บทที่ 1117 ไหนล่ะละคร?
อูอู๋เหยียนเล่นครได้ไม่เลวเลย ทุกอากัปกริยาเหมือนกู้ซีจิ่วไม่มีผิด เพียงแต่อย่างไรเสียก็เพิ่งบาดเจ็บสาหัสมา ถึงมีจะมีโอสถวิญญาณของตี้ฝูอีคอยช่วยเหลือ ทว่าอาการบาดเจ็บของนางยังไม่หายดี เคลื่อนไหวติดขัดอยู่บ้าง
ใบหน้าน้อยๆ ก็ซีดเซียว ป่วยหนักยิ่งนัก
ดูเหมือนนางจะไม่มีความอยากอาหารเท่าไหร่ หลังจากนั่งลงก็แทบไม่ขยับตะเกียบเลย กลับเป้นตี้ฝูอีที่เอาใจใส่ยิ่งนัก บางครั้งก็คีบอาหารให้นางสองสามอย่าง กล่อมให้นางกินมากหน่อย เป็นฉากที่อบอุ่นอ่อนโยนจนแทบเสียดแทงนัยน์ตาแล้ว
หลงฟั่นอดไม่ได้ที่จะมองกู้ซีจิ่วที่นั่งอยู่ด้านข้างแวบหนึ่งพบว่ากู้ซีจิ่วก็สังเกตคนในบานหน้าต่างฝั่งตรงข้ามอยู่เหมือนกัน แถมยังมองอย่างม่กะพริบตาเลยด้วย
“มองอะไรอยู่?” หลงฟั่นนึกไม่ถึงว่าเธอจะมองอย่างเอาจริงเอาจังถึงเพียงนี้ จึงเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้
กู้ซีจิ่วมองเขาแวบหนึ่งไม่พุดอะไร หลงฟั่นถึงได้นึกออกว่าตนสกัดจุดใบ้ของเธอไว้ เธอพูดไม่ได้แล้ว
เขาสะบัดปลายนิ้วคราหนึ่ง คลายจุดใบ้ของเธอ แต่ฝ่ามือก็กดลงบนจุดชีพจรของเธอ เอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “อย่าคิดตุกติก”
ขอเพียงเธอกล้าตะโกนออกมาสักครึ่งคำ ฝ่ามือเขาจะถ่ายเทพลังวิญญาณ เอาชีวิตเธอได้ทันที ถึงขั้นที่ทำให้ดวงวิญญาณของเธอบาดเจ็บได้
กู้ซีจิ่วกลับไม่มีทีท่านว่าจะตะโนออกมา สายตากังขาของเธอหันเหไปที่หลงฟั่น “ฉันรู้จักสองคนนั้นใช่ไหม?”
หลงฟั่นไจเต้นแวบหนึ่ง “ทำไมถึงถามแบบนี้?”
“ไม่งั้นคุณจะหวั่นวิตกขนาดนี้ไปทำไม? ทำท่าเหมือนฉันจะร้องขอความช่วยเหลือจากพวกเขา”
หลงฟั่นนิ่งงัน
กู้ซีจิ่วมองเขาอีกครั้ง เอ่ยคาดเดา “คงไม่ใช่ว่าเรื่องที่เจ้าสำนักหลงคนนั้นบอกเป็นความจริงกระมัง? ฉันทะลุมิติมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ถูกคุณลบความทรงจำของโลกนี้ไป…”
หลงพูดไม่ออกเลย เขารู้สึกว่าขว้างหินทับเท้าตนเข้าเสียแล้ว
“เดาเหลวไหล! เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเธอฟื้นคืนชีพขึ้นมาในร่างโคลนร่างนี้ เธอคงจำได้ใช่ไหมว่าเธอเพิ่งฟื้นขึ้นมาจากโลงแก้วผลึกใบนั้น?” หลงฟั่นคิดจะขจัดความสงสัยของเธอ
บัดซบ เด็กสาวคนนี้ฉลาดเกินไปแล้ว!
เดิมทีเขาคิดจะหยั่งเชิงดูว่าเธอจะเผยพิรุธออกมาหรือไม่ กลับนึกไม่ถึงว่านอกจากจะมองอะไรเธอไม่ออกแล้ว เขายังเผยพิรุธเสียเองด้วย! เขาทำได้เพียงโป้ปดอย่างสุดความสามารถเท่านั้น
เคราะห์ดีที่กู้ซีจิ่วก็ไม่ได้ถามเจาะลึก สายของเธอหันเหไปที่ด้านในบานหน้าต่างฝั่งตรงข้าม มองคนที่อยู่ด้านในอย่างโจ้งแจ้ง “เด็กสาวที่อยู่ข้างในคนนั้นเหมือนฉันมากเลย! เธอคงไม่ใช่พี่น้องของฉันใช่ไหม?”
หลงฟั่นกระแอมคราหนึ่ง “เพ้อเจ้อ เธอจะมีญาติอยู่บนโลกนี้ได้ยังไงกัน? เธอเป็นสิ่งที่ฉันสร้างขึ้น…ใต้หล้านี้มีคนที่หน้าตาเหมือนกันอยู่ถมเถไป ไม่เห็นแปลกตรงไหน กินข้าวๆ” เขาเบี่ยงหัวข้อไปเสีย
กู้ซีจิ่วมองเขาอย่างคลางแคลง “คุณบอกว่าอีกเดี๋ยวจะให้ฉันชมละคร ไหนล่ะละคร?”
หลงฟั่นยิ้มอย่างมีเลสนัยแวบหนึ่ง “รออีกหน่อยน่า มีละครแสดงแน่ รับประกันได้ว่าเยี่ยมยอด!”
“ชิ พวกชอบอุบ!” กู้ซีจิ่วคร้านจะเสวนากับเขาต่อแล้ว
หลงฟั่นมองอะไรเธอไม่ออกจริงๆ ดูเหมือนจะหมดสนุกอยู่บ้าง กู้ซีจิ่วยังคงชมทิวทัศน์ด้านนอกอยู่เช่นเดิม ท่าทีผ่อนคลายยิ่งนัก ทว่าในใจกลับร้อนเหมือนไฟ!
ถึงแม้เธอจะเพิ่งห่างจากตี้ฝูอีเพียงสี่ห้าวันเท่านั้น ทว่าความรู้สึกนั้นกลับเหมือนจากกันนานสี่ห้าปีแล้ว หลายวันมานี้ถึงแม้ฉากหน้าเธอจะโอนอ่อนคล้อยตามพวกหลงฟั่น ทว่าในใจกลับคะนึงถึงเขาอยู่ตลอดเวลา ปรารถนาจะโบยบินไปอยู่ข้างกายเขาในก้าวเดียวยิ่งนัก บอกเขาว่าที่นี่มีกับดักรอเขาอยู่…
แต่ว่าทำไม่ได้ ตอนนี้เธอไม่มีเรี่ยวแรงจะขยับเขยื้อนเลย กระทั่งเสียงพูดก็ยังเป็นเสียงที่เบาที่สุด ถึงเธอจะตะโกนออกมา อย่างมากก็ทำให้คนที่อยู่ในห้องนี้ได้ยินเท่านั้น ไม่มีทางแว่วไปถึงอีกฝั่งได้
พลังวิญญาณและกำลังภายในของเธอถูกผนึกไว้ทั้งหมด และไม่อาจส่งกระแสเสียงอย่างลับๆ ได้…
————————————————-
บทที่ 1118 แล้วเขาจะมีโอกาสชนะสักกี่ส่วนกัน?
ทุกวิถีทางที่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้เธอล้วนเคยคิดหมดแล้ว ทำไม่ได้เลยสักอย่าง!
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเธอกับเขามีระยะทางขวงกั้นเพียงยี่สิบกว่าเมตรเท่านั้น กลับเสมือนอยู่กันคนละขอบฟ้า อะไรที่เรียกว่าใกล้เพียงเอื้อมทว่าไกลเกินคว้าน่ะหรือ? ก็แบบนี้ไงล่ะ!
เธอย่อมมองเห็นว่าตี้ฝูอีปฏิบัติต่อกู้ซีจิ่วตัวปลอมเป็นอย่างดี ว่ากันตามจริงแล้ว ในใจมีความรู้สึกที่ไม่อาจทราบได้อยู่
ถึงแม้ในใจจะรู้ว่านั่นคือร่างของตน อันที่จริงการที่เขาดีต่อนางก็คือดีต่อกู้ซีจิ่ว แต่รับรู้ก็ส่วนรับรู้ ในใจยังคงฝาดเฝื่อนและอึดอัดอยู่บ้าง
เธอรู้ว่าตัวเองกำลังหึงอยู่ นึกถึงว่าตนจะมีวันที่หึงหวงอย่างไร้เหตุผลอยู่เหมือนกัน แถมคนที่หึงหวงยังเป็นร่างของตัวเองด้วย…
ความหึงหวงนี้ช่างแหวกแนวเหลือเกิน!
หึงหวงก็ส่วนหึงหวง ในระยะเวลาชั่วครู่นี้ความคิดในใจของกู้ซีจิ่วหมุนวนมากมายหลายคราประหนึ่งกังหันลม
เธอมองดูสองคนนั้นเป็นครั้งคราว หากว่าสามารถส่งข่าวย่างโจ้งแจ้งได้ เกรงว่าตี้ฝูอีที่อยู่ฝั่งตรงข้ามคงได้รับกระดาษแผ่นน้อยเป็นกองแล้ว!
เพียงในไม่ช้า เธอก็พบว่าความผิดปกติของคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสองคนนั้น
ตี้ฝูอีคีบอาหารให้กู้ซีจิ่วตัวปลอม อาหารทั้งหมดที่คีบไม่มีของที่กู้ซีจิ่วตัวจริงชอบกินเลย หลายอย่างถึงขั้นที่ยามปกติกู้ซีจิ่วไม่แม้แต่จะแตะต้องเลยด้วยซ้ำ
หัวใจเธอเต้นแรงนิดๆ ตี้ฝูอีทราบรสชาติที่เธอโปรดปราน ทว่ายามนี้กลับ…
หรือตี้ฝูอีทราบว่าสังขารของเด็กสาวที่อยู่ข้างกายเขาเปลี่ยนผู้ถือครองแล้ว?!
มิเช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำผิดพลาดเช่นนี้…
หัวใจเธอเต้นรัวขึ้นมา
เดิมทีเธอร้อนรอนและสิ้นหวังยิ่งนัก ด้วยเกรงว่าตี้ฝูอีที่อยู่ฝั่งตรงข้ามจะติดบ่วงชั่วร้ายของผู้อื่นอย่างไม่รู้ตัวมาโดยตลอด ยามนี้ในใจเธอมีความหวังผุดขึ้นมาอีกครั้งแล้ว…
กู้ซีจิ่วเฉลียวฉลาดเสมอมา ความสามารถด้านการพิจารณาด้วยเหตุผลแข็งแกร่งนัก เธอรีบคิดดูอีกครั้งทันที หากตี้ฝูอีพบว่าเด็กสาวที่อยู่ข้างกายถูกสลับตัวแล้ว เขาจะต้องสืบหาทันทีเป็นแน่ แน่นอนว่าต้องเป็นการสืบหาอย่างลับๆ ด้วย
แต่หลงฟั่นซ่อนตัวเธอไว้มิดชิดเกินไป ตี้ฝูอีหาไม่พบชั่วขณะ ด้วยเหตุนี้เขาจึงล่องูออกจากโพรงโดยตรง ใช้ตัวเองเป็นเหยื่อ ล่อให้พวกโม่เจ้ามาติดเบ็ด…
กู้ซีจิ่วมองตี้ฝูอที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอีกคราหนึ่ง พลังยุทธ์ของเขาฟื้นฟูคืนมาเท่าไหร่แล้ว? ระยะเวลาเพียงสี่ห้าวันพลังยุทธ์ของเขาน่าจะไม่ฟื้นฟูขึ้นมาสักเท่าใด เช่นนี้ต่อให้เขาล่อโมเจ้าออกมาได้ แล้วเขาจะมีโอกาสชนะสักกี่ส่วนกัน?
เขาน่าจะยังมีคนอื่นคอยจัดการอยู่รอบๆ กระมัง?
เป็นใครกันนะ?
พวกมู่เฟิงทั้งสี่ต้องอยู่ด้วยแน่นอน สานุศิษย์สวรรค์คนอื่นก็อาจอยู่ด้วยกระมัง? ไม่แน่ว่ากู่ฉานโม่ก็อาจจะอยู่ด้วย
กู้ซีจิ่วปรารถนาให้ตนมีดวงตามองทะลุสักคู่ยิ่งนัก สามารถมองเห็นโครงสร้างทั้งหมดในอาคารฝั่งตรงข้ามหลังนั้นอย่างชัดเจนได้ มอเห็นคนที่ตี้ฝูอีแอบจัดวางไว้ได้จะดีที่สุด…
โม่เจ้าคิดจะโจมตีเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ส่วนตี้ฝูอีก็มีความเป็นไปเกือบสิบส่วนว่าจะใช้แผนซ้อนแผน วางอุบายจับตะพาบในไหที่นี่…
หนนี้เจ้าโม่เจ้าผู้นั้นพาคนมาด้วยหนึ่งร้อยสิบคน แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือที่หลงฟั่นเคนดัดแปลงพันธุกรรมแล้ว กระบวนยุทธ์ประหลาดพิสดาร เมื่อพวกเขาลงมือจะต้องเกิดสงครามนองเลือดขึ้นเป็นแน่!
ไม่รู้ว่าคนของตี้ฝูอีจะต้านรับไหวหรือไม่?
ที่สำคัญคือเจ้าโม่เจ้าผู้นั้นแข็งแกร่งเหลือเกิน พลังวิญญาณขั้นสิบขึ้นไป เผชิญหน้ากับเขาตัวต่อตัวเกรงว่าจะยากเย็นนัก…
เพียงแต่ด้วยเครือข่ายของตี้ฝูอี ลูกน้องของเขาย่อมต้องมีมากกว่าไม่กี่คนนี้แน่นอน น่าจะยังมีสายที่ซ่อนอยู่อีกไม่น้อย บางทีจำนวนคนอาจมากกว่าคนของโม่เจ้ามากนัก เมื่อถึงเวลาสงครามย่อมอุบัติขึ้นอย่างมิอาจหลบเลี่ยงได้
น่าเสียดายถนนใหญ่ที่คึกคักรุ่งเรืองถึงเพียงนี้ มีคนสัญจรไปมา เมื่อต่อสู้กันขึ้นมา แน่นอนว่ามีประชาชนไม่น้อยที่จะถูกลูกหลงไปด้วย…
กู้ซีจิ่วกวาดตามองถนนใหญ่ ภัตตาคาร ทุกคนที่สามารถมองเห็นได้ล้วนมองรอบหนึ่งทั้งสิ้น พยายามแยกแยกว่าใครคือกองกำลังลับ ใครคือชาวบ้านธรรมดา
—————————————————–