเบื้องหน้าก็ใช้วิชาเคลื่อนย้ายหลบหนี ด้วยเหตุนี้ทั้งสองตัวจึงชนกันอีกครั้ง
ทุกการเคลื่อนไหวของกู้ซีจิ่วล้วนจับจังหวะได้เหมาะเหม็ง หากเธอไม่ใช่วิชาเคลื่อนย้าย ก็จะใช้วิชาตัวเบา เช่นนั้นไม่ว่าจะทำอย่างไรก็หลีกเลี่ยงไม่พ้น
สัตว์ร้ายสองตัวนี้ยงพอมีสติปัญญาอยู่บ้าง หลังจากเสียเปรียบเช่นนี้ติดต่อกันสามหน พวกมันก็ได้เรียนรู้แล้ว เมื่อพุ่งเข้าโจมตีอีกครั้งก็ไม่รวมหัวกันโจมตีอีกแต่แยกกันโจมตี…
แต่ท่าร่างของกู้ซีจิ่วว่องไวเกินไป เธอเลือนหายไปทันที สัตว์ร้ายสองตัวนั้นเกี่ยวมุมชุดของเธอไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
และเธอก็ไม่ได้เคลื่อนย้ายหายไปเลย มักจะปรากฏตัวไม่ไกลจากสัตว์ร้ายทั้งสองตัวตลอด เป็นระยะไม่ใกล้ไม่ไกลดั่งหนูยั่วแมวอยู่เสมอ เมื่อถูกหาเรื่องเช่นนี้นิสัยดุร้ายของพวกมันปะทุขึ้นมา ไล่ตามเธออย่างกระชั้นชิดไม่ยอมปล่อย
ทั้งสี่คนที่อยู่บนรถลากสิงโตเวหาในที่สุดก็ได้พักหายใจแล้ว เดิมทีพวกเขาคิดจะกระโดดลงไปช่วย ทว่าถูกกู้ซีจิ่งส่งกระแสเสียงมาหยุดยั้งไว้ กู้ซีจิ่วให้พวกเขาฉวยโอกาสนี้จากไปอย่างรวดเร็ว
ในยามนี้ พวกเยี่ยนเฉินทั้งสองก็กลับมาแล้ว พวกเขาค่อนข้างมีสติ ไม่หลับหูหลับตาพุ่งเข้าไป ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับมองสถานการณ์ครู่หนึ่งก็ทราบว่ากู้ซีจิ่วจะไม่เกิดอันตรายขึ้นในขณะนี้ ถ้าพวกเขาเข้าไปช่วยในยามนี้มีแต่จะช่วยให้ยุ่งกว่าเดิม…
ดังนั้นสองคนนี้เลยส่งกระแสเสียงไปหาพวกจิ้งจอกน้อย ให้พวกเขารีบจากไปเสีย
ในบรรดาคนทั้งสี่เล่อจื่อซิ่งค่อนข้างรู้ความ เข้าใจผลดีผลเสียเหล่านั้นได้ทันที จึงบังคับรถม้าจากไปไกล
ส่วนพวกเยี่ยนเฉินทั้งสองก็ซ่อนอยู่ในที่ลับตา
————————————————————————————-
บทที่ 974 อันคำว่าเซียน 6
ส่วนพวกเยี่ยนเฉินทั้งสองก็ซ่อนอยู่ในที่ลับตา เตรียมพร้อมหากกู้ซีจิ่วตกอยู่ในอันตรายจริงๆ พวกเขาก็จะออกไปช่วยเหลือ
โชคดีที่วิชาเคลื่อนย้ายของกู้ซีจิ่วล้ำเลิศยิ่ง หลังจากเธอใช้วิชาเคลื่อนต่อเนื่องกันสิบกว่าครั้ง ก็แทบจะทำให้สัตว์ร้ายทั้งสองตาลายแล้ว
ดรุณีขี่เจียวและข้ารับใช้ของนางที่ชมการต่อสู้อยู่บนฟ้าก็มองอย่างตกตะลึง ดูเหมือนพวกเขาจะคาดไม่ถึงว่าเด็กสาวชาวมนุษย์อย่างกู้ซีจิ่วจะมีวรยุทธ์ที่พิสดารปานนี้
ดรุณีขี่เจียวขุ่นเคืองที่ตนยืนอยู่สูงเกินไป มองเห็นท่าร่างของกู้ซีจิ่วไม่ชัด ดังนั้นจึงสั่งการให้มังกรเจียวบินต่ำลงหน่อย จากนั้นก็บินต่ำลงไปอีก นางจะได้ชมการต่อสู้สะดวก
เดิมทีนางยืนอยู่ที่ระดับความสูงกว่าสามพันเมตร ทว่ายามนี้กลับค่อยๆ ลดระดับลง ยิ่งบินยิ่งต่ำ จนห่างจากพื้นดินเพียงหนึ่งร้อยเมตร เช่นนี้ในที่สุดนางก็มองเห็นชัดเจนแล้ว
ขณะที่นางกำลังมองอย่างใจลอย ทันใดนั้นสาวน้อยที่เคลื่อนย้ายไปเคลื่อนย้ายมาอยู่บนพื้นก็เงยหน้ามองนางแล้วยกยิ้มมุมปากแวบหนึ่ง รอยยิ้มนั้นเย็นชายิ่ง ทำให้นางใจหายวาบทันที!
วินาทีถัดมากู้ซีจิ่วเคลื่อนย้ายไปอยู่บนหลังมังกรเจียวของนางโดยตรง!
ดรุณีนางนั้นยังไม่ทันได้ซัดเธอลงไป สัตว์ร้ายที่อยู่ด้านล่างสองตัวนั้นก็ไล่ตามขึ้นมาอย่างดุดันเหี้ยมหาญแล้ว…
ส่วนกู้ซีจิ่วนั่นใช้วิชาเคลื่อนย้ายหายไปนานแล้ว หนนี้เธอเคลื่อนย้ายไปค่อนข้างไกล เงาร่างหายลับไปทันที
เมื่อสัตว์ร้ายสองตัวนั้นหากู้ซีจิ่วไม่เจอ ในที่สุดก็พบดรุณีขี่เจียวผู้นี้อีกครั้ง พวกมันยังคงเจ้าคิดเจ้าแค้นนัก นึกถึงตอนที่เสียเปรียบในเงื้อมมือนางก่อนหน้านี้ขึ้นมาทันที ด้วยเหตุนี้เป้าหมายโจมตีจึงย้ายไปที่ร่างนาง…
ดรุณีขี่เจียวนางนั้นโมโหจนแทบจะตะโกนด่าแล้ว แต่นางไม่มีความสามารถในการเคลื่อนย้ายแบบกู้ซีจิ่ว ไม่อาจหลุดพ้นจากสัตว์ร้ายสองตัวนี้ได้ในระยะเวลาสั้นๆ ทำได้เพียงเปิดฉากต่อสู้อีกครั้ง ท้องนภากลายเป็นสนามรบ
เมฆาล่องลอย สายลมคำราม เสียงต่อสู้กลางนภาดังเปรี้ยงปร้างรุนแรงเสมือนมีฟ้าผ่าอยู่ไม่ขาดสาย เร่าร้อนยิ่งนัก
ห่างออกไปหลายลี้ สิงโตเวหาหยุดอยู่บนเนินเขาที่ไม่สะดุดตาแห่งหนึ่ง หอบหายใจแฮ่กๆ มันเหนื่อยเหลือเกิน! การหลบหนีเมื่อครู่แทบจะบีบให้มันเค้นเรี่ยวแรงที่สะสมไว้ตั้งแต่เกิดออกมา
เชียนหลิงอวี่และพวกหลานไว่หูก็ลงมาหมดแล้ว สีหน้าพวกเขาแต่ละคนค่อนข้างซีดเซียวเช่นกัน
เมื่อครู่โยกคลอนเกินไปหวาดเสียวยิ่งกว่านั่งรถไฟเหาะเป็นร้อยเท่า พวกเขารู้สึกว่าอวัยวะภายในถูกเขย่าจนจะหลุดออกมาแล้ว! โดยเฉพาะเชียนหลิงอวี่ ถึงอย่างไรเขาก็บาดเจ็บอยู่ เมื่อลงจากรถจึงอาเจียนออกมาทันที
พวกเยี่ยนเฉินทั้งสองก็ตามมาแล้วเช่นกัน ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ใช้วิชาเคลื่อนย้ายปลีกตัวมา ในที่สุดคนทั้งหลายก็ได้อยู่พร้อมหน้าอีกครั้ง
ครานี้นับว่าทุกคนรอดพ้นจากความตายมาได้ จึงโล่งอกกันถ้วนหน้า
พวกเขาเหนื่อยล้าจนถึงขีดสุดแล้ว ยามนี้เลยถือโอกาสนั่งพักผ่อนกินอาหาร ฟื้นฟูพละกำลัง
แน่นอนว่าพวกเขามักจะมองดูการต่อสู้บนฟากฟ้าด้านนั้นจากที่ไกลๆ กันไม่ให้ถูกนางเซียนขี่เจียวผู้นั้นลากลงน้ำอีก
จิ้งจอกน้อยติดกู้ซีจิ่วเป็นที่สุด เมื่อเห็นเธอมาถึง ก็กระโดดมาอยู่ข้างกายเธอทันที พูดจ้อถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้เธอฟัง เมื่อนึกถึงว่าก่อนหน้านี้นางเซียนผู้นั้นใช้พวกเขาเป็นโล่กำบัง นางยังคงเดือดดาลนัก
กู้ซีจิ่วสอบถามเยี่ยนเฉิน “เจ้ารู้จักผู้คนค่อนข้างมาก ทราบหรือไม่ว่านางเป็นเทพเซียนจากที่ใด?”
เยี่ยนเฉินใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง จึงเปิดปากเอ่ย “ยามที่ข้ากำลังเดินทาง ได้ยินว่าดินแดนเบื้องบนส่งเซียนท่านหนึ่งลงมา วรยุทธ์ของเซียนท่านนี้เก่งกาจยิ่ง ชำนาญการปราบมารปีศาจ ได้รับเกียรติจากจักรพรรดิของอาณาจักรเฮาเยวี่ยยิ่งนัก แต่งตั้งให้นางดำรงตำแหน่งราชครูกำปราบมาร แน่นอนว่านางไม่สนใจศึกระหว่างสองอาณาจักรเลย สนใจเพียงการตรวจสอบเรื่องเภทภัยชั่วร้าย ได้ยินว่านางก็ตรวจสอบเรื่องการหายตัวไปของทหารเหมือนกัน ซ้ำยังมีการติดต่อกับกลุ่มของรัชทยาทหรงเจียหลัวด้วย…ข้าได้ยินมาเพียงเท่านี้ อย่างอื่นไม่ทราบแล้ว”
หลานไว่หูกล่าวอย่างโกรธเคือง “เซียนเซินอันใด?! เซียนที่ไหนจะทำแบบนางกัน?! นางไม่เห็นชีวิตของพวกเรามีค่าเลย! พวกเราเกือบถูกนางใช้เป็นเบี้ยรับเคราะห์แล้ว!!”
————————————————————————————-