บทที่ 1121 ใครมุ่งร้ายใคร 2
“ท่านผู้อาวุโสกับคุณชายโปรดเมตตารับเทียนเกอเอาไว้ในความดูแล ช่วยเหลือเทียนเกอออกจากพันธนาการนี้ เทียนเกอยอมเป็นข้ารับใช้ คอยดูแลผู้อาวุโสกับคุณชาย…” นางพูดอย่างสัตย์จริง ดูไปแล้วอ่อนช้อยน่าเอ็นดู
นัยน์ตาหลงฟั่นพลันวาบไหว ความจริงเขารู้สึกประทับใจเล็กน้อย
ภายในวังของเขาโดยปกติแม้แต่เสียงเลื่อยขาโต๊ะก็ไม่มี น่าเบื่อหน่ายจนน่ากลัว หากพาแม่นางคนนี้กลับไปได้ก็คงไม่เลว
แต่เขาเป็นคนสุขุมมาโดยตลอด เขาเพียงยิ้ม ไม่ได้ท่าทีใดๆ ออกมา
จากนั้นส่งสัญญาณมือให้กับลูกน้องคนหนึ่ง ลูกน้องคนนั้นเข้าใจจึงออกจากห้องไปทันใด คงจะให้ไปสืบหาภูมิหลังของสตรีคนนี้ว่าตรงกันกับที่นางพูดหรือไม่
ผ่านไปราวหนึ่งเค่อ ลูกน้องคนนั้นก็กลับมา กระซิบกระซาบหลงฟั่นไม่กี่คำ หลงฟั่นก็มีแผนการอยู่ในใจแล้ว
เขาเหลือบมองสตรีผู้นั้น พลางเอ่ยขึ้นเรียบๆ “อยากให้ข้าช่วยเหลือเจ้านั้นย่อมได้ แต่ก็ต้องดูการปฏิบัติตัวของเจ้าด้วย”
สายตาของสตรีผู้นั้นเป็นประกาย “เจ้าค่ะ”
นางพยายามสุดชีวิตเพื่อให้หลุดพ้นจากความยากลำบาก ก้าวเท้ามาชงชารินน้ำให้พวกกู้ซีจิ่วอย่างกระตือรือร้น
หลงฟั่นจับจ้องนางทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนา ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ใช่รูปโฉมที่แท้จริงของเขา แต่เขาก็หล่อเหลางามสง่า อีกทั้งดึงดูดสายตาของหญิงสาวได้เป็นอย่างมาก
เมื่อถูกคุณชายผู้หล่อเหลาที่สูงศักดิ์ทรงอำนาจจับจ้อง สตรีผู้นั้นถึงแม้เยือกเย็นเพียงใดก็อดไม่ได้ที่จะแก้มแดงระเรื่อ ถึงขนาดมือสั่นเทาเบาๆ เมื่อรินน้ำให้เขา นั่นคือความตึงเครียดจากความขวยเขิน
หลงฟั่นพึงพอใจมาก ช่วงนี้เขายุ่งอยู่กับการทดลองอวัยวะมนุษย์ เกือบหลงลืมไปแล้วว่าแขนเสื้อสีชาดอวลกลิ่นหอมฟุ้ง[1]เป็นเช่นไร
ถึงแม้รูปโฉมของแม่นางผู้นี้ไม่งดงามเท่ากู้ซีจิ่ว แต่ก็เป็นคนอ่อนโยน รอบรู้และรู้จักวางตัว ประดุจบัวพันกลีบที่รู้ภาษา ที่ยิ่งหาได้ยากคือเล่นผีผาได้อย่างยอดเยี่ยม หากให้นางมาเป็นสาวใช้ข้างกายก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเลยจริงๆ
เขาเหลือบมองกู้ซีจิ่วอย่างอดไม่ได้ พลางทอดถอนใจเบาๆ
เด็กสาวคนนี้คือผลงานที่ยอดเยี่ยมและสมบูรณ์แบบที่สุดของเขา รูปโฉมเป็นอันดับหนึ่ง เพียงแต่ค่อนข้างดื้อรั้น จัดการยาก ไม่ต่างกับดอกกุหลาบมีหนามแหลม
ยิ่งไปกว่านั้นคือเธอไม่ไว้หน้าผู้ใด ไม่ค่อยเชื่อฟังนัก ทำให้เขาปวดเศียรเวียนเกล้า…
หญิงงามจ้องมองหญิงงามย่อมเป็นเรื่องธรรมดานัก ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงมองสตรีบรรเลงผีผาผู้นั้นมากหน่อย หลงฟั่นก็ไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร เขายังจงใจชี้นำสตรีบรรเลงผีผาผู้นั้น “ไปดูแลท่านปู่หน่อยเถิด นั่งมาตั้งนานปานนี้ คงจะคอแห้งแล้ว”
สตรีบรรเลงผีผาผู้นั้นชะงักไป ราวกับไม่ค่อยยินยอมดูแลไม้ใกล้ฝั่งเยี่ยงกู้ซีจิ่ว หากแต่ตอนนี้นางกำลังขอความเมตตาคนอื่นอยู่ จึงตอบรับด้วยเสียงแผ่วเบา “เจ้าค่ะ เทียนเกอน้อมรับคำสั่ง”
นางเดินไปข้างกายกู้ซีจิ่ว รินชาให้เธอถ้วยหนึ่ง ก่อนยกป้อนให้ถึงริมฝีปาก
มือขาวอ่อนนุ่ม แขนเสื้อคล้ายมีกลิ่นหอมจางๆ อบอวลอยู่ที่ปลายจมูกของกู้ซีจิ่ว เมื่อกู้ซีจิ่วได้กลิ่นหอมนั้นหัวใจก็เหมือนถูกกระแทกเข้าอย่างจัง ร่างกายสั่นไหว ริมฝีปากกระแทกเข้ากับถ้วยชาที่นางยกให้
สตรีบรรเลงผีผาไม่ทันระวัง ถ้วยชาโคลงเคลงไปมา กระเซ็นโดนเสื้อคลุมของกู้ซีจิ่วไปบ้าง
“ขออภัยเจ้าค่ะ! ขออภัยเจ้าค่ะ!” สตรีบรรเลงผีผาตื่นตระหนก รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกมาเช็ดน้ำบนเสื้อคลุมของกู้ซีจิ่ว…
น้ำชานั้นค่อนข้างร้อน เมื่อหกลงบนเสื้อคลุมของกู้ซีจิ่วจึงยังคงมีไอร้อน ตัวเธอถูกลวกเสียจนบิดไปมาอยู่สองสามที ตอนนี้ร่างของกู้ซีจิ่วอ่อนนุ่มเหมือนเส้นบะหมี่ การขยับนี้ไม่รุนแรงอะไร ทว่าเก้าอี้ด้านใต้กลับพลิกคว่ำ ทำให้เธอพลันล้มทับบนตัวสตรีบรรเลงผีผาผู้นั้น
สตรีผู้นั้นกรีดร้อง ถูกเธอล้มทับบนพื้น กลายเป็นเบาะรองให้กับกู้ซีจิ่ว…
————————————————
บทที่ 1122 ใครมุ่งร้ายใคร 3
ริมฝีปากแก่ชราของกู้ซีจิ่วขบกัดใบหน้ารูปไข่ที่เรียบเนียนนั้น ปรากฏเป็นรอยฟันจางๆ
สตรีบรรเลงผีผามึนงงอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้างามแฉล้มใกล้จะเขียวคล้ำแล้ว นางเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ “ผู้…ผู้อาวุโส ท่าน…ลุกขึ้น…”
หลงฟั่นอดไม่ได้อยากหัวเราะออกมา เขากอดอกมองดูเสียอย่างนั้น
สตรีบรรเลงผีผาผู้นั้นดิ้นรนอยู่ใต้ร่างกู้ซีจิ่ว ในที่สุดก็ประคองตัวเองลุกขึ้นนั่ง เมื่อคิดได้แล้วนางก็ประคองกู้ซีจิ่วลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล “ท่านผู้อาวุโส ขออภัย เทียนเกอมิทันได้ระวัง ขอท่านโปรดอภัยด้วย”
สตรีบรรเลงผีผาเป็นดั่งสะใภ้ตัวน้อยผู้ถูกรังแก ด้านหนึ่งต้องกล้ำกลืนฝืนทนกล่าวคำขอโทษต่อกู้ซีจิ่ว อีกด้านหนึ่งก็ต้องประคองเธอไปนั่งที่เก้าอี้
ตัวกู้ซีจิ่วเองไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย น้ำหนักของร่างกายทั้งหมดกดทับไปที่ร่างของสตรีผู้บรรเลงผีผา หลังจากประคองเธอขึ้นนั่ง ก็เหนื่อยเสียจนมีเม็ดเหงื่อที่ปลายจมูก
“ผู้อาวุโส ท่านไม่เป็นไรกระมัง?” หลงฟั่นเดินมาจับชีพจรกู้ซีจิ่วอย่างเอาใจใส่ ด้วยกลัวว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บ
ผลของการจับชีพจรทำให้หลงฟั่นพึงพอใจมาก จุดลมปราณของกู้ซีจิ่วยังคงถูกสกัดไว้ พิษก็ยังคงอยู่ในร่างกายเธอ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร
ความจริงแล้วหลงฟั่นแค่ลองหยั่งเชิงดู หากสตรีบรรเลงผีผาผู้นี้เป็นสายที่ตี้ฝูอีส่งมา คงฉกฉวยโอกาสตอนที่ล้มคลายจุดให้กู้ซีจิ่วแล้ว
ความจริงพิสูจน์แล้วว่าเขาคิดมากเกินไป
เขาส่ายหน้าอยู่ในใจ ตำหนิสตรีบรรเลงผีผาไปสองสามคำ ต่อว่าว่านางประมาทเลินเล่อ
สตรีบรรเลงผีผาน้อมรับด้วยความเคารพ รินน้ำชาให้กู้ซีจิ่วดื่มอีกครั้งอย่างเอาอกเอาใจ ดูแลจนเธอดื่มหมด อีกทั้งยังหันกายไปยังด้านหลังเธอดังสุนัขรับใช้ และบีบนวดให้เธอเบาๆ
ดรุณีนางนี้รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร เด็กผู้หญิงที่เกิดจากตระกูลยากจนข้นแค้นก็หลักแหลมเช่นนี้
หลงฟั่นพยักหน้าอยู่ภายในใจ
เมื่อสักครู่ลูกน้องของเขาออกไปตรวจสอบแล้ว เรื่องที่สตรีบรรเลงผีผาพูดเป็นความจริง นางเป็นเด็กกำพร้า พ่อของนางเป็นอาจารย์สอนผีผาผู้ตกยาก จากโลกนี้ไปเมื่อปีก่อนหลังจากถ่ายทอดวิชาความรู้ทั้งหมดให้กับบุตรสาว ทิ้งไว้ให้สตรีผู้นี้ใช้ทำมาหากิน ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันตระกูลสูงส่งทรงอิทธิพลในเมืองถูกตาต้องใจนางเข้า ต้องการรับนางไว้เป็นอนุ ชายตระกูลสูงส่งผู้นั้นทั้งอ้วนทั้งชรา สตรีบรรเลงผีผาย่อมไม่ยินยอม ทว่าไม้ซีกย่อมไม่อาจงัดไม้ซุง จึงทำได้เพียงใช้อุบายประวิงเวลามาโดยตลอด…
ดังนั้น ที่นางมาขอความเมตตาจากเขาจึงไม่น่าแปลกใจอะไร
หญิงงามย่อมพึงใจชายหนุ่มรูปงาม ความจริงสตรีบรรเลงผีผาผู้นี้ถูกตาต้องใจเขาเข้าแล้ว ถึงแม้นางกำลังดูแลกู้ซีจิ่ว แต่ดวงตาเป็นประกายคู่นั้นกลับเหลือบมองเขาอยู่เนืองๆ เมื่อสายตาสบกัน ขนตานางพลันสั่นไหว ก้มศีรษะลง มีความขวยเขินตามแบบฉบับหญิงสาว
ด้วยการหยั่งเชิงหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดหลงฟั่นก็วางใจ
สายตาของเขามองไปฝั่งตรงข้าม ฝั่งนั้นใกล้จะกินข้าวมื้อนี้เรียบร้อยแล้ว ว่าแต่นายท่านของเขายังจะลงมือหรือไม่กันแน่?!
เขาอดแอบทอดถอนใจไม่ได้ โม่เจ้า ท่านเจ้าท่านนี้เก่งกาจไปเสียทุกเรื่อง เพียงแต่ขี้สงสัยเป็นที่สุด อีกทั้งไม่ค่อยใจกล้าเสียเท่าใด
เขาเหลือบมองกู้ซีจิ่วอีกที เธอมีท่าทางเบื่อหน่อยเป็นที่สุด เป็นอัมพาตอยู่ตรงนั้นเยี่ยงคนไร้กระดูก ขณะรับการดูแลจากสตรีบรรเลงผีผาผู้นั้น ก็มองออกไปนอกหน้าต่าง
กู้ซีจิ่วคิดว่าเธอควรได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม!
ทั้งที่ภายในร้อนดังน้ำเดือดพล่าน ฟองอากาศแห่งความสุขพวยพุ่งออกมาอย่างไม่คิดชีวิต ก็ยังคงรักษาใบหน้าเรียบเฉยดังเป็นอัมพาตเอาไว้ได้ เธอยกนิ้วให้กับทักษะการแสดงที่ดีเยี่ยมของตัวเอง!
แต่เธอรู้สึกว่าการแสดงของตัวเองยังห่างชั้นเมื่อเทียบกับแม่นางที่กำลังบีบนวดไหล่ข้างหลังเธอ
คนที่อยู่ข้างหลังผู้นี้ต่างหากคือนักแสดงนำยอดเยี่ยมที่แท้จริง ทักษะการแสดงเข้าขั้นเทพแล้ว!
ตี้ฝูอี!
หญิงงามที่หัวใจอ่อนระทวย ดูไปแล้วอ่อนแอบอบบางและเหมือนชื่นชมหลงฟั่นเป็นอย่างมาก ที่แท้ก็คือตี้ฝูอีปลอมตัวมา!
———————————————–
[1] แขนเสื้อสีชาดอวลกลิ่นหอมฟุ้ง หมายถึง สาวงามที่คอยปรนนิบัติบัณฑิตหนุ่มตอนที่กำลังร่ำเรียนในสมัยโบราณ