ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1065+1066

บทที่ 1065+1066

บทที่ 1065 ถ้าเขายอมเป็นที่สองคงไม่มีผู้ใดกล้าเป็นที่หนึ่ง

ถึงแม้ว่าการแสดงออกของหลงซือเย่จะคล้ายปกติยิ่ง ทว่าเขามักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าอีกฝ่ายแปลกไปเล็กน้อย เพียงแต่ยังยังจับจุดที่แน่ชัดไม่ได้เท่านั้น

ความคิดของตี้ฝูอีเคลื่อนไปว่องไวนัก ใครครวญเพียงแวบเดียวก็ทราบแล้วว่าส่วนนี้มีปัญหา

เขานึกถึงจักรพรรดิซวนที่เคถูกคนใช้ยาเสพติดควบคุม เริ่มสงสัยว่าหลงซือเย่ก็โดนแบบเดียวกันเข้าให้แล้ว…

ต่อมาก็นึกถึงมารสวรรค์ตนนั้น หากว่ามารสวรรค์ตนนั้นลงมือกับหลงซือเย่ ทราบว่าหลงซือเย่มีจิตมาร ต่อมาจึงใช้ยาหรือว่าสิ่งของจำพวกกู่ขยายจิตมารของเขาให้มากขึ้น…

เช่นนั้นไม่ว่าเขาจะกระทำเรื่องใดล้วนมีความเป็นไปได้ทั้งสิ้น!

เนื่องจากนึกถึงสิ่งเหล่านี้ ตี้ฝูอีจึงร้อนใจขึ้นมาอีกครั้ง รีบเรียกอาชาเวหาของเขามาทันที บินมาที่ภูเขาสัชฌะเทวะ…

ความจริงพิสูจน์แล้วว่าเขาคิดถูก ช่วยเหลือกู้ซีจิ่วในยามที่คับขันที่สุดไว้ได้

วรยุทธ์ของตี้ฝูอีฟื้นฟูคืนเพียงราวๆ หนึ่งในสิบของยามปกติ หากปะทะกับหลงซือเย่ซึ่งๆ หน้า เขาต้องสู้กับเขาอย่างน้อยสามสิบสี่สิบกระบวนท่าถึงจะซัดเขาให้หมอบได้ แต่อาการบาดเจ็บของกู้ซีจิ่วอันตรายยิ่ง ไม่อาจล่าช้าได้แม้ชั่วครู่ ดังนั้นเขาเลยโจมตีเย่หงเฟิงให้บาดเจ็บหนักเท่านั้น จากนั้นก็ฉวยตัวกู้ซีจิ่วแล้วหลบหนีทันที

โชคดีที่เขาคุ้นเคยกับภูมิประเทศแถบนี้ยิ่งนัก รีบหาถ้ำแก้วผลึกแห่งนี้เพื่อทำการรักษานาง

อาการบาดเจ็บของกู้ซีจิ่วไม่เพียงแต่เป็นบาดแผลแทงทะลุเท่านั้น ยังบาดเจ็บที่หัวใจอีกด้วย หากเป็นคนทั่วไปโดนขนาดนี้คงสิ้นชีพไปนานแล้ว! เคราะห์ดีที่กู้ซีจิ่วจิตใจกล้าแกร่ง มีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะอยู่รอด ประกอบกับพลังวิญญาณของนางใกล้บรรลุขั้นแปดแล้ว ถึงทำให้นางยืนหยัดมาถึงตอนนี้ได้

แน่นอนว่าวิชาแพทย์ของตี้ฝูอีล้ำเลิศเหนือธรรมดานัก ถ้าเขายอมเป็นที่สองคงไม่มีผู้ใดกล้าเป็นที่หนึ่ง

ถึงแม้อาการบาดเจ็บของกู้ซีจิ่วจะวิกฤตอย่างยิ่ง ก็ยังถูกเขารักษาสำเร็จทันกาล ฝืนยื้อชีวิตนี้ของนางกลับมาได้…

เมื่อตี้ฝูอีเล่าออกมาเช่นนี้แล้ว ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็เข้าใจ

ยามที่เขาเล่าอยู่ตรงนั้น นางแทบจะไม่ปริปากพูดอะไรเลย แต่ดวงตายังคงมองเขาอย่างจริงจังยิ่งนัก ฟังเขาพุดอย่างตั้งใจ ดูมีชีวิตชีวาไม่เลว

ทว่าประสาทสัมผัสอันเฉียบคมของตี้ฝูอีกลับสัมผัสได้ว่าความจริงแล้วนางกำลังฝืนอยู่ ถึงนางจะพยายามทำเป็นมีชีวิตชีวาอย่างสุดกำลัง แต่ดวงหน้าน้อยๆ ก็ยังคงขาวซีดอยู่

ท่าทางเช่นนี้ของนางไม่สมบูรณ์นักเนื่องจากบาดแผลฉกรรจ์บนร่าง ซ้ำยังได้รับความกระทบกระเทือนด้านจิตใจด้วย

เหตุผลที่ทำให้นางฝันร้ายถึงทะเลโลหิตแห่งนั้นก็เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย

ตี้ฝูอีทราบว่าครั้งนี้นางได้รับความสะเทือนใจอย่างหนัก ดังนั้นหลังจากเล่าจบ จึงลูบศีรษะเธอเบาๆ “เด็กดี เจ้าเหนื่อยมากแล้ว หลับสักงีบเถอะ ข้าจะเฝ้าเจ้าอยู่ตรงนี้…” น้ำเสียงอ่อนโยนดั่งสายลมฤดูใบไม้ผลิที่โบกพลิ้ว

กู้ซีจิ่วก็เหนื่อยล้ายิ่งนักเช่นกัน แต่เธอยังคงป็นกังวลอยู่บ้าง เพิ่งหลับตาลงไปก็ลืมขึ้นมาอีกครั้ง

ราวกับตี้ฝูอีทราบความคิดในใจของเธอได้ “วางใจเถอะ พลังยุทธ์ของข้าฟื้นฟูคืนมาสองในสิบแล้ว ต่อให้มีคนคิดจะมาลอบทำร้ายอีก ข้าก็มีวิธีที่จะทำให้เขาเดินเข้ามาทว่าต้องนอนออกไป! อีกอย่างนอกถ้ำยังมีมู่เฟิงคอยเฝ้าอยู่ด้วย ไม่เกิดอุบัติเหตุอันใดหรอก”

คนผู้นี้เป็นพยาธิในท้องเธอจริงๆ เธอยังไม่ได้พูดอะไรเขาก็คาดเดาความในใจของเธอได้กระจ่างแล้ว!

ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็วางใจแล้ว หลับตาลง

ในถ้ำแห่งนี้ล้วนเป็นแก้วผลึกทั้งสิ้น แก้วผลึกเป็นสิ่งที่อุดด้วยพลังวิญญาณเป็นที่สุด มีประโยชน์ต่อการฝึกฝนยิ่งนัก

ถ้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ในส่วนลึกของหุบเขา หลบซ่อนอยู่วับซ้อนเหนือธรรมดา เป็นถ้ำที่มู่เฟิงพบเข้าโดยบังเอิญ เขารู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้มีประโยชน์ต่อการฟื้นฟูของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจึงจดไว้แล้วรายงานให้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ทราบเมื่อไม่นานมานี้ ตี้ฝูอียังไม่ทันได้ปรึกษาหารือกับกู้ซีจิ่ว ก็เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาเสียก่อน

ถ้ำแห่งนี้จึงได้ใช้ประโยชน์จริงๆ

————————————————————————————-

บทที่ 1066 คิดจะสังหารนางให้ตายจริงๆ!

กู้ซีจิ่วผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็วยิ่ง ตี้ฝูอีนั่งอยู่ข้างกายนางมองใบหน้าที่หลับใหลอย่างไม่สงบของนาง ทราบว่านางยังคงเจ็บแผลอยู่

บาดแผลเช่นนี้ถ้าต้องการรักษามันให้หายดี ไม่อาจใช้วิธีให้ยาชาเพื่อระงับความเจ็บปวดได้ ทำได้เพียงสกัดจุดบางส่วนบนร่างนางที่มีความสัมพันธ์กัน ทำให้เส้นประสาทรอบบาดแผลนางไวต่อสัมผัสน้อยลง บรรเทาความเจ็บปวดได้เล้กน้อย ต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่สามารถขจัดไปอย่างสมบูรณ์ได้ ความเจ็บปวดนี้จะติดอยู่กับนางเป็นเวลาหนึ่งวัน นึกไม่ถึงว่าหลงซือเย่จะลงมือกับนางอย่างโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้!

คิดจะสังหารนางให้ตายจริงๆ!

นัยน์ตาของตี้ฝูอีทอประกายมืดมน มือพลันกำแน่น เขาจะไม่ยอมเรื่องจบแค่นี้! จะอย่างไรก็ต้องทวงความยุติธรรมให้กับนาง

ป้ายหยกตรงหว่างเอวเรืองแสงขึ้นมา เขายกมือทำการเชื่อมต่ ใบหน้าของมู่เหล่ยปรากฏขึ้นบนป้ายหยก “เรียนนายท่าน หลงซือเย่พาเย่หงเฟิงกลับไปที่โรงเตี๊ยมแห่งนั้นก่อน หลังจากวนอยู่ในโรงเตี๊ยมรอบหนึ่งไม่ได้พูดอะไรก็กลับเขาถามสวรรค์ไปทันที หลังจากกลับไปที่เขาถามสวรรค์เขากับเย่หงเฟิงก็เข้าไปในห้องหลอมโอสถด้วยกัน ในห้องหลอมโอสถห้องนั้นของเขาติดตั้งเขตแดนไว้หนาแน่น ข้าน้อยยังไม่มีวิธีทำลายเขตแดนโดยไม่ให้คนในห้องรู้ตัวได้ ยามนี้จึงตระเวนอยู่รอบนอก อย่างอื่นยังไม่เห็นอะไรที่ผิดปกติขอรับ”

มู่เหล่ยรับคำสั่งจากตี้ฝูอีให้ไปตรวจสอบหลงซือเย่โดยตรง ยามนี้จึงนำสิ่งที่พบเห็นมารายงาน

ตี้ฝูอีใคร่ครวญเล็กน้อย เขาทราบเกี่ยวกับห้องหลอมโอสถของหลงซือเย่ ถึงแม้รอบๆ ห้องหลอมโอสถห้องนี้จะติดตั้งอาคมหวงห้ามร้ายแรงไว้ แต่สำหรับคนอย่างตี้ฝูอีแล้ว ไม่นับว่าเป็นสิ่งใด สามารถทำลายอย่างเงียบๆ ได้ไม่คณามือ ถ้าเขาคิดจะเข้าไปก็ยกเท้าก้าวเข้าไปได้เลย

เขาให้มู่เหล่ยใช้ป้ายหยกส่องรอบนอกของห้องหลอมโอสถนั้น พบอย่างฉับไวว่ากลไกของเขตแดนตรงนั้นเปลี่ยนไปหมดแล้ว มีหลายสิ่งที่แม้แต่เขาก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน

เขาหรี่ตาลงนิดๆ

สถานที่อันล้ำค่าของหลงซือเย่เคยมีอยู่สองแห่ง หนึ่งคือตำหนักที่วางโลงน้ำแข็งไว้ สองคือห้องหลอมโอสถห้องนี้

ยามนี้คนในโลงน้ำแข็งฟื้นคืนชีพแล้ว สถานที่แห่งนั้นย่อมไม่สำคัญอีกต่อไป

แต่หนนี้เขาติดตั้งกลไว้ที่ห้องหลอมโอสถแห่งนี้มากเกินไปหรือเปล่า? เขาซ่อนสิ่งใดที่ให้ผู้คนพบเห็นไม่ได้ไว้ในห้องหลอมโอสถงั้นหรือ?

ด้วยความสามารถของมู่เหล่ย หากว่าฝืนทำลาย กลไกรอบห้องหลอมโอสถน่าจะขวางเขาไว้ไม่อยู่ แต่เช่นนั้นจะทำให้คนทั้งเขาถามสวรรค์รู้ตัว และหลงซือเย่ที่อยู่ในห้องก็จะรู้ตัวด้วย ดูเหมือนจะใช้วิธีแหวกหญ้าให้งูตื่นไม่ได้

ดังนั้นตี้ฝูอีจึงสั่งการให้มู่เหล่ยลอบจับตามองอยู่รอบนอกชั่วคราว ไม่จำเป็นต้องเข้าไปดู

เมื่อปิดป้ายหยกสื่อสารแล้ว ตี้ฝูอีก็ใคร่ครวญแผนการอยู่ครู่หนึ่ง เรื่องการตรวจสอบห้องหลอมโอสถของหลงซือเย่คงต้องรอหลังจากตนฟื้นฟูแล้วค่อยไปด้วยตัวเอง ต้องดึงปูมหลังทั้งหมดของหลงซือเย่ออกมาให้จงได้!

ผ่านไปอีกรู่หนึ่ง ก็มีลูกน้องส่งข่าวมาอีก แจ้งว่าเรื่องการไต่สวนมือสังหารโพกหน้าทั้งสี่คนจากหอเงาราตรีได้ผลออกมาแล้ว สี่คนนั้นรับภารกิจมาจากเบื้องบนของหอเงาราตรี และตามที่บุคคลเบื้องบนของหอเงาราตรีแจ้งมา ผู้ที่จ้างวานพวกเขาคือเด็กสาวคลุมหน้านางหนึ่ง รูปร่างคล้ายเย่หงเฟิงยิ่งนัก…

มือของตี้ฝูอีเคาะหินแก้วผลึกเบาๆ นำข่าวที่ได้รับเหล่านี้มาวิเคราะห์แจกแจงตามลำดับ ได้ข้อสรุปอย่างง่ายดาย

หลงซือเย่วางแผนการครั้งนี้ไว้นานแล้ว เรื่องจ้างวานมือสังหารน่าจะเป็นหลงซือเย่ที่สั่งการเย่หงเฟิง

หลงซือเย่มีใจริษยาอาฆาตมาดร้าย คิดจะสังหารเขา ดังนั้นจึงหาข้ออ้างกันกู้ซีจิ่วออกไป

และเห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ปล่อยวางกู้ซีจิ่ว ดังนั้นเลยคิดจะยืมมือเย่หงเฟิงสังหารนาง

หากไม่มีอะไรเหนือจากที่คิดไว้ หลงซือเย่คงคิดจะทำให้กู้ซีจิ่วคืนชีพขึ้นมาในร่างโคลนนิ่งนั้น ส่วนเย่หงเฟิงที่ครองร่างอยู่ คาดว่าคงถูกเขาใช้คาถาขับไล่ออกไป

————————————————————————————-

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset