ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1055+1056

บทที่ 1055+1056

บทที่ 1055 ความเจ็บปวดเช่นนั้นเกินที่มนุษย์จะทนรับได้

ในที่สุดเธอก็รู้สึกหวาดกลัว อดไม่ได้ที่จะกระเสือกกระสนคลานมาถึงข้างกายหลงซือเย่ เข้าไปดึงแขนเสื้อเขา หลงซือเย่ยกแขนเสื้อขึ้น หลบจากมือเธอ ยังคงยุ่งงานกันกิจของตนเช่นเดิม เอ็นสตว์ร้ายสีแดงเพลิงเส้นหนึ่งถูกเขาดึงออกมาช้าๆ…

เย่หงเฟิงเป็นคนที่อดทนต่อความเจ็บปวดไม่ได้ ยามนี้เธอเจ็บไปทั้งร่างปานถูกมีดกรีดแทง แทบจะเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น “พี่หลงซี รักษาก่อน…รักษาฉัน…”

หลงซือเย่ไม่มองเธอเลย ยามที่เขากระทำเรื่องใดอย่างจดจ่อไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจขัดจังหวะได้ หนึ่งเค่อให้หลัง ในที่สุดเอ็นสัตว์เส้นนั้นก็ถูกเขาเลาะออกมาอย่างสมบูรณ์แล้ว ดุจแส้สีเพลิงเส้นหนึ่ง

ในที่สุดเขาก็มองไปที่เย่หงเฟิง น้ำก็ค่อนข้างอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ “เจ็บมากหรือเปล่า?”

จู่ๆ เย่หงเฟิงก็หนาวสะท้านขึ้นมาด้วยความหวาดผวา ถึงแม้หลงซือเย่จะดูไม่ต่างไปจากปกติ แต่นัยน์ตาที่เดิมที่ดำสนิทปานน้ำหมึกกลับเป็นสีแดงฉานรางๆ ยามที่มองเธอหนาวยะเยือกยิ่งนัก

“พี่หลงซี…”

หลงซือเย่ทอดมองเธอจากมุมสูง แววตาแปรเปลี่ยนผันผวน ไม่ทราบเช่นกันว่าคิดอะไรอยู่

เย่หงเฟิงพยายามเพ่งสมาธิจ้องมองเขา เรียกเขาต่อไป “พี่หลงซี…”

หลงซือเย่ราวกับถูกสะกดจิต ค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งยองๆ มองเธอที่นั่งไร้เรี่ยวแรงอยู่ตรงนั้น เย่หงเฟิงยื่นมือที่สั่นเทาไปหาเขา “พี่หลงซี ฉันเดินไม่ไหวแล้ว พี่อุ้มฉันหน่อย”

หลงซือเย่ชะงักไป ในที่สุดก็ยื่นมือมาอุ้มเธอขึ้น…

เย่หงเฟิงถอนหายใจอย่างโล่งอก พูดต่อว่า “ฉันบาดเจ็บแล้ว พี่รักษาให้ฉันก่อนสิ ฉันกล้จะตายแล้ว…”

ยามที่เอ่ยถ้อยคำเห่านี้เธอจ้องตาเขายู่ตลอด

“ฉันไม่ปล่อยให้เธอตายหรอก” ในที่สุดหลงซือเย่ก็เปิดปากพูด น้ำเสียงปานก้องสะท้อนอยู่ในหุบเขา “ขอโทษนะ”

คล้ายว่าจะพูดให้เย่หงเฟิงฟัง ทั้งยังคล้ายว่าพูดให้ใครอีกคนหนึ่งฟัง

มือเย็นเยียบที่เปรอะเปื้อนโลหิตกดตรงชีพจรเธอ

“ฉันเจ็บมากเลย! พี่หลงซี ฉันเจ็บมาก!” เย่หงเฟิงน้าไหลนองหน้า

“เจ็บมากเหรอ?” จู่ๆหลงซือเย่ก็ยิ้มออกมา เพียงแต่รอยยิ้มนี้กลับดูราวกับร่ำไห้ “เธอเจ็บได้เท่าฉันหรือเปล่า?”

ทันใดนั้นมือของเขาก็บีบข้อมือเย่หงเฟิงไว้ปานคีมเหล็ก! กิดเสียงดังแกร่ก! ข้อมือข้างที่เย่หงเฟิงจับมีดถูกหักอย่างรุนแรง! เย่หงเฟิงกรัดร้องทันที หยาดเหงื่อเย็นเฉียบไหลโซมร่างในทันใด

อย่างไรก็ตามเรื่องยังไม่จบลง หลงซืเย่กุมข้อมือที่หักข้างนั้นของเธอไว้แล้วบิดรอบหนึ่ง…

ความเจ็บปวดเช่นนั้นเกินที่มนุษย์จะทนรับได้

เย่หงเฟิงพยายามเบิกกว้างมองดูหลงซือเย่ พยายามเพ่งสมาธิจ้องตาเขา น้ำเสียงสั่นพร่าย่ำแย่ “พี่…หลงซี…อย่า…อย่าทำร้ายฉัน…พี่หักใจทำร้ายฉันไม่ลงหรอกใช่ไหม…” แต่ก่อนยามที่เธอเรียกชื่อนี้จะอ่อนหวานเพราะพริ้ง ทว่ายามนี้เนื่องจากความเจ็บปวดเสียงจึงสั่นสะท้านบิดเบี้ยวไป

หลงซือเย่หลุบตามองเธอ จู่ๆ ก็ยิ้มบางๆ ออกมาอีกครั้ง เป็นรอยยิ้มอ่อนโยนยามปกติของเขา “ใช่แล้ว ฉันฉันไม่ทำร้ายร่างนี้หรอก ร่างนี้เป็นผลงานที่ดีที่สุดองฉัน…”

เย่หงเฟิงขณะที่กำลังจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่ทันตั้งตัวจู่ๆ เขาก็คลายแขนที่โอบอุ้มเธอออก!

เย่หงเฟิงหล่นลงพื้นทันที พื้นที่ใต้ร่างล้วนมีสิ่งของจำพวกเศษไม้ก้อนหินที่แตกกระจัดกระจายอยู่ ขรุขระยิ่งนักไม่ราบเรียบเลย ซ้ำเย่หงเฟิงยังเจ็บจนอ่อนยวบไปทั้งตัว ไม่มีเรี่ยวแรงเลย การล้มครั้งนี้แทบจะทำให้เธอสิ้นสติไป! ตาลายจนเห็นดาวแล้ว!

เมื่ออาการตาลายผ่านพ้นไป ในที่สุดเธอก็เพ่งสายตามองได้แล้ว ทว่าเมื่อได้เห็นเอ็นสัตว์ร้ายที่หลงซือเย่เลาะออกมาเส้นนั้นสีหน้าก็แปรเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง!

“ข้าไม่ทำร้ายร่างนี้ต่อหรอก ข้าแค่อยากลงโทษเจ้า!” ลำแสงสีแดงวาบผ่านอากาศ ฟาดเข้าที่ใบหน้ของเย่หงเฟิงอย่างจัง!

เอ็นของสัตว์ร้ายเทพสัชฌะเส้นนรี้เมื่อฟาดลงบนร่างคนจะไม่ได้ทำร้ายร่างกายคน ทว่าจะทำร้ายดวงวิญญาณภายในร่าง แสงสีแดงแผดเสียงก้อง เย่หงเฟิงก็ทนรับไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เกลือกกลิ้งทุรนทุรายอยู่บนพื้น กรีดร้องดังลั่น…

————————————————————————————-

บทที่ 1056 เด็กดี เจ้าเหนื่อยแล้ว

เอ็นสัตว์ร้ายเส้นนั้นก็สนประหลาด ฟาดลงบนร่างเธอ ไม่ทิ้งรอยแผลไว้เลยสักนิด แต่กลับทำให้เธอเจ็บปวดเป็นที่สุด ดวงวิญญาณเจ็บปวดดั่งถูกเลาะกระดูกเถือสันหลัง ทำให้เธอปรารถนาให้ตนไม่ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ยิ่งนัก

เย่หงเฟิงรู้สึกเพียงว่าดวงวิญญาณของตนถูกฟาดจนแตกเป็นเสี่ยงๆ สั่นคลอนจนแทบแหลกสลาย

ริมฝีปากเธอสั่นระริกคิดจะพูดบางอย่าง แต่ความเจ็บปวดอันรุนแรงทำให้เธอพูดไม่ออก มองนัยน์ตาของหลงซือเย่ที่มืดมิดดั่งราตรีทว่ามีเส้นเลือดสีแดงฉานปะปนอยู่ เธอหวาดผวาขึ้นมาจริงๆ แล้ว!

ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเธอต้องตายแน่! ดวงวิญญาณจะหลุดออกไป!

ไม่ไกลนักมีเงาคนเลือนร่างวูบไหวอยู่ คนผู้หนึ่งปรากกฎขึ้นจากความว่างเปล่า คนผู้นี้สวมชุดสีขาวเสื้อคลุมศีรษะสีขาว ตั้งแต่หัวจรดเท้าขาวโพลนเพมือนหิมะ ยืนอยู่บนกิ่งไม้ เขาไม่ได้ก้าวเข้ามา ทว่าปากขยับราวกับท่องบางสิ่ง คล้ายว่าร่ายคาถาอันใดอยู่

ร่างกายหลงซือเย่แข็งทื่อเล็กน้อย ความเร็วในการฟาดคนช้าลง

“หยุดเถอะ เจ้าจะฆ่านางแล้ว…” คนชุดขาวผู้นั้นเอ่ยขึ้น น้ำเสียงแฝงสำเนียงประหลาดอย่างหนึ่งไว้ ราวกับแว่วมาจากหุบเขาอันไกลโพ้น

มือหลงซือเย่ชะงักแวบหนึ่ง ในที่สุดก็หยุดมือ ค่อยๆ เงยหน้ามองคนชุดขาวผู้นั้น

ใบหน้าของคนชุดขาวซ่อนอยู่ในหมวกคลุมสีขาว เผยนัยน์ตาชั่วร้ายสีม่วงคู่หนึ่งออกมารางๆ ดวงตาคู่นี้จ้องมองหลงซือเย่ น้ำเสียงล่องลอยยิ่งขึ้น “เจ้าทำเพื่อนางถึงเพียงนี้ นางกลับหักหลังเจ้า เจ้าจึงเกลียดชังนาง ใช่หรือไม่?”

สายตาของหลงซือเย่มองตรงไปที่เขา เอ่ยตอบอย่างช้าๆ “ใช่!”

“ไม่ว่าเจ้าจะทุ่มเทสักเพียงใดนางก็ไม่ยอมกลับมาอยู่ข้างกายเจ้า นางปันใจไปให้ผู้อื่น นางเป็นสตรีใจโลเล ใช่หรือไม่?”

“…ใช่”

“เจ้ายินยอมให้นางเกลียดชังเจ้า เนื่องจากความเกลียดชังจะสลักลึกได้ยิ่งกว่าความรัก ในเมื่อไม่ว่าจะทำอย่างไรนางก็ไม่ยอมรักเจ้า เช่นนั้นก็ทำให้นางเกลียดไปเลย ยิ่งเกลียดชังล้ำลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้นถูกหรือไม่?”

ใบหน้าหล่อเหลาของหลงซือเย่ในที่สุดก็เผยความปวดร้าวออกมา สายตายังคงมองตรงไปเหมือนเก่า น้ำเสียงสั่นพร่าน้อยๆ “…มิผิด”

“เจ้าบรรลุเป้าหมายแล้ว เมื่อผ่านเรื่องนี้ไป นางจะเกลียดเจ้า จะไม่ลืมเจ้าอีกต่อไป” น้ำเสียงคนชุดขาวอ่อนโยน “เด็กดี เจ้าเหนื่อยแล้ ไปนั่งสมาธิฟื้นฟูให้ดีเถอะ”

หลงซือเย่ในยามนี้เคลื่อนไหวไปตามคำสั่ง ค่อยๆ นั่งลงแล้วเข้าฌานจริงๆ

จวบจนยามนี้เย่หงเฟิงถึงกระเสือกกระสนคืบคลานไปสั่นเทาอยู่ใต้เท้าของคนชุดเขาผู้นั้น “ขอบคุณยิ่งท่านจ้าวยิ่งนักที่ช่วยชีวิต”

ในที่สุดสายตาของคนชุดขาวผู้นั้นก้หันเหมาที่ร่างเย่หงเฟิง

เมื่อครู่น้ำเสียงยามที่พูดคุยกับหลงซือเย่อ่อนโยนอบอุ่นปานบุผาคลี่บานในฤดูใบไม้ผลิ บัดนี้เมื่อมองเย่หงเฟิงแววตานั้นกลับเยียบเย็นลงทันที พลันยกมือขึ้น ลำแสงสายหนึ่งส่องวาบ ซัดลงบนร่างเย่หงเฟิง “สารเลว! เจ้าเกือบทำลายงานใหญ่ของเปิ่นจุนแล้ว!”

เย่หงเฟิงหวีดร้องออกมา ฟุบอยู่ตรงนั้นสั่นไปทั้งตัว “บ่าว…บ่าวทราบความผิดแล้ว…”

คนชุดขาวเยื้องย่างมาอยู่ถึงเบื้องหน้าเธอ ยื่นนิ้วหนึ่งไปเชยคางเธอขึ้น ถอนหายใจเบาๆ “รูปโฉมเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว ทว่านิสัยกลับแตกต่างกันนัก และไม่ค่อยฉลาดสัดเท่าไหร่…”

บนนิ้วนั้นของเขาสวมปลอกเล็บยาวสีเงินแวววาว ทอประกายเยือกเย็นเฉียบคมเล็กน้อย ราวกับกระบี่เล่มหนึ่ง คล้ายว่าสามารถทะลวงลำคอของเย่หงเฟิงได้ตลอดเวลา

ร่างกายเย่หงเฟิงสั่นเทาราวกับมิใช่ร่างตน “ท่านเจ้า…ท่านเจ้าไว้ชีวิตด้วย…บ่าวสัญญา…ว่าจะทุ่มเทกำลังรับใช้ท่านเจ้าสุดความสามารถ…”

ดวงตาภายใต้หมวกคลุมของคนชุดขาวชั่วร้ายยิ่งกว่าเดิม ปลอกเล็บทอแสงเยียบเย็นเฉียดคอเย่หงเฟิงไปมา เย่หงเฟิงไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ถึงแม้ความเจ็บปดทั่งร่างจะทำให้ธอพุ่งชนกำแพงให้ตายๆ ไปเสีย ทว่ายามนี้กลับไม่กล้าขยับเขยื้อนเลย…

————————————————————————————-

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset