ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1109+1110

บทที่ 1109+1110

บทที่ 1109 ต้องปล่อยให้พวกเขาลิงโลดกันเสียหน่อย

ข้างกายตี้ฝูอีมีเพียงแค่มู่อวิ๋นกับมู่เหลยคอยคุ้มกัน ไหนยังจะมีอูอู๋เหยียนถ่วงอยู่ข้างกาย ไม่ว่าไปที่ใดก็คงไม่ค่อยสะดวกนัก…

ครั้งนี้ท่านเจ้านำคนชั้นยอดร้อยกว่าคนไปลอบทำร้ายตี้ฝูอี บัดนี้คงใกล้ถึงแล้ว ถึงเวลานั้นตี้ฝูอีเองก็เอาตัวไม่รอด ย่อมไม่มีกะจิตกะใจไปสนใจหลงซือเย่…

หลงฟั่นครุ่นคิดเล็กน้อย ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกสบายใจขึ้นเรื่อยๆ

เขานำลูกน้องออกมาไม่น้อยเพื่อการไล่ล่าครั้งนี้ สามถึงสี่สิบคนได้ หลังจากเขาวางแผนในใจไว้อย่างดีแล้ว จึงเริ่มมอบหมายหน้าที่ เหลือแค่สิบคนไว้คอยสั่งงานข้างกาย ส่วนคนอื่นให้กลับไป

ที่นี่คือฐานที่มั่นใหญ่ของเขา เขาใช้เวลาสร้างมานานหลายสิบปี ไม่อาจให้สูญสิ้นได้ จำต้องมีคนดูแลมากพอถึงจะวางใจ

“ผู้อาวุโส ให้พวกข้าไล่ล่าไปทางไหนดี?” ลูกน้องสิบคนถามอย่างกระตือรือร้น

หลงฟั่นมองดูเข็มทิศในมือ จุดแดงนั้นยังคงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ออกจากภูเขาลูกนี้ไปทางทิศตะวันออกแล้ว และทางนั้นก็เป็นที่ตั้งของเขาถามสวรรค์ ดูเหมือนว่าหลงซือเย่คิดจะพาเธอไปหลบซ่อนตัวที่นั่น…

แต่ด้วยพลังกายของเธอ ไปได้ไม่ถึงหนึ่งร้อยลี้ก็ต้องจบเห่แล้ว…

เมื่อกำหนดเส้นทางการไล่ล่ากู้ซีจิ่วแล้ว หลงฟั่นกลับไม่ได้รีบร้อน เอ่ยเบาๆ ว่า “รีบร้อนทำไม? ต้องปล่อยให้พวกเขาลิงโลดกันเสียหน่อย พวกเจ้าฟังข้าสั่งการ…” เขาสั่งการให้แปดคนขี่สัตว์พาหนะบินไปทางเขาถามสวรรค์เพื่อสกัดกั้น

สัตว์บินพาหนะของเขารวดเร็วยิ่งนัก แม้แต่กระเรียนเทพของหลงซือเย่ก็ไม่อาจทัดเทียม เมื่อปลดปล่อยความเร็วในการบิน จะตามไปสกัดกั้นสองคนนั้นได้ทันท่วงทีอย่างแน่นอน หากพวกเขากลับไปเขาถามสวรรค์จริง ถึงครึ่งทางก็ต้องติดกับดักที่เขาวางไว้แล้ว…

ทุกอย่างลงตัวเหมาะเจาะ แปดคนนั้นรับคำสั่งแล้วจากไป

“ผู้อาวุโส ข้าน้อยสองคนเล่า?”

“พวกเจ้าสองคนคอยติดตามข้าเป็นพอ”

หลงฟั่นสั่งการให้นำสัตว์พาหนะมาเช่นกัน จากนั้นมุ่งหน้าไปทางตะวันออกอย่างสบายอกสบายใจ ความเร็วในการบินของเขาไม่นับว่าเร็วนัก กลับมีกลิ่นอายการทัศนาจรยามวสันตฤดูด้วยซ้ำ

ลูกน้องทั้งสองงุนงงเล็กน้อย เมื่อสักครู่เจ้านายตัวเองยังร้อนใจดังไฟลน ตอนนี้กลับสงบจิตใจลงแล้ว?

หลงฟั่นดูเหมือนอารมณ์ดี ทว่าก็เป็นคนอารมณ์แปรปรวนเช่นกัน ลูกน้องทั้งสองจึงไม่กล้าถาม เพียงขี่สัตว์พาหนะตามไปอย่างนั้น

พวกเขาเห็นผู้อาวุโสหลงตรวจดูเข็มทิศในมือเป็นครั้งคราว ท่าทางเหมือนมีแผนการในใจแล้ว รอยยิ้มที่มุมปากทำให้พวกเขาทั้งสองเสียวสันหลังไปหมด

ผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม จุดสีแดงบนเข็มทิศพลันหยุดนิ่ง หลงฟั่นคำนวณสถานที่ที่จุดแดงหยุดลงสักครู่ ก่อนยิ้มจางๆ “ดี พวกเราลงมือได้แล้ว!”  สัตว์พาหนะด้านล่างเพิ่มความเร็วขึ้นทันใด รีบเร่งทะยานไปด้านหน้าดั่งลมกรด

“ผิดปกติ!” หลงซือเย่เอ่ยเบาๆ ขณะเพิ่งออกมาจากพื้นที่ใกล้เคียงภูเขาไฟที่ยังปะทุอยู่ลูกนั้น

“อะไรผิดปกติ?” กู้ซีจิ่วงุนงง

“ซีจิ่ว มีของพวกจีพีเอสบนตัวเธอ!” ขณะเคลื่อนย้ายในพริบตา กู้ซีจิ่วจับมือหลงซือเย่ไว้ตลอดเวลา เป็นครั้งแรกที่หลงซือเย่ได้สัมผัสผิวเธอหลังจากเข้ามาอยู่ในร่างใหม่อีกครั้ง เขารู้สึกว่าบางอย่างผิดปกติไป

กู้ซีจิ่วสีหน้าเปลี่ยน เริ่มค้นหาสิ่งนั้นบนตัวโดยสัญชาตญาณ

“จีพีเอสนั่นไม่ได้อยู่ในเสื้อผ้า แต่อยู่ใน…ร่างกายเธอ” หลงซือเย่หยั้งเธอไว้

กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง

ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมพวกหลงฟั่นจึงวางใจ กล้าปล่อยให้เธอเดินไปมาภายในวังใต้พิภพหลังจากมีชีวิตใหม่ขนาดนี้ หนำซ้ำยังไม่กลัวเธอจะหนีไปไหน ที่แท้ร่างโคลนนิ่งนี้ถูกติดตั้งจีพีเอสไว้!

เธอขมวดคิ้ว “ติดตั้งอยู่ตรงไหน?”

“ติดไว้ใต้หัวใจเธอ…” หลงซือเย่บอกตำแหน่งโดยละเอียด

กู้ซีจิ่วขับเคลื่อนพลังวิญญาณ ใช้การพินิจภายในตรวจดู พบว่ามีวัตถุแปลกปลอมขนาดเท่าเมล็ดถั่วอยู่รางๆ

—————————————————

บทที่ 1110 ใครตัวจริง ใครตัวปลอม?

กู้ซีจิ่วก็เป็นผู้เชี่ยวชาญ เธอดูออกว่าสิ่งนั้นคือจีพีเอสจริงๆ…

สิ่งนั้นติดอยู่กับเลือดเนื้อใต้กระดูกซี่โครงของเธอ ไม่เคลื่อนย้ายตามเส้นเลือด ไม่เคลื่อนย้ายตามลำไส้ หากไม่ผ่าตัดก็ไม่มีทางเอาออกได้

ทว่าในระหว่างการหลบหนีเช่นนี้ ไม่มีทั้งเวลาและปัจจัยในการผ่าตัด

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือหลงฟั่นจะหาเธอพบในเวลาไม่เกินครึ่งชั่วยาม…

เจ้าโรคจิตหลงฟั่น! เธอเกลียดนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง!

และตอนนี้ตี้ฝูอีก็อยู่ในเมืองที่ห่างไกลออกไปเป็นพันลี้ ในตัวเธอไม่มีสิ่งของใดติดต่อกับเขาได้…อย่างไรเสีย ต่อให้ตอนนี้สามารถติดต่อได้ น้ำไกลก็ไม่อาจดับไฟใกล้ ตี้ฝูอียังไม่ทันมาถึง เธอก็ถูกจับไปก่อนแล้ว…

หลงซือเย่ก็ถูกค้นตัวจนหมดจด ในมิติเก็บของลับเล็กๆ ของเขามีเพียงสิ่งของรักษาชีวิตที่สำคัญมากบางอย่าง ดอกไม้ไฟที่ใช้ติดต่อสานุศิษย์ในสำนักไม่กี่อัน และยังมียันต์บันทึกเสียงอีกสองสามแผ่น ต่อให้เขาขอความช่วยเหลือก็ต้องส่งกระแสเสียงเรียกนกมา เพื่อให้นกเอายันต์บันทึกเสียงไปให้สานุศิษย์ตัวเอง

แต่ละแวกนี้รกร้างห่างไกล ทั้งยังร้อนอบอ้าวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ นกถ่ายทอดเสียงเป็นนกที่ชอบสภาพอากาศหนาวเย็น ไม่ชอบอากาศร้อนเป็นที่สุด ที่นี่จึงไม่มีนกถ่ายทอดเสียงอาศัยอยู่ ต่อให้เขาอยากเรียกก็เรียกมาไม่ได้

“พวกเราต้องแยกกัน! ฉันไปทางตะวันออก คุณไปทางใต้! คุณหาทางติดต่ออาจารย์ใหญ่กู่แห่งสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์กับตี้ฝูอี ต้องมาทลายแหล่งกบดานของเขาให้ได้ คุณไม่ต้องเป็นห่วงฉัน ต่อให้หลงฟั่นจับตัวฉันได้ เขาก็ไม่มีทางฆ่าฉันแน่…” กู้ซีจิ่วเอ่ยปากอย่างรวดเร็ว

หากแยกกันโอกาสที่เขาจะหนีรอดนั้นมีมาก หากไปด้วยกันเขาและเธอต้องถูกจับได้ ถึงเวลานั้นจะไม่มีทางเปิดเผยข้อมูลนี้ออกไป นี่เป็นทางเดียวที่ทำได้ในตอนนี้

หลงซือเย่อึ้งไป ในฐานะที่เขาเป็นเจ้าสำนัก ย่อมเข้าใจความสัมพันธ์ของส่วนได้เสียในนี้ แต่หากปล่อยให้เธอถูกจับคนเดียว…

กู้ซีจิ่วคิดว่าเขาคงต้องพูดว่า ‘รอดก็รอดด้วยกัน ตายก็ตายด้วยกัน ฉันไม่ยอมปล่อยให้เธอไปเสี่ยงอันตรายคนเดียวหรอก’ อะไรทำนองนี้สักหน่อย ในใจถึงขั้นเตรียมคำพูดโน้มน้าวไว้แล้ว หากแต่คาดไม่ถึง เขาหลุบตาลงเล็กน้อยพลางรับปาก “ตกลง!”

ทั้งสองต่างไม่ใช่คนพูดจาเยิ่นเย้อ หลงซือเย่รีบรุดลงใต้ทันใด ส่วนกู้ซีจิ่วมุ่งหน้าไปทางตะวันออกต่อ…

……

เมืองขู่หลิ่วตั้งอยู่ห่างจากภูเขาไฟที่ยังปะทุอยู่นี้ไปทางทิศตะวันออกหนึ่งร้อยลี้ อิทธิพลของภูเขาไฟทำให้อากาศที่นี่ร้อนอบอ้าวตลอดทั้งปี เทียบได้กับหมู่บ้านและเมืองใกล้เคียงภูเขาเปลวไฟในซินเจียงของจีน

เมืองขู่หลิ่วมีจำนวนประชากรไม่มาก เมืองก็ค่อนข้างจะแร้นแค้น ดังนั้นจึงไม่มีสำนักใดมาก่อตั้งที่นี่ เป็นหนึ่งในสามพื้นที่ที่ไม่มีใครสนใจ

คนส่วนมากในถิ่นทุรกันดารมักกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ที่นี่จึงมีกลุ่มอันธพาลท้องถิ่น มักมีการต่อสู้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง

ยามนี้มีคนสองกลุ่มกำลังต่อสู้กันกลางถนน ไม้กระบองตีกันยุ่งเหยิง เลือดตกยางออก ไม่ต่างจากกลุ่มอันธพาลที่ตีกันตามท้องถนนเสียเท่าไหร่

เมื่อหลงฟั่นตามจีพีเอสมา ก็พบว่ากู้ซีจิ่วกำลังนั่งดื่มชาอยู่ในโรงน้ำชาของสถานีส่งสาร เธอนั่งตำแหน่งติดหน้าต่าง กำลังชมการต่อสู้ด้านนอกด้วยความสนใจยิ่ง

เธอเปลี่ยนเครื่องแต่งกายแล้ว แม่นางน้อยช่างทุ่มเทเสียเหลือเกิน แต่งตัวให้กลายเป็นหญิงสาวชาวบ้านหน้าตามอมแมม สวมใส่อาภรณ์ทำจากผ้าทอเนื้อหยาบ แทบจะมองไม่เห็นลักษณะก่อนหน้านี้

หลงฟั่นงุนงงไปชั่วขณะ เขาคิดว่ากู้ซีจิ่วหยุดพักหายใจหายคอสักครู่แล้วจะรีบหลบหนีต่อ อย่างไรเสียสถานที่แห่งนี้สำหรับเธอแล้วก็ยังไม่นับว่าปลอดภัย กลับไม่คาดคิดว่าเธอจะมานั่งจิบชาสบายใจอยู่ที่นี่

ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ โต๊ะตัวนั้นมีแค่เธอนั่งอยู่ผู้เดียว

แล้วหลงซือเย่เล่า? เขาควรจะอยู่กับเธอไม่ใช่หรือ? หรือว่าเขาปลอมตัวเป็นคนอื่นซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง?

—————————————

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset