บทที่ 1061 คนผู้นี้ย่อมเป็นตี้ฝูอี ของแท้แน่นอน!
เสมือนเรือที่รอนแรมมานานในที่สุดก็หาท่าเรือที่เป็นของตนพบแล้ว และจะไม่ยอมปล่อยไปอีก
ราวกับความมืดมิดทั้งหลายถูกแสงตะวันสายหนึ่งสะบั้นให้ขาดไป
ทะเลโลหิต หมอกโลหิต ผู้คนที่รบราฆ่าฟัน ล้วนสลายไปจากเบื้องหน้าเธอดั่งกระน้ำหลาก…
….
เมื่อกู้ซีจิ่วลืมตาขึ้นมาร่างกายพลันแข็งทื่อไปหมด!
ใบหน้าหล่อเหลาที่ขยายใหญ่หน้าหนึ่งตั้งอยู่ตรงหน้า ใบหน้าหล่อเหลานี้อยู่ห่างจากเธอไม่ถึงครึ่งชุ่น ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดใบหน้าเธอ จมูกโด่งของเขาอยู่ติดกับปลายจมูกเธอ
ท่าทางเช่นนี้ช่างชิดเชื้อเหนือธรรมดานัก!
เธอแข็งทื่ออยู่หลายวินาที จากนั้นก็ยกมือขึ้นหมายจะผลักอีกฝ่ายออกไป
ใกล้เกินไปแล้ว! อยู่ใกล้กันเกินไปทำให้เธอมองเห็นใบหน้าของเขาไม่ชัด…
แต่เธอเพิ่งจะขยับก็รู้สึกว่าตรงหัวใจเจ็บแปลบเหมือนถูกดาบเฉียบคมทิ่มแทง เจ็บจนเธอครางออกมาเบาๆ ทั้งร่างอ่อนยวบ
ถึงแม้ขอบเขตการเคลื่อนไหวของเธอน้อยนิด แต่ก็ปลุกให้เขารู้สึกตัว ดวงตาที่ปิดมาตลอดของเขาเปิดออก ในที่สุดก็ยกหน้าขึ้น หลุบตามองตาเธอ “ตื่นแล้วหรือ?”
การเงยหน้าครานี้ของเขา ทำให้เกิดระยะห่างจากเธอเล็กน้อย ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ได้เห็นทั้งหน้าของเขาอย่างชัดเจนแล้ว หัวใจที่ตึงเครียดมาโดยตลอดในที่สุดก็ผ่อนคลายลง “เจ้า…ตี้…ฝูอี…ท่านฟื้นฟูขึ้นแล้ว!”
คนที่อยู่เบื้องหน้ายังคงเป็นรูปลักษณ์ขงอิงเหยียนนั่วอยู่จริงๆ ทว่ามิใช่เด็กน้อยวัยแปดเก้าขวบผู้นั้นอีกต่อไปแล้ว ดูเหมือนเด็กหนุ่มอายุราวสิบห้าสิบหกปี
คนผู้นี้ย่อมเป็นตี้ฝูอี ของแท้แน่นอน!
“อืม ฟื้นฟูขึ้นส่วนหนึ่งแล้ว” ตี้ฝูอีตอบเธอ
เขาขยับร่างเล็กน้อย จากนั้นกู้ซีจิ่วก็พบว่าไม่ถูกต้องแล้ว
เธอกับเขาล้วนนอนอยู่ ร่างของพวกเขาแนบชิดจนแทบเป็นหนึ่งเดียวกัน เธอเกาะหนึบอยู่ในอ้อมแขนเขาราวกับปลาหมึกและเขาก้กอดเอเอาไว้แน่นเช่นกัน กอดอย่างแนบสนิทไร้ช่องว่าง ยิ่งไปกว่านั้นคือ เธอและเขาล้วนเปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่! เส้นผมเขาแผ่สยายลงมา แทบจะพันอยู่กับเส้นผมเธอ ผิวหนังแนบชิด สัมผัสลมหายใจของกันและกันได้ ทั้งร่างของกู้ซีจิ่วล้วนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
เธอเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา คิดไม่ออกจริงๆ นี่มันเรื่องอะไรกัน…
เรื่องราวยามที่สลบไสลอยู่เหล่านั้นแวบเข้ามาในสมองเธออย่างรวดเร็วด้วยความเร็วเสมือนฉายหนัง นึกถึงเย่หงเฟิงที่แทงมีดทะลุหัวใจเธอ นึกถึงหลงซือเย่ที่ยืนมองอยู่ด้านข้างอย่างเฉยเมย นึกถึงตนเองที่ไร้หนทางหลบหนี นึกถึงลำแสงสีขาวสายนั้นที่เข้าโจมตีเย่หงเฟิงตอนที่ใกล้จะสลบไป นึกถึงการเข่นฆ่าโรมรันท่ามกลางทะเลโลหิต…
เธอตัวสั่นเล็กน้อย สองแขนของตี้ฝูอีพลันกอดเธอแน่น กระซิบปลอบ “ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรแล้ว ข้าอยู่ตรงนี้!”
กู้ซีจิ่วคิดว่าตนเป็นเด็กสาวที่แข็งแกร่งยิ่งนักคนหนึ่ง ทว่ายามนี้ขอบตากลับแดงเรื่อขึ้นมาอย่างอดไว้ไม่ได้
จู่ๆ ก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ จึงดิ้นรนอยู่ในอ้อมกอดเขา
แต่ตรงทรวงอกของเธอยังคงเจ็บอยู่ การดิ้นรนครั้งนี้ย่อมกระเทือนบาดแผลอย่างมิต้องสงสัยเลย ความเจ็บปวดดั่งกระแสไฟฟ้าแผ่ซ่านออกมาจากบาดแผล เคลื่อนไปตามเส้นเลือดเข้าสู่แขนขาและอวัยวะภายในของเธอ เธอร้องครางออกมา หยาดเหงื่อผุดพรายออกมาแน่นขนัดอยู่บนหน้าผากเธออีกครั้ง
“อย่าขยับ!” ตี้ฝูอียกมือหยุดยั้งเธอไว้ “เจ้าบาดเจ็บสาหัสเกินไป ต้องพักผ่อนอยู่นิ่งๆ”
กู้ซีจิ่วเบิกตามองเขา นัยน์ตาคู่นั้นมืดมิดดุจรัตติกาลทว่าชุ่มช่ำแวววาว ตี้ฝูอีรู้สึกว่าจะต้องอธิบายเรื่องท่าทางในยามนี้เสียหน่อยแล้ว นางจะได้ไม่คิดว่าเขาเป็นคนลามก ฉวยโอกาสเอาเปรียบตอนนางสลบอยู่
“ซีจิ่ว เจ้าถูกผู้อื่นทำร้าย มีดที่ทำร้ายเจ้ามพิษประหลาดชนิดหนึ่งอยู่ สามารถทำให้คนตกอยู่ในฝันร้ายที่น่ากลัวตื่นขึ้นมาไม่ได้ หลังจากข้าช่วยเจ้าออกมา ก็จัดการบาดแผลบนร่างเจ้าก่อน แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก้ปลุกเจ้าให้ตื่นไม่ได้ ข้าทำได้เพียงใช้วิธีพิเศษเข้าไปในความฝันของเจ้า จะช่วยเจ้าออกมาจากฝันร้าย ทำร้ายฝันร้ายของเจ้า ก็มีแต่ต้องใช้ท่าทางเช่นนี้ ข้าไม่ได้…”
————————————————————————————-
บทที่ 1062 รักจนปรารถนาจะให้เธอตายงั้นหรือ?
“มะ…ไม่จำเป็นต้องอธิบาย ข้าเชื่อท่าน!” กู้ซีจิ่วไม่รอให้เขากล่าวจบก็เอ่ยขัดเขา
แววตาตี้ฝูอีสว่างไสวดั่งแสงจันทร์ เขายิ้มอย่างปลาบปลื้ม จุมพิตมุมปากนางอย่าห้ามตัวเองไม่ได้ “เชื่อก็ดีแล้ว!”
โชคดีที่นางยังคงเชื่อใจเขาอยู่ มิเช่นนั้นต่อให้เข้าไปในฝันร้ายนั้นได้ก็พานางออกมาไม่ได้
กู้ซีจิ่วชะงักไปแวบหนึ่ง หลุบตาลง “ต่อให้…ต่อให้ท่านจงใจเอาเปรียบจริงๆ ข้าก็ไม่ว่า” ชีวิตนี้เธอตกลงปลงใจยอมรับเขาแล้ว ถึงแม้ทั้งสองจะยังไม่ได้เข้าพิธีกัน แม้กระทั่งเรื่องหมั้นหมายของพวกเขาก็ยังไม่มีผู้ใดทราบ แต่เธอรู้ว่าตนรักเขารักอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น อย่าว่าแต่ผิวกายคนทั้งสองจะแนบชิดเลย ต่อให้เขาปรารถนาเธอ เธอก็ยินยอมด้วยความเต็มใจ
แน่นอน ถึงแม้ในใจจะยอมรับเข้าแล้ว แต่ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ยังเด็กสาวที่ไม่เคยมีความรักอย่างแท้จริงมาก่อน ในเวลาเช่นนี้จึงยังคงหน้าบางอยู่บ้าง เอ่ยประโยคนี้ด้วยเสียงแผ่วเบาราวกับยุง แต่กลับเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก
ตี้ฝูอีตะลึงงันไปครู่หนึ่ง แววตาลุ่มลึกเล็กน้อย จุมพิตมุมปากเธออีกรา “เด็กน้อย การที่เจ้าเอ่ยออกมาเช่นนี้นับเป็นคำยืนยันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับข้าแล้ว!”
ถึงแม้ฉากนี้จะหวานซึ้งไร้ใดเทียม แต่นางบาดเจ็บหนักเกินไป แทบจะนับได้ว่าเป็นการฝืนยื้อชีวิตกลับมา หากขยับเขยื้อนมากไปเพียงน้อยอาจทำให้หัวใจที่เกือบฉีกขาดของนางปริแยกอีกครั้งได้ ดังนั้นตี้ฝูอีจึงจึงไม่กล้ามีความคิดอันใด
ต่อให้ยามนี้จะโอบกอดร่างอรชรไว้นอ้อมแขน ต่อให้เป็นการโอบกอดคนที่ชอบที่สุดในชีวิตนี้เอาไว้ เขาก็ไม่กล้าปล่อยให้จิตใจตนเตลิดฟุ้งซ่าน
เพียงแต่ท่าทางเช่นนี้ช่างเป็นการทดสอบเขามากเกินไป เขารู้สึกว่าความสามารถในการความคุมตัวเองของเขามีไม่มากพอ เมื่อพิจารณาถึงความปอดภัยแล้ว เขายังคงไม่คิดจะหาเรื่องใส่ตน
เขาพลิกตัวลงมา สวมเสื้อผ้าของเขาอย่างรวดเร็วยิ่ง แทบจะทันทีที่ถึงพื้น เขาก็สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
จวบจนยามนี้กู้ซีจิ่วถึงได้พบว่าตนนอนอยู่ในถ้ำบนเขาแห่งหนึ่ง แถมยังเป็นถ้ำแก้วผลึกอีกด้วย รอบข้างล้วนรายล้อมด้วยเสาแก้วผลึก บนเสาแก้วผลึกต้นหนึ่งในบรรดานั้นแขวนมุกราตรีเม็ดหนึ่งไว้ แสงของมุกราตรีส่องสะท้อนแก้วผลึก ส่องแสงพร่าวพราวดั่งตำหนักแก้วผลึกมิปาน
และเธอก็นอนอยู่บนแก้วผลึกชิ้นหนึ่งที่ราบเรียบเสมือนเตียงนอน ใต้ร่างปูผ้านวมขนสัตว์ที่สะอาดะอ้านหนาแน่นไว้ บนร่างก็มีผ้าห่มที่อ่อนนุ่มผืนหนึ่งคลุมอยู่
สายตาของกู้ซีจิ่วกวาดมองไปรอบๆ จนวกกลับมาที่ร่าของตี้ฝูอี ตี้ฝูอีในยามนี้ยังคงอยู่ในรูปลักษณ์ของอิงเหยียนนั่ว เพียงแต่รูปร่างสูงโปร่งกว่าแต่ก่อนมาก ยามที่เข้าเพิ่งเข้าสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ความสูงประมาณหนึ่งร้อยหกสิบเวนติเมตร ยามนี้กลับดูสูงกว่าหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรแล้ว บนร่างสวมเสื้อคลุมสีขาวพราวระยับตัวหนึ่ง ตรงชายเสื้อปักลวดลายเอาไว้ ลวดลายเหล่านั้นหมุนวนดั่งระลอกคลื่นล่องลอยอยู่ระหว่างอาภรณ์
ได้เห็นว่าในที่สุดเขาก็เริ่มฟื้นฟูขึ้นมาแล้ว! หากทราบเช่นนี้แต่แรก เธอคงไม่พาเขามารักษากับหลงซือเย่หรอก…
เมื่อนึกถึงหลงซือเย่ นิ้วมือเธอพลันกำแน่นนิดๆ! แววตาก็มืดมนลงทันที! ตรงหัวใจเสมือนมีกองไฟแผดเผาอยู่!
เธอถามตัวเองดูแล้วนอกเหนือจากไม่อาจตอบรับความรู้สึกของหลงซือได้ อย่างอื่นล้วนไม่มีจุดไหนที่ผิดต่อเขาเลย แต่เขากลับรวหัวกับเย่หงเฟิงมาลอบทำร้ายเธอ! หากว่าครั้งนี้มิใช่ตี้ฝูอีตามไปช่วยเธอออกมาได้ทันกาล ศีรษะกับร่างกายเธอคงจะแยกกันไปคนละทิศละทางจริงๆ เสียแล้ว! ไม่มีโอกาสรอดชีวิตแลย!
รักจนแค้นหรือ? รักจนปรารถนาจะให้เธอตายงั้นหรือ?
เธอไม่มีทางให้อภัยตรรกะเช่นนี้ได้! และเธอกก็ไม่อยากคิดอีกแล้วว่าสุดท้ายแล้วเป็นเพราะอะไร เธอค่อยๆ ขยับเล็กน้อย พลันสูดหายใจเพราะสะเทือนถึงบาดแผลอีกแล้ว
ตี้ฝูอีนั่งลงข่างกายเธอ มือข้างหนึ่งจับแขนเธอไว้ “เป็นเด็กดีหน่อย ข้าบอกแล้วไงว่าตอนนี้ยังขยับไม่ได้”
เธอบาดเจ็บจากบาดแผลแทงทะลุ ซ้ำยังได้รับบาดเจ็บที่หัวใจด้วย ถึงแม้จะได้รับความช่วยเหลือจากโอสถล้ำค่าของเขา แต่ก็ต้องใช้เวลาอีกสามสี่วันถึงจะดีขึ้นอย่างแท้จริง