บทที่ 1123 ใครมุ่งร้ายใคร 4
เมื่อครู่ยามที่กู้ซีจิ่วได้กลิ่นหอมบริสุทธิ์อันเป็นเอกลักษณ์จากร่างกายเขา หัวใจแทบจะกระเด้งกระดอนออกมา! ไม่กล้าเชื่อเลย! ยามนั้นเธอสิ้นเปลืองพลังไปมากโขถึงควบคุมความตื่นเต้นจนแทบจะพลุ่งพล่นเอาไว้ได้
แน่นอนว่าเนื่องจากอยู่เหนือความคาดหมายเกินไป เธอยังคงไม่กล้าเชื่ออยู่บ้าง ด้วยเหตุนี้เลยจงใจล้มทับเขาไว้ใต้ร่าง ซ้ำยังขบแก้มเขาไปคำหนึ่งด้วย เช่นนี้กลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาจึงชัดเจนยิ่งขึ้น
และในขณะที่ตี้ฝูอีถูกเธอทับไว้ มือข้างหนึ่งบังเอิญอยู่ใต้ท้องเธอพอดี เขาจึงฉวยโอกาศใช้ปลายนิ้วสะกิดตรงหน้าท้องเธอ หนักสองเบาสาม เป็นสัญญาณลับที่เธอกับเขาเคยนัดแนะกันไว้ในอดีต
ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงไร้ข้อสงสัยแล้ว คนที่เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่านั่งอยู่ในอาคารฝั่งตรงข้าม ยามนี้กลับมาอยู่ข้างกายเธอ ช่างน่าประหลาดใจและน่ายินดีโดยแท้!
ตี้ฝูอีชมชอบแปลงโฉมรับบทเป็นผู้คนสารพัดข้อนี้กู้ซีจิ่วรู้นานแล้ว แต่เธอกลับคาดไม่ถึงว่าหนนี้เขาจะลงทุนขนาดนี้ ปลอมเป็นสาวงามอรชรอ้อนแอ้นผู้หนึ่ง! รูปโฉมงดงามหยาดเยิ้มนี้เหมือนสตรียิ่งกว่าตัวเธอกู้ซีจิ่วเสียอีก…
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าสามมุมมองของตนถูกเขาพังทลายอีกครั้งแล้ว!
ในท้องเธอมีคำถามมากมายที่อยากถามเขา ทว่าด้วยสถานการณ์สุดวิสัยในยามนี้จึงไม่อาจพูดออกมาได้ และไม่สามารถส่งกระแสเสียงเป็นการลับ ความคิดเธอแล่นวาบ นึกถึงรหัสมอสต์ชนิดหนึ่งที่เธอเคยสอนให้ตี้ฝูอีในยามว่างขึ้นมา
ตอนนั้นเธอเบื่อหน่าย จึงคิดค้นรหัสมอสต์ชุดหนึ่งที่เพียงเขาและเธอเท่านั้นถึงจะเข้าใจได้ ดังนั้นตอนที่เธอฟุบอยู่บนร่างเขา จึงใช้นิ้วเคาะลงบนฝ่ามือของเขาไม่กี่หนอย่างรวดเร็ว บ่งบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับเขา
ด้วยเหตุนี้ตี้ฝูอีจึงเริ่มเคาะหลังเธออย่างกระตือรือร้น เคาะได้จังหวะอย่างยิ่ง ไม่เบาไม่หนัก
ส่วนกู้ซีจิ่วก็วางมือไว้บนขา หลับตาเล็กน้อย เคาะจังหวะราวกับฮัมเพลงอยู่
ด้วยการเคาะเช่นนี้ ทั้งสองจึงสนทนากันอย่างไร้อุปสรรคกีดขวางได้แล้ว
กู้ซีจิ่วพูดเรื่องสำคัญที่สุดก่อน ‘มารสวรรค์ตนนั้นกำลังจะโจมตีท่าน!’
ตี้ฝูอีตอบรับ ‘ทราบแล้ว ข้าวางแผนไว้ที่นี่เสร็จสรรพแล้ว เพียงรอให้เขามาถึง’
กู้ซีจิ่วเอ่ยประเด็นต่อไป ‘ที่นี่รายล้อมไปด้วยคนของเขา พาออกมาถึงหนึ่งร้อยยี่สิบเก้าคน มีผู้ที่บรรลุพลังวิญญาณขั้นแปดขึ้นไปอยู่สิบกว่าคน ที่เหลือล้วนเป็นขั้นหกขึ้นไป’
ตี้ฝูอีตอบกลับว่า ‘ดูเหมือนครั้งนี้เขาจะลงทุนกับข้าอย่างแท้จริง ข้ารู้สึกมีหน้ามีตายิ่งนัก’
กู้ซีจิ่วเงียบไปครู่หนึ่ง ‘…พวกเรามีคนเท่าไหร่?’
ตี้ฝูอีตอบไปตามตรง ‘ไพร่พลเก่งกาจไม่จำเป็นต้องมากมาย วางใจเถอะ อีกเดี๋ยวข้าจะหาจังหวะช่วยเจ้าออกไป จะไม่ทำให้เจ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นอีกเด็ดขาด!’
กู้ซีจิ่วถามออกมาอีกประโยคหนึ่ง ‘ครั้งนี้ท่านมีความมั่นใจหรือไม่ว่าจะกวาดล้างมารสวรรค์ตนนั้นให้สิ้นซากได้?’
ตี้ฝูอีชะงักไปเล็กน้อย ‘ตอนนี้พังยุท์ของข้ายังไม่ฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์ กวาดล้างให้สิ้นซากไม่อาจทำได้ เพียงแต่การทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสสักครั้งยังมีความมั่นใจอยู่มากนัก’
แค่บาดเจ็บสาหัสสินะ…
เจ้าคนผู้นั้นเป็นวัชพืชที่ไม่ว่าจะถูกเพลิงเผาผลาญสักเพียงใด ขอเพียงลมฤดูใบไม้ผลิพัดโชยก็งอกงามขึ้นมาอีกครั้งได้…
กู้ซีจิ่วจึงกล่าวว่า ‘ท่านเตรียมการให้พวกเขาบาดเจ็บสาหัสอยู่ที่นี่งั้นหรือ? ที่นี่พลุกพล่านเกินไป ประชาชนผู้บริสุทธิ์ก็มากมาย…’
ตี้ฝูอีตอบกลับ ‘เพราะนึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะพาเจ้ามาด้วย ดังนั้นแผนที่ข้าวางไว้คือฉวยโอกาสแทรกซึมเข้าไปในฐานของเ ตามหาเจ้าให้พบก่อนแล้วค่อยลงมือกับมัน แต่ตอนนี้หาตัวเจ้าพบแล้ว จึงปรับเปลี่ยนแผนการเล็กน้อย…’
‘ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน!’ กู้ซีจิ่วกล่าว ‘หาทางแทรกซึมเข้าไปในฐานของเขาเหมือนเดิมเถอะ ฐานที่มั่นของเขาอยู่ใต้ภูเขาไฟ ถ้าไม่มีอุปกรณ์พิเศษพวกท่านจะเข้าไปไม่ได้ ด้านในคือฐานบัญชาการใหญ่ของเขา ยังมีคนอยู่อีกหลายร้อยคน!’
‘แต่ว่าเจ้า…’
‘ข้าไม่เป็นไร เขาไม่ทำอะไรข้าหรอก ดำเนินการตามแผนเดิมของท่านเถอะ บอกมาสิว่าแผนเดิมของท่านคืออะไร?’
‘แผนเดิมของข้าคือ…หือ พวกเขาลงมือก่อนเวลา!’
————————————————-
บทที่ 1124 ใครมุ่งร้ายใคร 5
ในเวลาเดียวกันทั้งสองก็ได้ยินเสียงอุทานด้วยความตกใจแว่วมาจากอาคารฝั่งตรงข้าม กู้ซีจิ่วใจหายวาบ หันไปมองทันที ลอบสูดลมหายใจเยียบเย็นเข้าไปเฮือกหนึ่ง!
ในห้องนั้นของอาคารที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในทันใด
กู้ซีจิ่วตัวปลอมคนนั้นไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดจึงนั่งไม่อยู่ไปชั่วขณะหนึ่ง ล้มลงไปด้านหน้าเสียงดังตุบ ตี้ฝูอีที่อยู่ข้างๆ นางย่อมยื่นมือไปช่วยพยุง กู้ซีจิ่วตัวปลอมโผใส่อ้อมอกเขา และฉวยโอกาสแทงมีดสั้นเล่มหนึ่งใส่ร่างของอิงเหยียนนั่ว!
โลหิตทะลักออกมา อิงเหยียนนั่วส่ายโงนเงน ผลักกู้ซีจิ่วตัวปลอมที่อยู่ในอ้อมอกออก “เจ้า…”
ลูกน้องทั้งสองของอิงเหยียนนั่วน่าจะถูกสั่งให้ออกไปก่อนหน้านี้แล้ว ยามนี้เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวภายในห้อง เสียงตะโกนโกรธเกรี้ยว ทั้งคู่ก็พุ่งกลับไป เพียงแต่ยังไม่ทันได้พุ่งเข้าไปในห้อง ก็ถูกพนักงานสี่คนขัดขวางไว้…
วรยุทธ์ของสี่คนนี้ล้วนไม่ต่ำต้อยเลย สกัดมู่อวิ๋นกับมู่เหล่ยไว้ตรงนั้นได้ สองคนนี้ฝ่าไปไม่ได้ชั่วขณะ
ส่วนอิงเหยียนนั่วที่อยู่ในห้องก็ประหลาดใจจริงๆ ถึงแม้เขาจะตกใจยิ่งนักที่ถูกแทง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นผู้ที่มีปฏิกิริยาว่องไวคนหนึ่ง ถอยหลังไปทันที ยกมือขึ้นคล้ายจะทำอะไร ทันใดนั้นในแจกันดอกไม้ที่อยู่ตรงมุมผนังด้านหลังเขาก็มีควันสีเขียวสายหนึ่งพวยพุ่งอกมา เงาสีเขียวสายนั้นก่อตัวเป็นร่างคนผู้หนึ่งในชั่วพริบตา เป็นโม่เจ้า เขาชูมือคราหนึ่ง ลำแสงห้าสีสายหนึ่งเข้าปกคลุมอิงเหยียนนั่ว ร่างกายอิงเหยียนนั่วส่ายโงนเงน ล้มลงไปแล้ว ใบหน้าที่เดิมทีขาวซีดปรากฏสีเขียวคล้ำขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าถูกพิษแล้ว…
“เจ้า…” อิงเหยียนนั่วเงยหน้าถามกู้ซีจิ่วตัวปลอม แววตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
กู้ซีจิ่วตัวปลอมเม้มปากแน่นถอยหลังไปก้าวหนึ่ง หยาดโลหิตหยดหนึ่งย้อยลงมาจากปลายมีดของนาง เรือนกายของโม่เจ้าไหววูบ ปลายนิ้วรับหยาดโลหิตหยดนั้นไว้ จรดจมูกดมคราหนึ่ง ยิ้มออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาจดจำกลิ่นโลหิตได้
เขาก้มตัวมองอิงเหยียนนั่ว “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย สบายดีหรือไม่?”
อิงเหยียนนั่วเบิกตาเล็กน้อย “หรงเช่อ?”
โม่เจ้ายิ้มนิดๆ “คาดไม่ถึงว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจะปราดเปรื่องถึงเพียงนี้ มองออกด้วยว่าเป็นข้า…เพียงแต่ หรงเช่อเป็นเพียงร่าวอวตารของข้า มิใช่ร่างจริงของข้า เห็นแก่ที่เจ้ากำลังจะตายแล้ว ข้าจะบอกเจ้าก็ได้ ข้าคือมารสวรรค์ นามว่าโม่เจ้า จำได้หรือไม่?”
สายตาของอิงเหยียนนั่วหันเหไปที่กู้ซีจิ่วตัวปลอม “นางเป็นตัวปลอมสินะ?! เป็นคนของพวกเจ้าใช่หรือไม่?! เป็นนางใช่ไหมที่เผยฐานะของข้า?”
โม่เจ้าถอนหายใจ “มิผิด ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายช่างเฉลียวฉลาดยิ่งนักโดยแท้ แต่จะบอกว่านางเป็นตัวปลอมก็ไม่ได้ เพราะอย่างนี้ร่างนี้ก็เป็นสังขารของนางจริงๆ เพียงแต่ดวงวิญญาณที่อยู่ด้านในมิใช่นาง…”
สีหน้าอิงเหยียนนั่วเขียวคล้ำขึ้นเรื่อยๆ ทว่ายังคงฝืนทนดิ้นรนถามอีกประโยคหนึ่ง “เช่นนั้นนางตัวจริงอยู่ที่ไหน?”
“อย่าได้กังวล เจ้าจะได้พบนางแน่” โม่เจ้ายิ้มน้อยๆ น้ำเสียงยังคงอ่อนโยนยิ่งนัก
….
เดิมทีกู้ซีจิ่วคิดว่าจะเกิดสงครามนองเลือดขึ้นสักฉาก กลับนึกไม่ถึงว่าจะจบลงอย่างง่ายดายเช่นนี้
‘ตี้ฝูอี’ ที่อยู่ในภัตตาคารปล่อยให้ ‘กู้ซีจิ่ว’ แทงจนบาดเจ็บสาหัส เจียนจะสิ้นชีพ ถูกโม่เจ้าจับตัวได้แบบเป็นๆ
ตี้ฝูอีคล้ายว่าไม่ได้จัดวางคนเลย และไม่ได้วางหลุมพรางใดไว้ เสมือนเนื้อที่ส่งตัวเองมาให้ถึงหน้าประตู ถูกโม่เจ้าจับกุมได้ในคราวเดียว
เดิมทีโม่เจ้าพาคนมากว่าหนึ่งร้อยคน วางแผนอย่างดีทีละขั้นว่าจะรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ นานา อย่างไร ถึงขั้นที่วางแผนไว้อย่างดีว่าหากนี่เป็นหลุมพรางของเขา เขาจะพาคนล่าถอยไปอย่างไร แม้แต่ภูมิประเทศในละแวกนี้ก็ศึกษาจนกระจ่างหมดแล้ว
คาดไม่ถึงว่าเขาที่ราวกับกรีธาไพร่พลนับพันนับหมื่นมาออกศึกถึงหน้าประตู ผลคือพบว่าศัตรูไม่ได้ตระเตรียมหลุมพรางอันใดไว้เลยจริงๆ ข้างกายก็มีลูกน้องแค่สองคน…
เขารู้สึกเหมือนถูกหยอกล้อเล็กน้อย ยังคงไม่อยากเชื่ออยู่บ้าง
———————————————