บทที่ 1205 จินตนาการ
เธอรู้สึกว่าถ้าเขาถอดกางเกงออกจริงๆ ผลกระทบต่อสายตาน่าจะใหญ่หลวงเกินไป ไม่อาจสงบใจเย็บแผลให้เขาได้
เธออยากรักษาให้เขาด้วยใจจริง มิใช่ฉวยโอกาสกินเต้าหู้เขา
ตี้ฝูอีไม่พูดอะไรอีก สะบัดแขนเสื้อไปทางด้านล่างคราหนึ่ง ลำแสงสีขาวอ่อนจางวาบผ่าน กางเกงเขาหายไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้ กู้ซีจิ่วที่ไม่ทันได้ตั้งตัวในที่สุดก็ได้เห็นสองขาเรียวยาวทรงพลังของเขา จากนั้นก็พบว่าเขาสวมกางเกงชั้นในไว้…
ต่อจากนั้น ความกดดันของกู้ซีจิ่วจึงผ่อนคลายลงทันที เธอพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เริ่มจัดการบาดแผลบนขาให้เขาอย่างรวดเร็ว ที่ควรใส่ยาก็ใส่ยา ที่ควรเย็บแผลก็เย็บแผล
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว สุดท้ายกู้ซีจิ่วก็จ้องมองกางเกงในของเขาแวบหนึ่ง ข่มความสงสัยใคร่รู้ไว้ไม่อยู่อีกต่อไป “สิ่งนี้ท่านได้มาจากที่ใด?” คนสมัยโบราณคนหนึ่งสวมกางเกงในของคนยุคปัจจุบันให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างพิลึกอยู่บ้าง
น้ำเสียงของตี้ฝูอีเนิบนาบชัดเจน “ให้คนทำขึ้น”
“ท่านรู้จักการสวมสิ่งนี้ได้อย่างไร?” นี่เป็นจุดที่กู้ซีจิ่วฉงนที่สุด
ตี้ฝูอีเอียงคอเพ่งพิศเธอแวบหนึ่ง ยิ้มมิเชิงยิ้ม “เจ้าก็ใส่ไม่ใช่หรือ?”
กู้ซีจิ่วนิ่งงัน เธอเย็บชุดชั้นในไว้ใส่ในยุคนี้ด้วยตัวเองอยู่หลายตัวจริงๆ อย่างไรเสียชาติก่อนก็ใส่จนชินแล้ว
เพียงแต่เรื่องที่เธอสวมสิ่งนี้เขาไม่ควรจะทราบมิใช่หรือ?
เธอไม่ยักกะจำได้ว่าระหว่างเขากับเธอพัฒนากันไปถึงขั้นที่เปิดเปลือยจนเหลือแต่ชุดชั้นในแล้ว…
คงไม่ใช่ว่าเขามีสายตามองทะลุกระมัง?!
ในใจกู้ซีจิ่วพลันหนาวยะเยือก เกิดความรู้สึกหลอนเหมือนตนเปลือยกายล่อนจ้อนอยู่ตรงหน้าเขาขึ้นมา
ตี้ฝูอีหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่ “จินตนาการถึงข้าว่าอะไรอีก? อันที่จริงข้าเคยเห็นเจ้าใส่ รู้สึกว่ายอดเยี่ยมนัก ดังนั้นจึงทำขึ้นมาสามสี่ตัว”
เขาเรียนรู้ได้ไวเหลือเกิน!
กู้ซีจิ่วตัดสินใจหลีกเลี่ยงประเด็นที่อ่อนไหวข้อนี้ เริ่มถามถึงอาการบาดเจ็บของเขา อยากรู้ว่าสรุปแล้วตรวนสลายวิญญาณพวกนั้นสร้างความเสียหายให้เขามากมายเพียงใด อย่างไรเสียตัวเธอในตอนนั้นก็เคยยินจากโม่เจ้าว่า ต่อให้เป็นเซียน ถูกตรวนสลายวิญญาณชนิดนี้ล่ามไว้สักสิบวันก็สามารถทำให้พลังวิญญาณในร่างสลายหายไปอย่างสิ้นเชิงได้ และตี้ฝูอีถูกล่ามไว้เก้าวันแล้ว ซ้ำยังถูกล่ามไว้หลายเส้นในคราวเดียวด้วย!
ตี้ฝูอีกลับตอบอย่างไม่อนาทรร้อนใจ “โง่งม ข้าเป็นเทพนะ แตกต่างจากเซียนทั่วไป พลังวิญญาณสูญหายไปไม่น้อยจริงๆ เพียงแต่ไม่ถึงขั้นที่สลายหายไปอย่างสิ้นเชิง…”
กู้ซีจิ่วมองเขา “น่าเสียดายที่ยังคงปล่อยให้โม่เจ้ากับหลงฟั่นหนีไปได้ ท่านคาดการณ์ไว้ก่อนแล้วใช่ไหมว่าพวกเขาจะหนีไปได้?”
ตี้ฝูอีนิ่งไปครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นช้าๆ “ซีจิ่ว โม่เจ้าเป็นมารสวรรค์ เว้นแต่ว่าข้าจะสมบูรณ์พร้อม มิเช่นนั้นคิดจะสังหารเขาให้ตายไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อันที่จริงตอนอยู่ในตำหนักใต้ดินเขาแค่ถูกข้าขู่เท่านั้น”
“ว่ายังไงนะ?”
“แผลนั้นเจ้าแทงได้เพียงร่างโคลนนิ่งของเขา ดวงวิญญาณของเขาไม่ได้เสียหายมากมายนัก ยามนั้นหากว่าเขาเดิมพันหมดหน้าตักสละสังขารนั้นทันที จากนั้นก็มาโจมตีข้ากับเจ้า ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่มีใครสามารถต้านไว้ได้ ยามนั้นพลังยุทธ์บนร่างข้ามีไม่ถึงสองส่วน หลังจากสำแดงออกไปสองกระบวนท่าแล้ว อย่าว่าแต่โม่เจ้าเลย ต่อให้เป็นหลงฟั่นก็สามารถเอาชนะข้าได้…”
“ที่แท้ตอนนั้นที่ท่านพิงร่างข้ามิใช้การแสร้งทำ แต่ยืนไม่อยู่จริงๆ ใช่ไหม?”
“ก็มิใช่ว่ายืนไม่อยู่ ยามนั้นข้าต้องถนอมเรี่ยวแรงทุกส่วนไว้เพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกฉิน และแน่นอนว่าต้องการให้เขาเห็นจริงเป็นเท็จ จินตนาการถึงสิ่งที่ไม่เป็นจริง ทำให้เขาเดากำลังที่เหลืออยู่ของข้าไม่ออก”
กู้ซีจิ่วนึกถึงสถานการณ์ตอนนั้น แผ่นหลังผุดเหงื่อเย็นเฉียบออกมา หากว่าหลงฟั่นกับโม่เจ้าไม่ได้กินแหนงแคลงใจกัน และร่วมมือกันรุกถอย โม่เจ้าไม่ได้ถูกสองกระบวนท่าของตี้ฝูอีขู่ให้กลัว แต่พุ่งเข้ามาสู้ตายโดยตรง…
เช่นนั้นประวัติศาสตร์ของฉากนี้จะถูกเขียนขึ้นใหม่จริงๆ!
————————————————————————————-
บทที่ 1206 สตรีหมกมุ่น!
เพียงแต่การที่ตี้ฝูอีชนะในศึกนี้ก็มิใช่เหรืองเหนือความคาดหมาย เขาชำนาญการจับจุดอ่อนผู้อื่น จับจุดอ่อนในนิสัยของโม่เจ้าได้ ปลุกปั่นให้โม่เจ้ากับหลงฟั่นบาดหมางกัน ‘กลยุทธ์เมืองร้าง’[1] นี้ถึงได้ประสบความสำเร็จ โต้กลับในยามคับขันได้ ทำลายฐานทัพสำคัญของโม่เจ้าได้ราบคาบ และทำให้โม่เจ้าบาดเจ็บสาหัส ก่อเรื่องไม่ได้ไปอีกสิบปี
อย่างเดียวที่ทำให้คนเสียดายคือหลงฟั่นก็หนีไปได้เหมือนกัน! สองคนนั้นนิสัยใจคอไปในทิศทางเดียวกัน วันหน้าหากว่ารวมตัวกันอีกครั้ง ไม่รู้ว่าจะก่อเรื่องอะไรขึ้น
“วางใจเถอะ ถึงแม้หลงฟั่นจะคุ้นเคยกับภูมิประเทศ โชคดีหลบหนีไปในทางลับสายหนึ่งได้ แต่เขาก็บาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ทางลับสายนั้นก็เป็นเพราะถูกมู่เฟิงพบเห็นเข้าก่อน ก่อนจะเกิดเรื่องจึงวางกับดักไว้ในทางลับสายนั้น ทางลับสายนั้นกลายเป็นเส้นทางปิดตายแล้ว คาดว่าเขาจะติดอยุ่ในนั้นหนีออกมาไม่ได้”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน เอาเถอะ ที่แท้ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนผ่านการใคร่ครวญจากท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้แล้ว
เธอกล่าวชมเชยอย่างจริงใจ “ท่านร้ายกาจเหลือเกิน! เหนือกว่าจูเก๋อเลี่ยงสามคนเสียอีก! เป็นศัตรูกับท่านช่างน่าหดหู่เหลือเกิน!”
ตี้ฝูอียื่นมือออกไป รั้งเธอเข้าสู่อ้อมแขน จูบขมับเธอทีหนึ่ง “เจ้ายังคงฉลาดที่สุด ที่เป็นคนรักของข้า”
กู้ซีจิ่วมองเขาอย่างยิ้มมิเชิงยิ้ม “คนรักหรือ?”
“แน่นอนสิ เพียงแต่ข้ากำลังทุ่มเทเลื่อนขั้นให้เจ้ากลายเป็นภรรยาอยู่ จะว่าไป ซีจิ่ว เมื่อไหร่เจ้าจะแต่งให้ข้าล่ะ?”
กู้ซีจิ่วร้องเฮอะ “นี่ท่านขอข้าแต่งงานอยู่หรือ? แสงเทียนล่ะ? แหวนล่ะ? ดอกไม้ล่ะ?”
ตี้ฝูอีนิ่งงัน
กู้ซีจิ่วย่อมล้อเขาเล่นเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงคล้องคอเขาไว้ มอบความหวังให้เขา “รอให้ผมข้ายาวถึงเอว แล้วค่อยแต่งให้ท่านดีไหม?”
ตี้ฝูอีมองผมสั้นกุดเหมือนโดนสุนัขแทะของนาง ถ้าต้องรอให้ผมนี้ยาวจรดบั้นเอว มิต้องรอไปสามปีหรอกหรือ?!
เพียงแต่ขอเพียงเขาฟื้นฟูต่อไปอีกหน่อย คิดจะทำให้ผมนางงอกยาวก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายนัก ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน…
ดังนั้นเขาจึงยิ้มแวบหนึ่ง “ได้!”
พลางลูบกระหม่อมของนาง “หนทางอีกยาวไกล ไร้ใจข่มตานอน ซีจิ่ว มิสู้พวกเรา…”
กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง สังหรณ์ใจในความคลุมเครือของเขาอีกครั้ง บาดเจ็บจนกลายเป็นเช่นนี้แล้วยังไม่วายจะแทะโลมเธออยู่ตลอดเวลาอีก กู้ซีจิ่วดูแคลนยิ่งนัก ตำหนิเขาด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่อนุญาตให้คิดเหลวไหล!”
ตี้ฝูอีตอบอย่างใสซื่อ “คิดเหลวไหลอะไร? ข้าจะบอกว่ามิสู้พวกเรามาฝึกฝนกันเถอะ เหมาะให้ข้าสอนวิชายุทธ์ที่สลายอุปกรณ์ติดตามในร่างเจ้าให้เจ้าได้พอดีเลย”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก…
ตี้ฝูอีมองนางอีกครั้ง “คงมิใช่ว่าเจ้าคิดไม่ซื่ออยู่กระมัง? สตรีหมกมุ่น!”
กู้ซีจิ่วเอื้อมมือไปหยิบเบาะรองที่อยู่ด้านข้างมาอุดหน้าเขา “เจ้าน่ะสิหมกมุ่น!”
….
หลงฟั่นเดินโซเซอยู่ในทางลับ
เขาถูกสามยอดฝีมือกู่ฉานโม่มู่เฟิงมู่เหล่ยรุมขนาบโจมตี พลังชีวิตเสียไปกว่าครึ่ง ยามที่หนีเข้ามาในทางลับ เขาไม่เพียงแต่ฝีเท้าซวนเซเท่านั้น ยังกระอักเลือดอย่างไม่อาจห้ามได้ด้วย ทำให้เบื้องหน้าของเขามืดมัวเป็นพักๆ
ทางลับสายนี้เป็นหนทางถอยที่เขาทิ้งไว้ให้ตัวเองในยาที่สร้างวังใต้ดินแห่งนี้ขึ้น ทางลับสายนี้เชื่อมต่อกับบ่อลาวาอีกบ่อหนึ่ง ในบ่อลาวามีเรือเหินอัคคีที่สามารถลำหนึ่งที่เดินทางสู่ด้านนอกได้ ขอเพียงเขาหนีไปถึงเรือลำนั้นก็จะปลอดภัยแล้ว
เส้นทางของเรือเหินอัคคีลำนั้นมิใช่เส้นทางเดียวกับเรือเหินอัคคีทั่วๆ ไป ดังนั้นเพียงเขาขึ้นเรือได้ก็สามารถขับเรือหนีออกไปจากเส้นทางลับได้โดยตรง จากนั้นก็หนีไปให้ไกล
เมื่อภัยพิบัติกล้ำกรายต่างแยกย้ายกันโบยบิน เดิมทีหลงฟั่นก็มีนิสัยเย็นชาอยู่แล้ว ประกอบกับระยะนี้โม่เจ้าแคลงใจในตัวเขาหัวใจเขาจึงเย็นชาขึ้นไปอีก ดังนั้นเมื่อเขาเห็นท่าไม่ดีแล้วจึงรีบแวบออกไปทันทีก็ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ
————————————————————————————-
[1] กลยุทธ์เมืองร้าง เป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งในเรื่องสามก๊ก นับเป็นหนึ่งในสุดยอดยุทธวิธีถอยทัพที่ได้สร้างชื่อเสียงให้แก่ขงเบ้ง