บทที่ 983 เจ้าจำคนผิดแล้ว เจ้าไปซะเถอะ…
เธอมองเสื้อคลุมตัวน้อยบนร่างเขา เสื้อคลุมเป็นแบบเดียวกับอิงเหยียนนั่ว เป็นฉบับย่อส่วนลงสี่ห้าเท่า เมื่อมองใบหน้าเล็กๆ ของเขาดูอีกครา เครื่องหน้าทั้งห้าก็มีจุดที่คล้ายคลึงกับอิงเหยียนนั่วมากเช่นกัน เพียงอ่อนเยาว์ลงมาก เป็นหนูน้อยที่ทำให้คนปรารถนาจะขบสักคำยิ่งนัก
อิงเหยียนนั่วในวัยสิบห้าปีมีความคมคายแบบเด็กหนุ่ม แต่ใบหน้าของพ่อหนูน้อยอายุแปดเก้าขวบที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้งดงามอ่อนวัยไร้เดียงสา โดยเฉพาะดวงตาชุ่มฉ่ำแวววาวคู่นั้น ราวกับเอ่ยวาจาได้ เห็นได้ชัดว่าเขาหนีออกมาจากสถานที่เกิดเพลิง เสื้อคลุมตัวน้อยค่อนข้างยับยู่ยี่ พวงแก้มก็เลอะเทอะมอมแมม มุมปากถึงขั้นมีคราบโลหิตอยู่บ้าง…ชัดเจนยิ่งนักว่าเขาได้รับบาดเจ็บ
กู้ซีจิ่วมองเขาอย่างมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้า…เจ้าคือ? อิงเหยียนนั่วหรือ?”
ตี้ฝูอีตีสีหน้าประหนึ่งชีวิตนี้ไร้ซึ่งความหมายทันที แพขนตาหลุบลงนิดๆ ร่างกานพลันหดเข้าไปในพุ่มไม้ ราวกับอยากจะซ่อนตัวเขาไว้ “ขะ…ข้าไม่ใช่อิงเหยียนนั่ว…เจ้าจำคนผิดแล้ว เจ้าไปซะเถอะ…”
หัวใจกู้ซีจิ่วเหมือนถูกบางอย่างกระแทกใส่! ท่าทางเช่นนี้ของเขาบ่งบอกว่าที่นี่ไม่มีเงินสามร้อยตำลึงชัดๆ!
ถึงแม้สถานการณ์เช่นนี้จะค่อนข้างน่าเหลือเชื่อยิ่ง แต่ในโลกแห่งการฝึกฝนบำเพ็ญเพื่อเป็นเซียนแห่งนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
โลกนี้มีเรื่องประหลาดมากมายเหลือเกิน ไม่อาจใช้สามัญสำนึกมาวิเคราะห์ได้ อย่าว่าแต่อิงเหยียนนั่วกลายร่างเป็นเด็กน้อยอย่างกะทันหันเลย ต่อให้มีไดโนเสาร์กระโดดออกมาจากซอกมุมหนึ่งในทันใดกู้ซีจิ่วก็ไม่ประหลาดใจจนเกินไป
อิงเหยียนนั่วต้องได้รับบาดเจ็บเนื่องจากการระเบิดเป็นแน่ ด้วยเหตุนี้ถึงได้กลายเป็นเด็ก ทว่ากลัวจะเสียหน้าจึงยอมหดซุกอยู่ในซอกหลืบนี้ไม่คิดจะยอมรับ…
และทุกอย่างล้วนเกิดจากความสะเพร่าของเธอทั้งสิ้น
ในใจของกู้ซีจิ่วรู้สึกผิดหนักกว่าเก่า เมื่อเห็นสภาพที่น่าสงสารของเขาในใจของเธอดั่งมีกระแสอากาศคล้ายอบอุ่นคล้ายโศกหมองซัดสาดอยู่
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม เขายังมีชีวิตอยู่ก็ดีมากแล้ว ไม่ถึงกับไร้หนทางแก้ไขกลับคืน
กู้ซีจิ่วพรูลมหายใจออกมาเบาๆ เอ่ยเสียงนุ่มว่า “อิงเหยียนนั่ว เจ้าไม่ต้องกังวลนะ ข้าจะไม่บอกคนอื่น มาเถอะ ข้าจะจับชีพจรให้เจ้าสักหน่อย”
เธอต้องดูก่อนว่าสรุปแล้วขาบาดเจ็บตรงไหน จากนั้นค่อยหาทางรักษา
ตี้ฝูอีมองเธออยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ถอนหายใจเบาๆ ยื่นข้อมือข้างหนึ่งให้เธอ
ข้อมือขาวเนียนปานหยก เรียบลื่นดุจรากบัว กู้ซีจิ่ข่มความปรารถนาที่อยากจะกัดลงไปสักคำไว้ จับชีพจรให้เขา
ชีพจรของเขาค่อนข้างประหลาด ค่อนข้างร้อนรนและค่อนข้างสับสนวุ่นวาย เป็นอาการที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสผนวกกับเคยสิ้นเปลืองพลังวิญญาณมากเกินไป
กู้ซีจิ่วหยิบโอสถบำรุงพลังวิญญาณรวมถึงโอสถรักษาอาการบาดเจ็บภายในที่ดีที่สุดของตนออกมา ให้เขากินเข้าไป
โอสถสองชนิดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ตี้ฝูอีเคยมอบให้เธอไว้ เป็นโอสถระดับแปดที่มีค่าควรเมืองทั้งสิ้น เธอเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด หักใจใช้ไม่ลง ยามนี้ยอมควักออกมาให้เขาทั้งหมด
ตี้ฝูอีมองโอสถนั้น จากนั้นก็มองเธอ “ซีจิ่ว โอสถนี้…ได้มาไม่ง่ายกระมัง ดูเหมือนจะเป็นโอสถของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย เจ้าต้องมีไม่มากแน่ ไม่จำเป็นต้องมอบสิ่งนี้ให้ข้าหรอก ข้ายังมีโอสถของตัวเองอยู่ กินลงไปแล้วล่ะ…”
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วขึ้น นึกไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้จักมูลค่าของด้วย
เธอไม่คิดจะผลักดันไปดันกันมากับเขา จึงเอ่ยอย่างคล่องปากว่า “วางใจเถอะ โอสถเช่นนี้ข้ายังมีอีกมากนัก มีทั้งโอสถที่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมอบให้ และโอสถที่เจ้าสำนักหลงมอบให้ เจ้าไม่ต้องเกรงใจข้าหรอก มา กลืนลงไปก่อนนะ”
ตี้ฝูอีจึงพูดอะไรไม่ได้
ในใจเขาไร้ซึ่งรสชาติอยู่บ้าง โอสถรักษาชีวิตที่ตนมอบให้นางไว้นางมอบให้ผู้อื่นง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ…
ทำไมนางไม่มอบโอสถของหลงซือเย่ให้ล่ะ?
ตี้ฝูอีรู้สึกว่า ดูเหมือนตนจะหึงหวงไม่เลือกหน้าเสียแล้ว ซ้ำยังหึงหวงตัวเองอีก…
เดิมทีเขานอนพิงอยู่บนกิ่งไม้ ยามนี้ขยับเขยื้อนอยู่ครู่หนึ่ง หมายจะลุกขึ้นทว่าค่อนข้างกินแรง
————————————————————————————-
บทที่ 984 หัวใจของนางยังเหี้ยมโหดไม่พอ
เดิมทีเขานอนพิงอยู่บนกิ่งไม้ ยามนี้ขยับเขยื้อนอยู่ครู่หนึ่ง หมายจะลุกขึ้นทว่าค่อนข้างกินแรง กู้ซีจิ่วจึงรีบยื่นมือไปพยุงประคองเขาให้นั่งดีๆ แล้วให้เขากินยาเข้าไป
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่า อาการบาดเจ็บภายในบนร่างเขานับว่ารักษาได้ไม่ยาก แต่การกลับเป็นเด็กนั้น…เธอไม่มีหนทางรักษาเลยจริงๆ
“สถานการณ์เช่นนี้ของเจ้า…เมื่อก่อนเคยเกิดขึ้นหรือไม่?” กู้ซีจิ่วตัดสินใจสอบถามดูก่อน
ตี้ฝูอีหลุบแพขนตาลง “เคย…เคยเกิดขึ้น…”
หรือจะเป็นโรคแฝงประจำตระกูล?
เขาไม่เพียงแต่มีอาการสองบุคลิกเท่านั้น ยังมีโรคแอบแฝงเช่นนี้ด้วยหรือ?
กู้ซีจิ่วมองดูเขา ในใจบังเกิดความเห็นยิ่งขึ้น น้ำเสียงจึงอ่อนโยนขึ้นไปอีก “เช่นนั้นรักษาหายได้อย่างไร?”
ตี้ฝูอีถอนหายใจ เขายังรักษาให้หายไม่ได้เลย ซ้ำยังเด็กลงเรื่อยๆ อย่างน่าบัดซบ…
เขาสงสัยว่าถ้าเขาย้อนคืนสู่วัยเยาว์อีกครั้งอาจจะกลายเป็นเด็กทารกก็ได้! แบบนั้นถึงจะเป็นความบัดซบอย่างแท้จริง!
เขาเม้มริมฝีปากส่ายหน้าไปมา “ข้าก็จำได้ไม่ชัด เคยใช้มากมายหลายวิธีนัก…เลยไม่ทราบว่าวิธีไหนที่ได้ผลทำให้กลับมาเป็นปกติได้”
ดวงตากู้ซีจิ่วทอประกายนิดๆ ดูเหมือนอาการย้อนคืนสู่วัยเยาว์ของเขาสามารถรักษาให้หายได้! เพียงแต่ต้องลองคลำหาวิธีดู…
กู้ซีจิ่วใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง นึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมาในทันใด!
หลงซือเย่!
เขาจบปริญญาเอกด้านชีววิทยา ซ้ำยังเคยศึกษาค้นคว้าด้านพันธุศาสตร์ด้วย ได้ยินว่าเขาเคยศึกษากรณีการย้อนคืนสู่วัยเยาว์ บางทีถ้าไปหาเขาอาจจะมีวิธีก็ได้!
ดังนั้นเธอจึงขบคิดครู่หนึ่งแล้วเสนอขึ้นว่า “ข้าพาเจ้าไปให้จำสำนักหลงดูอาการที่สำนักถามสวรรค์ดีไหม?”
อิงเหยียนนั่วคล้ายจะกังวลอยู่บ้าง “ข้าไม่อยากให้ผู้อื่นทราบฐานะของข้า…”
“เข้าใจแล้ว ข้าจะไม่เผยฐานะของเจ้าต่อเจ้าสำนักหลง จะบอกเพียงว่าเจ้าคือสหายร่วมเป็นร่วมตายคนหนึ่งของข้าตกลงไหม?”
นัยน์ตาอิงเหยียนนั่ววูบไหวเล็กน้อย ดูเหมือนจะพิจารณาความเป็นไปได้อยู่ ผ่านไปครู่หนึ่งในที่สุดก็พยักหน้านิดๆ “ตกลง! ทุกอย่างล้วนต้องพึ่งเจ้าแล้ว”
กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอเงยหน้ามองดรุณีขี่เจียวที่ยังต่อสู้พัวพันกับสัตว์ประหลาดทั้งสองอยู่บนฟ้า รู้สึกลังเลอยู่บ้าง สายตาของเธอไม่เลวเลย มองออกว่าดรุณีขี่เจียวนางนั้นตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแล้ว สันนิษฐานได้ว่าทำอะไรสัตว์ประหลาดสองตัวนี้ไม่ได้เช่นกัน…
ความเป็นความตายของดรุณีขี่เจียวกู้ซีจิ่วย่อมไม่เก็บมาใส่ใจ สิ่งที่เธอกังวลคือพอสัตว์ประหลาดสองตัวนี้เป็นอิสระ หากวิ่งแล่นไปที่อื่น เกรงว่าจะก่อภัยพิบัติสังหารล้างบางได้…
เธอควรรอต่อไป แล้วค่อยล่อสัตว์ประหลาดสองตัวนี้มายังสถานที่เกิดระเบิดดีไหม?
เพียงแต่ทางด้านนี้เกิดเพลิงไหม้ใหญ่โตถึงเพียงนี้ การรระเบิดรุนแรงยิ่งนัก เกรงว่าสัตว์ประหลาดทั้งสองที่พอมีสติปัญญาอยู่บ้างคงไม่ยอมติดกับ…
และความสามารถของเธอก็มีขีดจำกัดเช่นกัน…
ตี้ฝูอีเชี่ยวชาญการอ่านความคิดคน โดยเฉพาะความคิดของนางยิ่งชำนาญเป็นพิเศษ มองท่าทางของนางแวบเดียวก็รู้ว่านางกังวลอะไรอยู่ จึงถอนหายใจเบาๆ “ซีจิ่ว เจ้าเกรงว่าสัตว์ประหลาดสองตัวนี้จะวิ่งไปก่อเภทภัยใช่ไหม?”
กู้ซีจิ่วพยักหน้า “นางเซียนด้านบนนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสัตว์ประหลาดทั้งสอง จะต้องปราชัยในไม่ช้าก็เร็ว…”
“เช่นนั้นเจ้ามีวิธีอันใดหรือไม่?”
กู้ซีจิ่วตอบว่า “ไม่มีแบบจำเพาะเจาะจง ทำได้เพียงลองพยายามให้สุดความสามารถดู”
แววตาตี้ฝูอีวูบไหวเล็กน้อย “ซีจิ่ว ผู้กระทำการใหญ่ไม่สนใจรายละเอียดยิบย่อย ควรจำนนก็ต้องจำนน กระทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อตนที่สุด มิใช่การนำชีวิตไปทุ่มเทกับเรื่องเล็กน้อยที่ไม่สลักสำคัญ”
กู้ซีจิ่วสะกิดใจทันที “ความหมายของเจ้าคือต้องการให้ข้าเป็นนกน้อยที่ทำรังแต่พอตัวสินะ? ไม่จำเป็นต้องสู้ตายกับสัตว์ประหลาดสองตัวนี้ใช่ไหม?”
ตี้ฝูอีปลื้มปริ่มยินดี สาวน้อยคนนี้ฉลาดเฉลียวนัก เพียงเล็กน้อยก็กระจ่างแล้ว!
ภายหน้านางต้องควบคุมดูแลใต้หล้านี้ และเมื่อนั่งอยู่บนตำแหน่งนั้น สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือส่วนรวม ต้องมีใจเหี้ยมเลือกสรรให้เป็น ไม่อาจถูกเรื่องใดหรือผู้ใดมากะเกณฑ์ได้…
หัวใจของนางยังเหี้ยมโหดไม่พอ…
————————————————————————————-