บทที่ 1211 เกี่ยวกับการสลับร่าง
เธอเคยชิบกันชีวิตอิสระเสรี อันที่จริงไม่ใคร่ชมชอบชีวิตที่ถูกผูกมัดเช่นนี้ แต่พอนึกว่าเขาทำเช่นนี้เพราะหวังดีต่อเธอ เธอก็พอยอมรับได้
เธอก็ฝึกฝนมาสามวันแล้ว แน่นอนว่าเธอไม่ได้ปิดด่านกักตน เพียงฝึกฝนช่วงซ้ายกับช่วงบ่ายครั้งละสองชั่วยามเท่านั้น ในระหว่างนี้เธอยังออกไปเที่ยวเล่นด้วย ไปเยี่ยมเยือนหรงเจียหลัวอยู่ครั้งหนึ่ง ได้เห็นว่าเขาบริหารบ้านเมืองได้อยู่ในลู่ในทางได้จริงๆ ก็วางใจแล้ว ตอนกลางวันยังกินข้าวกับเขาที่ออกมาตรวจราชการอย่างลับๆ มื้อหนึ่งด้วย
ขณะที่สนทนากันระหว่างกินข้าว ก็พูดคุยถึงหรงเช่อขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้…
ถึงแม้หรงเช่อจะเล่นงานเขาจนเกือบตาย แต่หรงเจียหลัวก็ยังคงมีความรู้สึกให้อดีตน้องแปดคนนี้อยู่ อย่างไรเสียก็เป็นพี่น้องที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาหลายปี ไม่ต้องพูดถึงการตัวติดกันทั้งวันทั้งคืนเลย พบหน้ากันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน สองพี่น้องถูกคอกันป็นพิเศษ ดังนั้นยามที่เอ่ยถึงน้องชายคนนี้ สุ้มเสียงของหรงเจียหลัวจึงมีอารมณ์อ่อนไหวที่ยากจะซ่อนเร้นไว้ได้…
ก่อนหรงเช่อจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา ได้ปฏิบัติต่อเสด็จพี่รัชทายาทเช่นเขาดีอย่างยิ่ง หลายครั้งที่เป็นทัพหน้าให้เขา และจัดการเรื่องราวมากมายให้เขาอย่างสมดุล
กู้ซีจิ่วฟังอยู่เงียบๆ จากการเล่าของหรงเจียหลัวสามารถสรุปลักษณะเด่นบางอย่างในการทำงานของโม่เจ้าได้
มีสิ่งที่เรียกว่ารู้เขารู้เรารบร้อยครั้งไม่พ่ายอยู่ ถ้าต้องการจะเอาชนะคู่ต่อสู้อย่างสมบูรณ์ จะต้องเข้าใจลักษณะของคู่ต่อสู้ในแต่ละด้าน เช่นนี้ภายหน้าเมื่อประมือกันอีกถึงจะมีความมั่นใจมากขึ้นอีกหน่อยว่าจะเอาชนะได้
พอกินข้าวเสร็จ เธอก็กลับวังค้ำนภา ระหว่างทางได้รับสายจากหลงซือเย่ เธอใช้ยันต์ถ่ายทอดเสียงพูดคุยกับหลงซือเย่อยู่ไม่กี่ประโยค หลงซือเย่ถามว่าเธอสลับร่างคืนสำเร็จหรือยัง กู้ซีจิ่วย่อมบอกไปตามความจริง
หลงซือเย่ที่อยู่ทางนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เอ่ยว่า “เกรงว่าร่างโคลนนิ่งขงเธอจะมีปัญหานิดหน่อย ถ้าไม่สลับคืนเกรงว่าวันหน้าจะไม่เป็นผลดีต่อเธอ เอาแบบนี้แล้วกัน ฉันจะที่นั่นแล้วทำให้การสลับร่างคืนให้เธอดีไหม?”
ดวงตากู้ซีจิ่วเปล่งประกาย “ดีสิ! ยินดีต้อนรับ!”
หลงซือเย่มาถึงรวดเร็วยิ่ง ผ่านไปครึ่งวันเขาก็มาเยี่ยมเยือนวังค้ำนภาแล้ว
ประตูใหญ่ของวังค้ำนภาไม่อาจเข้าได้ง่ายๆ แต่นั้นเป็นคำพูดสำหรับคนทั่วไปเท่านั้น สำหรับสานุศิษย์สวรรค์แล้ว เมื่อมาถึงที่นี่ย่อมมีสิทธิพิเศษ ขอเพียงตี้ฝูอีอยู่ด้านใน แจ้งให้ทราบคราหนึ่งก็สามารถเข้าได้แล้ว
และหลงซือเย่ก็เคยมาที่วังค้ำนภาหลายคร้งแล้ว ดังนั้นมู่เฟิงจึงไว้หน้าเขายิ่งนัก เมื่อได้ยินว่าเขามาก็รีบเชื้อเชิญเขาเข้าไปทันที
อันที่จริงมู่เฟิงก็เห็นแก่ตัวเองเช่นกัน ตี้ฝูอีสั่งใหเขาเฝ้ากู้ซีจิ่วให้ดี พยายามอย่าให้นางวิ่งออกไปด้านอก แต่กู้ซีจิ่วก็ยังออกไปเตร็ดเตร่มาสองสามครั้งแล้ว ถึงแม้สองสามครั้งนี้จะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น มู่เฟิงยังคงรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี หลงซือเย่ก็เป็นสหายของกู้ซีจิ่วเหมือนกัน ถ้าเขามาเยี่ยมเยือน กู้ซีจิ่วก็สามารถเล่นกับเขาได้ ไม่ต้องแล่นออกไปข้างนอกแล้ว
กู้ซีจิ่วย่อมไม่จำเป็นต้องเกรงอกเกรงใจต่อหลงซือเย่นัก ไม่ทักทายปราศรัยก็ตรงเข้าประเด็นเลย สอบถามว่าสรุปแล้วร่างโคลนนิ่งร่างนี้ของตนมีความผิดปกติใดบ้าง
หลงซือเย่ก็ไม่ปิดบังเธอ พูดกับเธอเล็กน้อย “ซีจิ่ว ร่างโคลนนิ่งของเธอในตอนนี้โครโมโซมพันธุกรรมไม่ตรงกับร่างในชาติก่อน…” นี่เป็นประโยคจั่วหัวของเขา
กู้ซีจิ่วค่อนข้างตกตะลึง อย่างไรเสียร่างโคลนนิ่งร่างนี้ก็มีรูปร่างหน้าตาเหมือนชาติก่อนทุกประการ ฝาแฝดยังไม่เหมือนกันขนาดนี้เลย แล้วโครโมโซมพันธุกรรมจะไม่ตรงกันได้ยังไง?
เธอแสดงท่าทางให้เขาพูดต่อไป ด้วยเหตุนี้หลงซือเย่จึงเล่าทุกอย่างออกมาจนหมด
เขาพูดคำศัพท์เฉพาะทางบางส่วนออกมา บางอย่างก็ทำให้กู้ซีจิ่วที่แตกฉานด้านการแพทย์ยิ่งนักฟังไม่เข้าใจเลย แต่เธอฟังความหมายโดยรวมเข้าใจ “ความหมายของคุณก็คือ ความสอดคล้องด้านยีนส์พันธุกรรมร่างโคลนนิ่งนี้ของฉันมีจุดที่คล้ายคลึงกับความสอดคล้องยีนส์พันธุกรรมของหลงฟั่นมากใช่ไหม?”
————————————————————————————-
บทที่ 1212 การสลับร่างที่แสนวุ่นวาย
“ความหมายของคุณก็คือ ความสอดคล้องด้านยีนส์พันธุกรรมร่างโคลนนิ่งนี้ของฉันมีจุดที่คล้ายคลึงกับความสอดคล้องยีนส์พันธุกรรมของหลงฟั่นมากใช่ไหม? ฉันกับเขามีโทรจิตสื่อถึงกันได้เหมือนฝาแฝดงั้นเหรอ?!”
หลงซือเย่พยักหน้า “ร้ายกาจยิ่งกว่าโทรจิตระหว่างฝาแฝดเสียอีก เขาทำเช่นนี้คงมิใช่เพราะอยู่ว่างเป็นแน่ เขาน่าจะมีวิธีพิเศษในการสัมผัสรับรู้ถึงโทรจิตได้ ไม่แน่ว่าอาจสัมผัสตำแหน่งของเธอได้ทันทีถึงขั้นที่รับรู้อารมณ์รักชอบทุกข์สุขของเธอได้ด้วย…”
กู้ซีจิ่วหนาวยะเยือก “ไม่น่ากลัวขนาดนั้นมั้ง?! หลงฟั่นวิจัยเรื่องนี้ได้ด้วยเหรอ?”
หลงซือเย่สูดหายใจเบาๆ แล้วกล่าว “เชื่อฉันเถอะ ด้วยสติปัญญาของนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้น เขาทำได้แน่! เสริมโทรจิตให้แข็งแกร่งหน่อยก็ใช้ได้แล้ว จนถึงตอนนี้ในการวิจัยด้านชีววิทยายังไม่มีใครสามารถก้าวข้ามเขาได้เลย หลังจากกลับไปฉันก็ลองศึกษาโครงสร้างพันธุกรรมของเขากับร่างนี้ของเธอดูแล้ว เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเธอกับเขาไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ทางสายเลือดเลย แต่โครงสร้างพันธุกรรมของพวกเธอกลับคล้ายคลึงกันมากกว่าฝาแฝดเสียอีก…นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ!”
กู้ซีจิ่วตกตะลึง นั่นน่าขยะแขยงเกินไปแล้ว!
เธอหลุบตาอยู่ครู่หนึ่ง ยามที่ช้อนตาขึ้นมาอีกครั้งก็งงงวยอยู่บ้าง “โทรจิตน่าจะมีกันทั้งสองฝ่ายกระมัง? เมื่อกี้ฉันลองสัมผัสดูแล้ว สัมผัสถึงข่าวคราวของเขาไม่ได้เลยสักนิด…”
หลงซือเย่ก็ค่อนข้างฉงนเช่นกัน “ใช่เหรอ? ตามที่ฉันศึกษามา เธอก็น่าจะสัมผัสถึงเขาได้เหมือนกัน เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะทำให้เป็นการสัมผัสได้เพียงทางเดียว มีแค่เขาที่สัมผัสถึงเธอได้?”
นั่นก็แฟนตาซีเกินไปแล้ว!
กู้ซีจิ่วส่ายหน้าไม่พูดอะไร หลงซือเย่ขมวดคิ้วนิดๆ ดูเหมือนจะใคร่ครวญอยู่ว่าหลงฟั่นทำเช่นนี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?
กู้ซีจิ่วสูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง “ไม่ว่าจุดประสงค์ของเขาคืออะไร ฉันก็รู้สึกอยู่เสมอว่าร่างนี้ไม่ค่อยปลอดภัยนัก ฉันยังคิดจะสลับร่างคืนอยู่ คุณว่าคุณสามารถดำเนินการได้ไหม?”
หลงซือเย่พยักหน้า “ทำได้!” เดิมทีเขาก็เชี่ยวชาญด้านนี้อยู่แล้ว
“แบบนั้นสิ้นเปลืองพลังวิญญาณไหม?”
หลงซือเย่ส่ายหน้า “นี่อยู่ในขอบเขตของการแพทย์ ไม่ต้องสิ้นเปลืองพลังวิญญาณ”
กู้ซีจิ่วสบายใจแล้ว เพียงแต่เธอยังสงสัยอยู่นิดหน่อย ตี้ฝูอีไม่อยากให้เธอสลับร่างกลับเธอยังนึกว่าเป็นเพราะต้องสิ้นเปลืองพลังวิญญาณมากมายเกินไปเสียอีก ตอนนี้เขากำลังอ่อนแออยู่ทำไม่ได้ ดังนั้นจึงถ่วงเวลาเธอไว้ แต่ในเมื่อไม่สิ้นเปลืองพลังวิญญาณ ถ้างั้นทำไมเขาถึงคัดค้านกัน?
หรือว่าจะเกิดปัญหาขึ้นกับร่างเดิมนั้นของเธอ? ร่างนั้นผิดปกติหรือ?
เธอพาหลงซือเย่ไปที่ตำหนักน้ำแข็งแห่งนั้น ให้เขาดูร่างเดิมของเธอที่อยู่ในโลงแก้วผลึก
ตำหนักนี้ถึงแม้จะหนาวเหน็บ แต่บางทีอาจเป็นเพราะมีสัตว์วิญญาณปกปักอยู่ ร่างนั้นของกู้ซีจิ่วจึงไม่ถูกแช่แข็งจนกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง ผิวพรรณอ่อนนุ่มเสมือนคนที่ยังมีชีวิตอยู่ นอกจากไม่มีลมหายใจแล้ว ก็ไม่ต่างไปจากคนเป็นเลย
หลงซือเย่นำเครื่องมือการแพทย์มาด้วยไม่น้อย เริ่มตรวจสอบทันที
และผลการตรวจสอบก็ทำให้กู้ซีจิ่วยินดียิ่งนัก อาการบาดเจ็บของร่างนี้หายดีเรียบร้อยแล้ว ค่าดัชนีบ่งชี้ว่าแข็งแรงมาก ขอเพียงเธอเข้าครองร่างก็สามารถลุกมากระโดดโลดเต้นอย่างมีชีวิตชีวาได้เลย
เธอรบเร้าให้หลงซือเย่สลับร่างให้เธอทันที
ตี้ฝูอีใกล้จะออกจากการกักตนแล้ว เธออยากใช้ร่างเดิมไปพบเขา
หลงซือเย่ก็ตรงไปตรงมาเช่นกัน ตอบรับทันที สะบัดแขนเสื้อเรียกเตียงอ่อนนุ่มหลังหนึ่งออกมา แล้วจัดท่าทางให้กู้ซีจิ่วนอนลงไปดีๆ
เขาหยิบเข็มฉีดยาเล่มหนึ่งออกมา ก้าวไปอยู่เบื้องหน้าเธอ “ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะฉีดยาให้เธอหนึ่งเข็ม พอเธอฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็จะอยู่ในร่างเดิมแล้ว” พลางม้วนแขนเสื้อกู้ซีจิ่วขึ้น เผยให้เห็นท่อนแขนขาวกระจ่างดั่งหยกของเธอ…
ขณะที่เข็มของเขากำลังจะแทงเข้าไป จู่ๆ ลำแสงสีขาวสายหนึ่งก็พุ่งวาบเข้ามา
ลำแสงสีขาวสายนั้นปรากฏขึ้นอย่างฉุกละหุกและรวดเร็วเกินไป โจมตีใส่หลอดเข็มฉีดยาของหลงซือเย่ เกิดเสียงดังเพล้ง หลอดเข็มฉีดยาแตกกระจาย น้ำยาเย็นเฉียบหกลงบนแขนของกู้ซีจิ่ว
————————————————————————————-