บทที่ 995 เจ้ากับองค์รัชทายาทไม่เคยสังเกตเลยหรือ?
สี่ทูตลูกน้องของเขาตรวจสอบพบว่าซากศพและกองทัพที่หายไปเหล่านั้นถูกนำไปใช้ในทางชั่วร้าย สร้างเป็นกองทัพผีดิบ เหล่าสำนักใหญ่ต่างผนึกกำลังสืบหาตัวมารร้ายที่บงการอยู่เบื้องหลังผู้นั้น…
เมื่อกู้ซีจิ่วได้ยินคำว่า ‘ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์’ หัวใจพลันเต้นแรงนิดๆ ในที่สุดเขาก็โผล่มาแล้วหรือ?!
เธอเอ่ยทวนอีกครั้ง “สี่ทูตลูกน้องของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์โผล่มาแล้วหรือ?”
หรงเช่อพยักหน้า “ใช่ พวกเขาติดต่อเหล่าสำนักใหญ่ให้ดำเนินการปิดล้อมปราบปราม…ขอพูดอย่างไม่เกรงว่าเจ้าจะหัวเราะเยาะเลยนะ ในทัพของข้าก็มีคนหลงกลด้วยเช่นกัน เจ้าคงจะเคยได้ยินกระมังว่าในกองทัพของพวกเรามีทหารกล้าไร้พ่ายที่ชำนาญการศึกอยู่กองหนึ่ง? นั่นคือกองทหารที่เสด็จพี่รัชทายาทนำทัพด้วยตัวเอง ในสงครามช่วงที่ผ่านมานี้ ทหารกองนี้มีคุณูปการด้านการรบยิ่งนัก ไม่ทราบว่าสังหารทหารฝ่ายศัตรูไปมากน้อยเพียงใดแล้ว ทำให้ผู้บัญชาการศึกฝ่ายอาณาจักรเฮ่าเยวี่ยขวัญหนีดีฝ่อกันหมด แต่ใครจะรู้…ใครจะรู้ว่าทหารทุกคนในกองนี้ล้วนกินโอสถชั่วร้ายยิ่งนักอย่างหนึ่งเข้าไป ทูตเฉิงเอ้อเป็นผู้ตรวจพบ…”
กู้ซีจิ่วไม่นึกเลยว่าหลายวันมานี้ภายนอกจะเกิดเรื่องขึ้นมากมายถึงเพียงนี้ จึงพลันสะกิดใจขึ้นมา “โอสถชั่วร้ายอะไรหรือ?”
หรงเช่อส่ายหน้า “ข้าก็ไม่ทราบรายละเอียดเช่นกัน กล่าวกันว่าหลังจากกินโอสถนี้เข้าไป จะทำให้ร่างกายคนแข็งแกร่งทนทานมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่กลัวเหน็บหนาวเหน็ดเหนื่อย ปฏิกิริยาตอบสนองก็ว่องไวกว่าปกติหลายเท่า ทุกคนจะต่อสู้อย่างเหี้ยมหาญไม่หวั่นเกรงความตาย แต่โอสถชนิดนี้ก็มีผลเสียที่ร้ายแรงยิ่งอยู่ข้อหนึ่ง คือเมื่อใช้จะทำให้เสพติด และอายุขัยของผู้ที่ใช้ล้วนไม่ยืนยาว…”
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว นี่เป็นสารกระตุ้นพิเศษชนิดหนึ่งมิใช่หรือ? แถมยังออกฤทธิ์รุนแรงด้วย!
เห็นทีว่าคนที่บงการอยู่เบื้องหลังยังคงเป็นปรมาจารย์กู่ที่ทะลุมิติมาจากยุคปัจจุบันผู้นั้น นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้น!
เพื่อจะได้รับทรัพยากรในการสร้างกองทัพผีดิบ เขาจงใจใช้ตัวยาควบคุมจักรพรรดิซวนก่อน ทำให้สมองจักรพรรดิซวนเลอะเลือนจนก่อสงครามนี้ขึ้น แล้วหาวิธีแทรกซึมเข้าไปในกองทัพของหรงเจียหลัว ไม่รู้ว่าใช้วิธีใดยุยงหรงเจียหลัวให้นำยากระตุ้นที่เกินปริมาณมาใช้กับกองทหารของตน และสังหารล้างจนสิ้น…
ผู้คนในยุคนี้ย่อมไม่สามารถตรวจสอบคุณสมบัติทางยาของตัวยาแผนปัจจุบันชนิดนี้ได้ ดังนั้นถึงทำให้สงครามยืดเยื้อยาวนาน ผู้คนล้มตายมากมาย และทำให้นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนี้สร้างผีดิบจำนวนมหาศาลขึ้นมาอย่างเงียบเชียบได้…
กู้ซีจิ่วเป็นบุคคลที่สามารถสรุปเรื่องราวแล้วอนุมานต่อยอดได้ ดังนั้นเธอขบคิดอยู่ครู่หนึ่งก็นึกประเด็นสำคัญที่แฝงอยู่ในนั้นออก
สายตาของเธอร่อนลงบนหน้าของหรงเช่อ “โอสถเหล่านั้นใครเป็นผู้เสนอให้? เจ้ากับองค์รัชทายาทไม่เคยสังเกตเลยหรือ?”
หรงเช่อถอนหายใจ “รายละเอียดข้าก็ไม่ทราบแน่ชัดเหมือนกัน พวกเขาเป็นทัพที่ขึ้นตรงต่อเสด็จพี่รัชทายาท เดิมทีก็กล้าหาญชาญศึกยิ่งนักอยู่แล้ว ต่อมาเห็นพวกเขาแต่ละคนทำศึกได้ยอดเยี่ยมกว่าปกติ ข้าก็เคยสงสัยเหมือนกัน ซ้ำยังเคยลอบสั่งให้คนไปตรวจสอบอาหารการกินของพวกเขา ก็ตรวจไม่พบอะไร ข้ายังหลงนึกว่าทหารกองนั้นคงจะได้รับความสามารถมาจากการฝึกอบรมพิเศษอันใด ไม่นึกเลยว่า…เพียงแต่ เสด็จพี่รัชทายาทก็ไม่มิใช่คนที่เพื่อเป้าหมายแล้วทำได้ทุกวิถีทางประเภทนั้น หากเขาทราบว่ามีผลร้ายถึงเพียงนี้ ต้องไม่ปล่อยให้ทหารกองนั้นทำเช่นนี้แน่นอน หลังจากทูตเฉิงเอ้อตรวจพบเรื่องนี้ ก็หาตัวผู้บงการได้ทันที เป็นนายกองของกองทหารนั้นที่ต้องการมีหน้ามีตาในกองทัพ ได้ฟังมาจากหมอในยุทธภพคนหนึ่ง จึงลอบให้ทหารของตนใช้โอสถนี้…”
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว “มีใครไปตรวจสอบหมอในยุทธภพที่นายกองคนนั้นพูดถึงให้ชัดเจนหรือยัง?”
หรงเช่อพยักหน้า “หมอในยุทธภพคนนั้นก็เข้าร่วมกองหารนั้นเช่นกัน ยามที่เรื่องนี้ถูกตรวจพบ หมอคนนั้นฆ่าตัวตายไปแล้ว นายกองคนนั้นก็ถูกประหารแล้ว เสด็จพี่รัชทายาทรู้สึกผิดมาโดยตลอด…ข้าหาคำอธิบายมาสารพัดก็ไม่อาจคลายปมในใจเขาได้ เดิมคิดว่าหลังจากกลับอาณาจักรแล้วจะค่อยๆ ปลอบเขา นึกไม่ถึงว่าเขาจะป่วยหนักเช่นนี้ขึ้นมากะทันหัน…”
————————————————————————————-
บทที่ 996 และอาจกล่าวได้ว่า เขาก็คือตี้ฝูอี!
“แล้วทหารที่เคยใช้ยาพวกนั้นล่ะ? พวกเขาเป็นยังไงบ้าง?” กู้ซีจิ่วถามอีก
หรงเช่อตอบอย่างหม่นหมอง “ทหารกองนั้นมีอยู่ห้าพันนาย คนเหล่านั้นใช้ยามาครึ่งปี เสพติดกันไปแล้ว ถ้าไม่ได้ใช้สองวันก็จะหงุดหงิดงุ่นง่าน เดือดดาลสังหารคนได้ง่ายๆ ทูตเฉิงเอ้อสั่งคนให้นำพวกเขาทั้งหมดไปกักตัวไว้แล้ว ให้ยอดฝีมือจากสามสำนักหลักคอยเฝ้าไว้…ข้ามาที่นี่หนึ่งคือรักษาเสด็จพี่รัชทายาท สองก็คืออยากเชิญเจ้าสำนักหลงออกจากเขา ขอให้เขาไปรักษาทหารเหล่านั้น ดูว่าพอจะสร้างยาถอนได้หรือไม่…ทหารเหล่านั้นล้วนเป็นอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์ของอาณาจักรข้า หลายคนถึงขั้นเป็นลูกหลานขุนนางในราชสำนัก ไม่อาจปล่อยให้พินาศลงเช่นนี้ได้…”
กู้ซีจิ่วนวดคลึงหว่างคิ้ว หากไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย ยาที่ทหารเหล่านั้นใช้น่าจะคล้ายกับยาเสพติดจำพวกแอมเฟตามีน และแน่นอนว่าซับซ้อนกว่าแอมเฟตามีนมาก ต่อให้เป็นยุคปัจจุบันก็ยังถือว่าเป็นยาชีวเคมีต้องห้าม…
ดูเหมือนนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้นจะฟั่นเฟือนไปแล้วจริงๆ ไม่ว่าจะไปไหนล้วนบ้าคลั่งขึ้นมาได้ อยู่ในยุคนี้ก็ยังสร้างวิกฤตการณ์ชีวเคมีขนานใหญ่ถึงเพียงนี้ขึ้นมาได้
เห็นทีว่าสี่ทูตผู้ช่วยของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จะมีความสามารถรอบด้านยิ่ง แม้แต่ตัวยาที่ซับซ้อนเช่นนี้ก็ยังตรวจสอบพบ หากพวกเขาลงมือเร็วกว่านี้ก็คงดี สงครามจะได้ไม่ยืดเยื้อเนิ่นนานถึงเพียงนี้
เหตุที่ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ลงมือ อาจเกี่ยวข้องที่ว่าสาวกของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจเข้าร่วมสงครามระหว่างอาณาจักร ไม่เข้าร่วมสงครามตามปกติ ต้องปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินไป
มีเพียงเกิดเรื่องชั่วร้ายขึ้นเท่านั้นถึงจะดึงดูดความสนใจของพวกเขาได้…
‘ซีจิ่ว เรื่องนี้เจ้ามีความดีความชอบมากที่สุด’ อิงเหยียนนั่วที่นั่งดื่มบ้างกินบ้างอยู่ตรงนั้นมาโดยตลอดเสมือนมนุษย์ล่องหน จู่ๆก็ส่งกระแสเสียงมา
‘หือ?’ กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว
‘เป็นเจ้าที่ตรวจพบก่อนว่าจักรพรรดิซวนถูกคนวางยา พูดความพิเศษของยาจำพวกนี้ออกมา ถึงทำให้สี่ทูตมีหนทางตรวจสอบ เภทภัยครั้งนี้ถึงได้ยุติลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้’ อิงเหยียนนั่วยังคงส่งกระแสเสียงมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
กู้ซีจิ่วตะลึงไปครู่หนึ่ง คล้ายจะทราบอะไรแล้ว ‘เรื่องจักรพรรดิซวนถูกวางยามีแต่ข้ากับเจ้าที่รู้ แล้วแพร่ไปถึงสี่ทูตได้อย่างไร? เจ้าเป็นคนของสี่ทูตหรือ?!’
อิงเหยียนนั่วยิ้มนิดๆ คีบกุ้งตัวหนึ่งมาให้เธอ แต่ไม่พูดอะไร
กู้ซีจิ่วก็ถือว่าความเงียบของเขาคือการยอมรับ
ในที่สุดก็กระจ่างแจ้งเรื่องความผิดปกติบางอย่างบนตัวเขาแล้ว อย่างเช่นรอบรู้เป็นพิเศษ อย่างเช่นมีพลังวิญญาณขั้นหกแต่ผลลัพธ์ที่แสดงออกมาเป็นของขั้นแปด…
ฐานะของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์น่าเคารพบูชาเช่นนี้ ปกครองทวีปนี้มาเนิ่นนานปานนี้ ย่อมมิได้มีแค่สี่ทูตเท่านั้นที่คอยติดตาม จะต้องมีบริวารสายสืบอยู่ทั่วแผ่นดินเป็นแน่
ดูเหมือนอิงเหยียนนั่วผู้นี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
หัวใจเธอพลันเต้นแรงขึ้นมา หรือเขาจะเป็นคนที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ส่งมาคุ้มกันเธออย่างลับๆ?
เพียงแต่ ถ้าหากเขาเป็นคนที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ส่งมา ไหนเลยจะมาสนิทชิดเชื้อกับเธอเช่นนี้ ซ้ำยังบอกอะไรทำนองว่าจะแต่งเธอเป็นภรรยาอีก…
หรือเขาเป็นคนของสี่ทูต?
แต่ในเมื่อส่งมาคุ้มกันเธอ ก็จำเป็นต้องได้รับคามเห็นชอบจากท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ด้วย เช่นนั้นสี่ทูตก็ต้องกำชับอะไรเขาบ้างสิ มากสุดเขาก็แค่คุ้มกันอยู่ข้างกายเธอ ไม่กล้าใกล้ชิดสนิทสนมกับเธอ
นอกเสียจากท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จะจงใจส่งคนมาทดสอบเธอ หรือบางที…
ตัวเขาก็คือท่านเทพศักดิ์สิทธิ์!
และอาจกล่าวได้ว่า เขาก็คือตี้ฝูอี!
หัวใจของกู้ซีจิ่วเต้นรัวขึ้นมา เหลือบมองข้อมืออีกครั้งอย่างห้ามตัวเองไว้ไม่อยู่ ข้อมือนั้นยังคงสวมสนับข้อมือหนังสัตว์อันเล็กไว้ ไม่ต่างจากก่อนหน้านี้
ไม่ถูกสิ! สนับข้อมืออันนี้เขาสวมไว้ก่อนที่จะหดเล็กลง ตอนนี้ตัวคนหดเล็กลงแล้ว ข้อมือย่อมบางลงตามธรรมชาติ แต่สนับข้อมือนั้นยังคงดูพอดิบพอดีไม่หลวมไม่แน่นเช่นเดิม
ชัดเจนยิ่งนัก สนับข้อมืออันนี้ก็สามารถยืดหดได้ตามต้องการเช่นกัน บนโลกนี้จะมีสนับข้อมือที่ดีเลิศถึงเพียงนี้เชียวหรือ? หรือสิ่งนี้ก็คือกำไลคู่บุพเพวงนั้น? เพียงแต่ถูกเขาใช้คาถาพรางตาอำพรางไว้?
————————————————————————————-