ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1051+1052

บทที่ 1051+1052

บทที่ 1051 ย่อมผ่อนคลายเป็นธรรมดา

จะมีอะอะไรจะดีเท่าการได้กินอาหารตัวเดียวอีกล่ะ! จะปล่อยให้ตัวอื่นมาไม่ได้!

แม้แต่หลงซือเย่ที่โจมตีมันอยู่มันก็ไม่สนใจแล้ว เริ่มไล่ล่าวัวตัวนั้นอย่างตั้งใจ!

นั่นคือวัวที่กู้ซีจิ่วปล่อยออกมาในยามคับขัน ยามนี้เป็นช่วงความเป็นความตาย มันย่อมรีดเค้นพละกำลังทั้งหมดออกมาสุดชีวิต กีบเท้าทั้งสองกางเหยียดวิ่งหนีอย่างว่องไวยิ่ง

สัตว์ร้ายเทพสัชฌะตัวนั้นตามติดไม่ปล่อย อันที่จริงมันเคยพ่นละอองน้ำแข็งใส่วัวตัวนั้นหลายครั้งแล้ว หากเป็นยามปกติทั่วไป วัวตัวนั้นไม่มีทางหลบหนีการโจมตีด้วยละอองน้ำแข็งของมันพ้น ถูกแช่แข็งรอให้มันไปเขมือบอยู่ตรงนั้นไปนานแล้ว

แต่ด้านหลังมันยังมีหลงซือเย่ที่ไล่ตามมันไม่ยอมปล่อยอยู่ ทุกครั้งที่มันพ่นละอองน้ำแข็งออกมาล้วนถูกหลงซือเย่สำแดงกระบวนท่าขัดจังหวะ ด้วยเหตุนี้จึงทำได้เพียงวิ่งแข่งกับวัวตัวนี้…

วัวสองขาตัวนี้เป็นสัตว์ป่า หากมันตกอยู่ในอันตรายมันย่อมวิ่งเข้าสู่ป่าลึกตามสัญชาตญาณ

หนึ่งวัวหนึ่งสัตว์ร้ายหนึ่งมนุษย์วิ่งไล่ล่ากันอุตลุด มุ่งหน้าเข้าสู่ส่วนลึกของป่าทึบ ออกห่างจากธารน้ำลึกแห่งนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ…

นี่ก็คือผลลัพธ์ที่กู้ซีจิ่วต้องการ ความเร็วในการวิ่งของสัตว์ร้ายเทพสัชฌะตัวนี้ไม่นับว่าว่องไวสักเท่าใด อีกทั้งเสียงคำรามก็ไม่นับว่าดัง สัตว์ร้ายที่ร่างกายใหญ่โตมโหฬารถึงเพียงนี้ทว่าเสียงคำรามที่เปล่งออกมากลับเบาปานเสียงนกร้อง เมื่อวิ่งเข้าสู่ส่วนลึกของป่า ต่อให้มันอยากกู่ร้องเรียกพวกพ้องขึ้นมาอีก ก็จะถูกเสียงร้องคำรามของสัตว์อื่นๆ ในป่ากลบไว้

แผนที่กู้ซีจิ่วดีดลูกคิดรางแก้วไว้ไม่เลวเลย กล่าวได้ว่าไม่มีทางพลาด แต่ทุกเรื่องล้วนเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้

เย่หงเฟิงก็คืออุบัติเหตุข้อนั้น กู้ซีจิ่วได้ยินเสียงกรีดร้องของเธอแว่วมาจากที่ไกลๆ!

กู้ซีจิ่วมองไปตามเสียง เห็นเย่หงเฟิงอยู่บนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากสัตว์ร้ายเทพสัชฌะตัวนั้น ทิศทางที่สัตว์ร้ายเทพสัชฌะตัวนั้นวิ่งไปคือทิศทางนั้นที่เธออยู่ วรยุทธ์ของเธอต่ำต้อยใจก็ไม่กล้า ถูกไอพลังไร้รูปลักษณ์บนร่างสัตว์ร้ายเทพสัชฌะตัวนั้นกดทับทันที สั่นไปทั้งตัวปานตะแกรงร่อน วิ่งไม่ออก หลับตากรีดร้องอยู่ตรงนั้น…

สัตว์ร้ายเทพสัชฌะตัวนั้นเห็นได้ชั่ว่าเป็นจำพวกยำเกรงผู้แข็งแกร่งรังแกผู้อ่อนแอ มันถลึงดวงตาเล็กๆ แวบหนึ่ง พุ่งไปทางเย่หงเฟิงทันที คิดจะกินเจ้ามนุษย์กะจ้อยร่อยผู้นี้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน

ส่วนหลงซือเย่ที่อยู่ด้านหลังมันอยู่ห่างออกไปหลายสิบลี้ ไม่อาจมาช่วยเหลือได้ทันกาลในชั่วขณะ…

กู้ซีจิ่วสบถเสียงต่ำคราหนึ่ง เคลื่อนย้ายไปยังต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นทันที ชิงไปถึงก่อนที่สัตว์ร้ายเทพสัชฌะตัวนั้นจะพุ่งทะยานไปถึง กอดเย่หงเฟิงไว้แล้วเคลื่อนย้ายจากไปอีกครั้ง!

เธอเกือบจะถูกฟันแหลมคมที่ยื่นออกมาของสัตว์ร้ายเทพสัชฌะตัวนั้นแล้ว หากเธอช้าไปแม้แค่วินาทีเดียวไม่เพียงแต่จะช่วยเหลือผู้อื่นไม่ได้เท่านั้น ยังต้องเอาชีวิตน้อยๆ ของตัวเธอเองไปสังเวยอีกด้วย!

ต่อให้เป็นเช่นนี้ สายลมกรรโชกที่เกิดขึ้นยามสัตว์ร้ายเทพสัชฌะตัวนั้นมาถึงก็เปรียบเสมือนมีดน้ำแข็ง กรีดเสื้อผ้าบนร่างเธอขาดวิ่น…

การกระทำของเธอเป็นการฉกเนื้อจากปากเสือโดยแท้ ช่วยเหลือผู้อื่นอย่างไม่คิดชีวิต

ทุกอย่างนี้ล้วนอยู่ในสายตาของหลงซือเย่ทั้งสิ้น เขาก็ไม่ทราบเช่นว่าเป็นห่วงเย่หงเฟิงหรือกู้ซีจิ่วกันแน่ ใบหน้าหล่อเหล่าซีดขาวในชั่วพริบตา เพียงแต่เขาก็ยังตกตะลึงไปครู่หนึ่งเช่นกัน จากนั้นก็โจมตีเข้าที่ศีรษะของสัตว์ร้ายเทพสัชฌะอยางรุนแรง

บัดนนี้มาถึงส่วนลึกของป่าแล้ว เขาไม่หวั่นเกรงว่าเจ้าสัตว์ตัวนี้จะเรียกพวกพ้องมาอีกแล้ว ย่อมผ่อนคลายเป็นธรรมดา ถึงขั้นที่สู้อย่างเต็มที่ได้แล้ว! และเพียงครู่เดียวก็ทำให้สถานการณ์พลิกผันได้ เขาราวกับคลายผนึกได้แล้ว ซัดสัตว์ร้ายเทพสัชฌะตัวนั้นจนมึนงงสับสนทิศทาง

กู้ซีจิ่วพาเย่หงเฟิงมาปล่อยไว้บนต้นไม้ใหญ่ที่ใบไม้เขียวชอุ่มดกเป็นพุ่ม เธอหงุดหงิดยิ่งนัก “เย่หงเฟิง มิใช่ว่าเจ้ารออยู่บนต้นไม้ใหญ่ทางทิศตะวันตกหรอกหรือ? เหตุใดถึงวิ่งมาทางทิศใต้นี้ได้?!”

เย่หงเฟิงหดตัวลงเล็กน้อย แทบจะร้องไห้แล้ว “บนต้นไม้ที่ข้ารออยู่ก่อนหน้านี้จู่ๆ ก็มีงูเหลือมตัวหนึ่งเลื้อยมา ข้ากลัวก็เลยหนีมาทางนี้ คาดไม่ถึงว่าสัตว์ร้ายเทพสัชฌะตัวนี้จะวิ่งเข้ามา…”

————————————————————————————-

บทที่ 1052 ให้ข้าพันแผลให้เจ้าสักหน่อยดีไหม

กู้ซีจิ่วไร้ซึ่งวาจาแล้ว เย่หงเฟิงมองเธอ “เมื่อครู่อาจารย์ของข้ากับสัตว์ร้ายเทพสัชฌะสู้กันอยู่ที่พื้นที่โล่งแห่งนั้นอยู่ดีๆ ทำไมเจ้าต้องปล่อยวัวตัวนั้นออกมาล่อให้มันมาทางนี้อีก?”

กู้ซีจิ่วตอบอย่างเย็นชา “หากข้าไม่ปล่อยวัวตัวนั้นออกมา สัตว์ร้ายเทพสัชฌะตัวนั้นจะเรียกพรรคพวกมันมา!”

กู้ซีจิ่วไม่คิดจะพูดจาไร้สาระกับเย่หงเฟิงอีก หันหลังคิดจะร่อนลงไปช่วยหลงซือเย่ ตอนนี้เธอมองจุดอ่อนของสัตว์ร้ายเทพสัชฌะตัวนี้ออกบ้างแล้ว ถ้าเธอคอยช่วยจากด้านข้าง จะสังหารสัตว์ร้ายตัวนั้นได้เร็วยิ่งขึ้น

“เจ้าอย่าไปนะ…” ยามนี้เย่หงเฟิงกลับมีปฏิกิริยาตอบสนองว่องไวนัก จับแขนเสื้อของเธอไว้ทันที “ข้ากลัว!”

กู้ซีจิ่วเหนื่อยหน่ายใจ “…คุณหนูใหญ่ เจ้ากลัวอะไร?”

“ข้ากลัวมาที่นี้จะมีตัวอะไรเลื้อยขึ้นมาอีก…ในป่านี้มีสัตว์ร้ายมากมานัก!”

กู้ซีจิ่วปวดประสาทแล้ว “เจ้ามีพลังวิญญาณขั้นแล้วมิใช่หรือ? สัตว์ป่าธรรมดาจะทำอะไรเจ้าได้”

“ข้า…ข้ายังไม่เคยฆ่าสัตว์ ไม่เคยต่อสู้จริง ข้ากลัวการอยู่ที่นี่เพียงลำพังมากจริงๆ เจ้าอยู่เป็นเพื่อนข้าที่นี่ได้หรือไม่? อาจารย์ข้าก็ให้เจ้าอยู่เป็นเพื่อนข้าปกป้องข้าเหมือนกันนี่ หากว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้น…” เย่หงเฟิงยึดแขนเสื้อกู้ซีจิ่วแน่นไม่ยอมปล่อย

กู้ซีจิ่วจนปัญญาแล้ว

ถึงแม้เธอจะไม่ชอบเย่หงเฟิง แต่ถึงอย่างไรเย่หงเฟิงก็เป็นศิษย์ของหลงซือเย่ ซ้ำยังเป็นศิษย์ที่ได้รับความสำคัญยิ่งนัก

ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่คืนชีพให้เธอ ไม่รับเธอเป็นศิษย์ ไม่ดีกับเธอถึงขนาดนี้…

ถึงแม้เขาจะมีความสัมพันธ์กับเย่หงเฟิงเพราะความเมามาย แต่ถ้าหากเขาไม่เต็มใจเลยสักนิดก็คงไม่เกิดขึ้นกระมัง?

ยิ่งไปกว่านั้นคือหนนี้เขายังพาเย่หงเฟิงมาด้วยเป็นกรณีพิเศษ หนึ่งคือเพื่อหลีกเลี่ยงการอยู่ตามลำพังกับตัวเธอกู้ซีจิ่ว สองคือเนื่องจากเย่หงเฟิงต้องการหินเล็กๆ ชนิดหนึ่งบนเขาสัชฌะเทวะแห่งนี้ หินชนิดนั้นค่อนข้างคล้ายคลึงกับหินสีอวี่ฮวา[1] เย่หงเฟิงอยากเก็บกลับไปสักหน่อย ดังนั้นหลงซือเย่จึงพาเธอมาด้วยเสียเลย

ไม่ว่าสุดท้ายแล้วหลงซือเย่กับเย่หงเฟิงจะได้ครองคู่กันหรือไม่ เย่หงเฟิงผู้นี้ก็เป็นคนที่หลงซือเย่ใส่ใจมากจริงๆ ในเมื่อเป็นคนที่หลงซือเย่ใส่ใจ กู้ซีจิ่วย่อมปล่อยให้เธอเกิดอุบัติเหตุไม่ได้ ด้วยเหตุนี้สุดท้ายเธอจึงรั้งอยู่บนต้นไม้

“อุ้ย แขนเจ้าเลือดไหลแล้ว” จู่ๆ เย่หงเฟิงก็เอ่ยขึ้น

“ไม่เป็นไร บาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น” กู้ซีจิ่วกลับไม่เก็บมาใส่ใจ ถึงขึ้นที่คร้านจะจัดการด้วยซ้ำ

“ให้ข้าพันแผลให้เจ้าสักหน่อยดีไหม?”

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก เลือดไหลนิดเดียวไม่ถึงตาย อีกอย่างประเดี๋ยวข้าต้องใช้เลือดข้าเลาะเอ็นสัตว์ร้ายเทพสัชฌะ พอดีเลยข้าจะได้ไม่ต้องกรีดนิ้วตัวเองเพื่อเอาเลือด”

เย่หงเฟิงจึงเงียบไป

กู้ซีจิ่วมองไปยังทิศทางที่หลงซือเย่ต่อสู้กับสัตว์ร้ายตัวนั้นอยู่ตลอด เมื่อเห็นเขาเป็นฝ่ายกุมความได้เปรียบไว้เบ็ดเสร็จแล้ว จึงวางใจได้ในที่สุด

ผ่านไปประมาณหนึ่งเค่อกว่าๆ ในที่สุดหลงซือเย่ก็ฟันสัตว์ร้ายเทพสัชฌะตัวนั้นล้มลงบนพื้นได้…

กู้ซีจิ่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก ยังนับว่าราบรื่นอยู่ งานใหญ่ลุล่วงแล้ว!

เธอมองดูแขนที่ชุ่มไปด้วยเลือดของตน คาดว่ายามไปที่นั่นจะใช้พลังวิญญาณสะกิดปากแผลอีกครั้ง เมื่อถึงเวลาเลือดจะได้ไหลออกมามากพอ

เธอปีติยินดีอยู่ในใจขณะที่กำลังจะกระโดดลงไป เย่หงเฟิงก็รีบคว้าเธอไว้ “ซีจิ่ว พาข้าไปด้วย”

กู้ซีจิ่วในยามนี้อารมณ์ดียิ่งนัก รีบให้เย่หงเฟิงเกาะหลังแล้วทำการเคลื่อนย้ายทันที…

วิชาเคลื่อนย้ายครั้งนี้เธอดำเนินการไปได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เนื่องจากแผ่นหลังของเธอเจ็บแปลบขึ้นมาในทันใด! เย่หงเฟิงที่อยู่ด้านหลังใช้มีดสั้นที่เฉียบคมเล่มหนึ่งแทงเข้าด้านหลังหัวใจของเธอ!

ด้วยหนนี้อยู่ใกล้ชิดกันยิ่งนัก ซ้ำเธอไม่ได้ระแวดระวังเลยแม้แต่น้อย จึงถูกเย่หงเฟิงลงมือโจมตี…

————————————————————————————-

[1]  หินสีอวี่ฮวา เป็นหินสีชนิดพิเศษที่พบได้ในเมือหนานจิง เนื่องจากลักษณะพิเศษทางธรณีวิทยาทำให้ในหินประกอบด้วยแร่ธาตุต่างๆ มีสีสันสวยงามคละเคล้ากันไป

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset